เครดิต @cm_mcv



อีกหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจ เครดิตจากเพจ CSI LA

ฉอนโกหกเรื่องรถล้ม
ฉอนอยู่ในสถานที่เกิดเหตุวันนั้นเเน่ๆ เพราะบาดเเผลที่ฉอนมีนั้นเหมือนกับของ David เลยที่เเขนขวาเเละขาขวาเขา ฉอนอาจพยายามหยุดการต่อสู้เเต่เขาทำไมสำเร็จ เเต่ฉอนต้องรู้เเน่ๆคนฆ่า David คือใคร เเล้วทำไมตำรวจถึงปล่อยให้นายฉอนออกนอกประเทศ?




--------------------------------------------------------

เครดิต Jessada Denduangboripant


---------------------------------------------------
ข่าวจากช่อง Thai PBS

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แม้ตำรวจจะสามารถจับกุมผู้ต้องหานำไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมกับเปิดเผยข้อมูลบางด้านที่สรุปว่ามีหลักฐานมัดตัวผู้ต้องหาแรงงานต่างชาติอย่างแน่นหนา แต่ยังมีข้อสงสัยต่อพยานหลักฐานมากมายเกี่ยวกับคดีนี้กระหึ่มอยู่ในโลกโซเชียลมีเดีย พร้อมกับคำถามคาใจ "ผู้ต้องหามีแค่นี้จริงหรือ?"

แม้ตำรวจจะควบคุมตัวสองผู้ต้องหาที่เป็นแรงงานหลบหนีเข้าเมืองชาวเมียนมาร์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเรียบร้อยแล้ว และมีการออกมายืนยันทั้งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติและนายกรัฐมนตรี "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ว่าคดีนี้ไม่มีทาง "จับแพะ" อย่างเด็ดขาด แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถตอบข้อสงสัยอีกหลายด้านของคนที่ติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องได้ โดยเฉพาะในโลกโซเชียลมีเดียที่มีการรวบรวมข้อมูล พยานหลักฐานที่เผยแพร่ออกมานำมากางและวิเคราะห์เหตุการณ์คู่ขนานไปกับการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ที่มากกว่านั้น คือการตรวจสอบการทำงานของตำรวจไปด้วย โดยการนำคำให้สัมภาษณ์ที่ถูกบันทึกผ่านโลกออนไลน์และสืบค้นย้อนกลับไปนำมาวิเคราะห์เพื่อหาพิรุธ และในที่สุดก็พบเจอหลายประเด็นคาใจ
โดยเฟซบุคแฟนเพจที่ติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิดที่สุดดูเหมือนจะเป็น CSI LA ที่วิเคราะห์เหตุผ่านข้อมูลและพยานหลักฐานที่เผยแพร่ออกมาไปพร้อมกับติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งแฟนเพจดังกล่าวได้รับการแชร์ข้อมูลอย่างกว้างขวาง พร้อมกับเป็นช่องทางที่ผู้สนใจและเชี่ยวชาญด้านต่างๆ นำข้อมูลคดีและการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของคดีมาแชร์และเผยแพร่ ล่าสุดประเด็นที่น่าสนใจคือเรื่องโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย(ฮานนาห์)ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่าผู้ต้องหาชาวเมียนมาร์ขโมยไปหลังจากลงมือฆาตกรรม และนำไปทำลายทิ้งทีหลัง แต่ล่าสุดแฟนเพจดังกล่าวก็นำเสนอข้อมูลพร้อมภาพถ่ายยืนยันว่าเพื่อนสาวของผู้ตายซึ่งผู้ตายได้ฝากไว้ก่อนเกิดเหตุได้นำมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับรหัสผ่านเข้าใช้งาน(PassCode) และมีการนำคำให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ที่ระบุว่าโทรศัพท์ของผู้ตายหายไปหลังเกิดเหตุมาเผยแพร่ย้อนหลังอีกด้วย

นอกจากนี้อีกประเด็นในโลกโซเชียลกำลังวิจารณ์และแฟนเพจดังกล่าวนำมาเสนอ เพราะนอกจากแอดมินของเพจที่ชื่นชอบงานสืบสวนสอบสวนแล้วยังสนใจอาวุธในการต่อสู้ป้องกันตัวอีกด้วย คือประเด็นชายหนุ่มนักดนตรีใน AC bar ที่ชื่อ "ฌอน" ที่รู้จักกับนักท่องเที่ยวทั้ง 2 คนซึ่งออกมาส่งเสียงเปิดโปงเรื่องมาเฟียบนเกาะเต่าข่มขู่ตนเองพร้อมกับเปิดเผยข้อมูลคนที่มีส่วนร่วมในการฆาตกรรมก่อนจะรีบเดินทางออกจากพื้นที่หลังเกิดเหตุการณ์ จากภาพถ่ายในวันที่ "ฌอน" หนีออกจากเกาะเต่าพบว่า "ฌอน" มีบาดแผลที่หลังท่อนแขนขวาและขาขวาในลักษณะเดียวกันกับบาดแผลบนศพของ "เดวิด" ผู้ตาย ทั้งนี้มีการวิเคราะห์ว่าน่าจะเป็นบาดแผลที่เกิดจาก "มีดชก" อาวุธต่อสู้ชนิดหนึ่ง ไม่น่าจะเป็นบาดแผลจาก "จอบ" ตามแนวทางสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า "ฌอน" น่าจะอยู่ในที่เกิดเหตุขณะที่ "เดวิด" และ "ฮานนาห์" ถูกทำร้าย อาจจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างใดอย่างหนึ่งกับเหตุการณ์ เช่นเข้าไปช่วยเหลือคนทั้งสองกระทั่งถูกทำร้ายก่อนถูกไล่ให้ออกมาจากที่เกิดเหตุ แต่หลังจากฌอนหนีออกจากเกาะเต่า ก็ดูเหมือนจะถูกตัดออกจากสารบบของพยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์หรือผู้ต้องสงสัยทันที ชื่อของ "ฌอน" ไม่มีผู้ที่เกี่ยวข้องรายใดพูดถึงอีกต่อไป

ในขณะที่ "จอบ" ซึ่งทางตำรวจระบุว่าเป็นอาวุธสังหารบุคคลทั้งสอง ก็ไม่ได้รับการเปิดเผยเรื่อง "รอยนิ้วมือ"ที่ปรากฏบนอาวุธดังกล่าว...

นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องถุงยางที่พบในที่เกิดเหตุ ซึ่งทีมแพทย์นิติเวชระบุว่า DNAที่พบในร่างกายของ "ฮานนาห์" เป็นของชาวเอเชีย 2 คน แต่ข้อมูลคำรับสารภาพที่ทางตำรวจนำมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนนั้น หนึ่งในผู้ต้องหาได้ยอมรับกับตำรวจว่า ได้ลงมือฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวเนื่องจากเกิดอารมณ์ทางเพศ เพราะเห็นนักท่องเที่ยวชายหญิงคู่นี้กำลังมีเพศสัมพันธ์กัน

"ถ้า David มีอะไรกับ Hannah ทำไมไม่มี DNA ของ David ในตัว Hannah ? และในขณะที่ระบุว่ามี DNA ผู้ต้องหาในตัวผู้ตาย แล้วใครที่เป็นคนใช้ถุงยาง?" นี่คือคำถามที่แอดมินของแฟนเพจ CSI LA ตั้งไว้ ทำให้ประเด็นเรื่องถุงยางอนามัยเป็นอีกเรื่องที่ชาวโซเชียลฯ นำไปวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย พร้อมกับตั้งคำถามว่า "ผู้ต้องหามีแค่นี้จริงหรือ?"

ในขณะที่ดูเหมือนจะมีการยอมรับกับพยานหลักฐานที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาเปิดเผยซึ่งเชื่อได้ว่าชาวเมียนมาร์สองคนที่ถูกจับกุมตัวได้เป็นผู้ต้องหาตัวจริง แต่ข้อมูลอีกด้านที่โลกโซเชียลมีเดียนำมาเผยแพร่ก็น่าสนใจ เช่นมีกล้องวงจรปิดและข้อมูลจากคนพื้นที่ระบุว่า ทั้งสองคนเป็นลูกจ้างอยู่ที่ AC bar หลังเกิดเหตุฆาตกรรมนักท่องเที่ยว 2 คนเป็นเวลา 18 วันก่อนจับกุมตัวพวกเขาได่ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนยังคงทำงานอยู่ที่ AC bar ตลอดมา ในขณะที่ทาง น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผอ.มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ซึ่งเป็นนักสิทธิมนุษยชนที่ติดตามคดีนี้มาอย่างใกล้ชิดก็เปิดเผยกับทีมข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า วันที่ตำรวจบุกจับกุมตัว ผู้ต้องหาและเพื่อนรวม 9 คนยังรวมกลุ่มเตะตะกร้อด้วยกัน แต่ต้องหลบหนีเพราะไม่มีใบอนุญาตเข้าเมืองอย่างถูกกฏหมายก่อนจะถูกจับกุมตัวได้ในภายหลัง ทั้งเรื่องการตรวจดีเอ็นเอที่ก่อนหน้านี้ตำรวจบอกว่าไล่ตรวจแรงงานต่างชาติทุกคนบนเกาะเต่าหมดแล้ว แต่ของทั้งสองคนเพิ่งมาตรวจทีหลัง และใช้เวลาน้อยมากในการตรวจ เพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็สามารถบอกผลได้

นอกจากนี้ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อการทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่แทบไม่มีปฏิกิริยาจากชาวเกาะเต่า แม้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกมาระบุว่าต้องจัดกำลังคุ้มกันเป็นพิเศษเพราะผู้ต้องหาอาจโดนรุมประชาทัณฑ์ เพราะคดีดังกล่าวเป็นเหตุสะเทือนขวัญคนไทยและกระทบต่อภาพลักษณ์ของชาวเกาะเต่า แต่วันดังกล่าวกลับไม่มีปฏิกิริยาจากชาวเกาะเต่าและนักท่องเที่ยว มีเพียงการยืนมองดูห่างๆ ซึ่งผิดวิสัยของคนไทยยิ่งนัก

ยังมีอีกหลายคนถามคาใจของคนในโลกโซเชียลฯที่ติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามคลี่คลายคดีนี้อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นคดีสำคัญที่ไม่กระทบเพียงความรู้สึกของญาติผู้ตายและประชาชนทั่วไป แต่ยังกระทบกับภาพลักษณ์ของประเทศชาติและบรรยากาศการท่องเที่ยวไทย นี่จึงเป็นเพียงข้อมูลอีกด้านที่คนในยุคสังคมออนไลน์นำมาเผยแพร่และวิเคราะห์วิจารณ์ ในขณะที่บทบาทหน้าที่คลี่คลายคดีแท้จริงเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดังนั้นความเชื่อมั่นต่อพยานหลักฐานที่เปิดเผยออกมาจึงเป็นของญาติ สถานทูตอังกฤษ และประชาชนทั่วไปที่ต้องตัดสินใจด้วยตนเองอย่างรอบด้าน.

ทีมข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ เรียบเรียงและรายงาน