ผอ.มูลนิธิผสานวัฒนธรรมแสดงความกังวลจับผู้ต้องหาแรงงานเพื่อนบ้านคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวอังกฤษไม่มีกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใสรองรับ หวั่นไล่จับแพะ เพราะได้รับข้อมูลว่ามีการไล่จับกุมตัวโดยไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหา ไม่มีตัวแทนกฏหมายและล่าม และการสรุปผลดีเอ็นเอมีความน่าสงสัย มีการเลือกปฏิบัติ เตรียมจัดหาทีมกฏหมายทนายติดตามคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ต.ค.) หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลจากฝ่ายตำรวจเกี่ยวกับคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่าว่าผลการตรวจดีเอ็นเอแรงงานชาวเมียนมาร์ 3 คนที่เพิ่งจับกุมตัวได้ตรงกับหลักฐานจากเชื้ออสุจิที่ทิ้งไว้ในศพนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เสียชีวิต พร้อมกับการแสดงหลักฐานอื่นประกอบ เช่นก้นบุหรี่ในที่เกิดเหตุนั้น
ล่าสุด
น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรมเปิดเผยกับทีมข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า ตนเองได้รับเรื่องร้องเรียนจากกรณีดังกล่าวว่า คดีนี้ตำรวจไล่จับแรงงานชาวเมียนมาร์บนเกาะเต่าอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่เกี่ยวข้องกับบุคคลทั้ง 3 คนได้รับการเปิดเผยข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านจำนวน 9 คนกำลังจับกลุ่มเตะตะกร้อกันอยู่ เมื่อตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้นจับกุม
แรงงานจำนวน 3 คนที่ไม่มีบัตรประจำตัวและใบอนุญาตทำงานก็ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนให้หลบหนี ทั้ง 3 คนจึงวิ่งหนี และถูกตำรวจเฝ้าติดตามก่อนจับกุมได้ กลายเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษในขณะนี้
"เรื่องนี้เรามีข้อมูลมาก่อนหน้านี้ว่ามีการไล่ตรวจดีเอ็นเอแรงงานชาวเมียนมาร์อย่างต่อเนื่องจนทุกคนรู้สึกไม่ปลอดภัย เรื่องนี้ค่อนข้างน่ากังวลสำหรับคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชน โดยมีข้อกังวลดังนี้
1.การควบคุมตัวโดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา 2.การเรียกตรวจดีเอ็นเอสอดคล้องกับกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ 3.ในขณะที่มีการควบคุมตัว ผู้ต้องหามีล่ามเพื่อการสื่อสารหรือไม่ 4.ผู้ต้องหามีตัวแทนด้านกฏหมายหรือยัง 5.ผลการตรวจดีเอ็นเอรวดเร็วจนน่าสงสัย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ที่มีการตรวจดีเอ็นเอนักท่องเที่ยวต่างชาติยังรอผล 3-4 วัน เป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่"
ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรมกล่าวอีกว่า ตอนนี่ฝ่ายไทยกังวลกับกรณีนักท่องเที่ยวลดลงมากกว่าการสร้างกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใส ทั้งที่การควบคุมตัวบุคคลที่ต้องสงสัย
หากไม่มีกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใสรองรับจะทำให้ไม่สามารถตอบคำถามกับตัวแทนผู้เสียหายได้ คดีดังกล่าวสถานทูตอังกฤษและตัวแทนด้านกฏหมายของผู้เสียหายติดตามคดีอย่างใกล้ชิดและกดดันอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทย
http://m.news.thaipbs.or.th/content/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%AF%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%86%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AA
ตัวเล็กมาก ไม่เหมือนชายในกล้องวงจรปิดที่วิ่งไปมาเลย
นักสิทธิฯกังวลจับผู้ต้องหาฆ่านักท่องเที่ยวอังกฤษไม่โปร่งใส
ผอ.มูลนิธิผสานวัฒนธรรมแสดงความกังวลจับผู้ต้องหาแรงงานเพื่อนบ้านคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวอังกฤษไม่มีกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใสรองรับ หวั่นไล่จับแพะ เพราะได้รับข้อมูลว่ามีการไล่จับกุมตัวโดยไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหา ไม่มีตัวแทนกฏหมายและล่าม และการสรุปผลดีเอ็นเอมีความน่าสงสัย มีการเลือกปฏิบัติ เตรียมจัดหาทีมกฏหมายทนายติดตามคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ต.ค.) หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลจากฝ่ายตำรวจเกี่ยวกับคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่าว่าผลการตรวจดีเอ็นเอแรงงานชาวเมียนมาร์ 3 คนที่เพิ่งจับกุมตัวได้ตรงกับหลักฐานจากเชื้ออสุจิที่ทิ้งไว้ในศพนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เสียชีวิต พร้อมกับการแสดงหลักฐานอื่นประกอบ เช่นก้นบุหรี่ในที่เกิดเหตุนั้น
ล่าสุด น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรมเปิดเผยกับทีมข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า ตนเองได้รับเรื่องร้องเรียนจากกรณีดังกล่าวว่า คดีนี้ตำรวจไล่จับแรงงานชาวเมียนมาร์บนเกาะเต่าอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่เกี่ยวข้องกับบุคคลทั้ง 3 คนได้รับการเปิดเผยข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านจำนวน 9 คนกำลังจับกลุ่มเตะตะกร้อกันอยู่ เมื่อตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้นจับกุม แรงงานจำนวน 3 คนที่ไม่มีบัตรประจำตัวและใบอนุญาตทำงานก็ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนให้หลบหนี ทั้ง 3 คนจึงวิ่งหนี และถูกตำรวจเฝ้าติดตามก่อนจับกุมได้ กลายเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษในขณะนี้
"เรื่องนี้เรามีข้อมูลมาก่อนหน้านี้ว่ามีการไล่ตรวจดีเอ็นเอแรงงานชาวเมียนมาร์อย่างต่อเนื่องจนทุกคนรู้สึกไม่ปลอดภัย เรื่องนี้ค่อนข้างน่ากังวลสำหรับคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชน โดยมีข้อกังวลดังนี้ 1.การควบคุมตัวโดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา 2.การเรียกตรวจดีเอ็นเอสอดคล้องกับกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ 3.ในขณะที่มีการควบคุมตัว ผู้ต้องหามีล่ามเพื่อการสื่อสารหรือไม่ 4.ผู้ต้องหามีตัวแทนด้านกฏหมายหรือยัง 5.ผลการตรวจดีเอ็นเอรวดเร็วจนน่าสงสัย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ที่มีการตรวจดีเอ็นเอนักท่องเที่ยวต่างชาติยังรอผล 3-4 วัน เป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่"
ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรมกล่าวอีกว่า ตอนนี่ฝ่ายไทยกังวลกับกรณีนักท่องเที่ยวลดลงมากกว่าการสร้างกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใส ทั้งที่การควบคุมตัวบุคคลที่ต้องสงสัย หากไม่มีกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใสรองรับจะทำให้ไม่สามารถตอบคำถามกับตัวแทนผู้เสียหายได้ คดีดังกล่าวสถานทูตอังกฤษและตัวแทนด้านกฏหมายของผู้เสียหายติดตามคดีอย่างใกล้ชิดและกดดันอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทย
http://m.news.thaipbs.or.th/content/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%AF%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%86%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AA
ตัวเล็กมาก ไม่เหมือนชายในกล้องวงจรปิดที่วิ่งไปมาเลย