ปรึกษาปัญหาน้องชายหน่อยค่ะ เค้าดูการ์ตูนแล้วเกิดมโนขั้นโคม่า!

เพิ่งเคยโพสทู้ครั้งแรก ตื่นเต้ล
ก่อนอื่นต้องของบอกว่า เรายืมไอดีเพื่อนมานะคะ /ขอบคุณคุณเพื่อนมว้ากๆ รักนะจุ้บๆ

เป็นที่รู้ๆกันว่าเด็กสมัยนี้ชอบดูการ์ตูน และบ้าการ์ตูนกันเยอะแยะ
แต่เคสที่เราอยากปรึกษานี้ คือเล่าให้ผองเพื่อนและพี่น้องฟังแล้วทุกคนลงความเห็นว่าอาการหนัก ควรพบจิตแพทย์ ขอเล่าเลยแล้วกันค่ะ
เค้าไม่ใช่น้องชายแท้ๆของเรา แต่เป็นน้องชายที่เรารู้จักกันในเฟส รู้จักกันเพราะเค้าเป็นเพื่อนของน้องที่เราเคยเจออีกทีนึง คุยกันได้เพราะชอบวาดรูปเหมือนกัน ดูการ์ตูนเหมือนกัน และคุยค่อนข้างบ่อย เค้าเป็นคนที่ค่อนข้างสุภาพ เป็นมิตร และพูดเก่ง ในสายตาเรา (เราเคยคุยทั้งในเฟสและโทรคุยกับเขามาแล้ว)
ตอนนี้เค้ากำลังบ้าการ์ตูนแบบ ถือว่าค่อนข้างหนัก
คิดว่าตัวเองคือตัวการ์ตูนเลยอะ แล้วเริ่มมีพฤติกรรมแบบตัวการ์ตูน
คือ จริงๆเค้าจะไม่น่าสนใจ และเราจะไม่ใส่ใจเขาหรอกค่ะ ถ้าเค้าไม่บ้าอดข้าวอดอาหารกินกาแฟแล้วอ้วกทุกวัน
แล้วก็ตามสไตล์คนบ้าการ์ตูนอ่ะนะ เค้าโพสในเฟสด้วยว่า.. (ก็อปวางละกันนะคะ อยากโพสรูปให้ดูแต่เพื่อนไม่ได้ยืนยันบัญชี)

"กินอะไรก็เหม็นก็อ้วกไปซะหมด ในท้องนี่โหวงๆเหมือนร่างกายมันไม่รับ ทรมาณ...หิว....."

"อาหารนี่ ยังจำเป็นอยู่รึปล่าวนะ? ในเมื่อกินไปเท่าไหร่ ร่างกายก็ไม่รับ ปล่อยออกมาหมด ให้ตายสิ ท้องว่างสุดๆ...."

"อ้วกยามเช้า...กิจวัติประจำวัน"

"ลาก่อนเบอร์เกอร์ของโปรดที่กินไปมะวาน"

"ท้องว่าง..."

"อ้วกเป็นเรื่องธรรมดาๆประจำวันไปแล้ว"

และ...

"กูลนี่มัน มีจริงมั้ยนะ...?"

หากท่านเป็นเหล่าสาวกการ์ตูนทั้งหลาย ตอนนี้ท่านคงจะทราบแล้วว่า
ตัวละครที่เขาเลียนแบบคือใคร   คาเนกิ เคน จาก โตเกียวกูลนั่นเองค่ะ =__=

เรื่องนี้เราลองคุยกับเพื่อนที่รร.ของน้องดู คุยผ่านเฟสนะคะ เรื่องอาการของเขา เพื่อนเขาบอกมาว่า (ขออนุญาติก็อปวางอีกเช่นกัน)

"คือตั้งแต่ที่เค้าเริ่มดูปอบอ่ะ
เค้าก็เริ่มเพ้อแบบว่า กินอาหารมนุษย์ไม่ได้ ต้องกินกาแฟ ไรงี้อ่ะค่ะ
แล้วพอเค้าเอารูปตัวเองที่แต่งเป็นคาเนกิลงกลุ่มแล้วมีคนมาเม้นท์บอกว่า แต่งเหมือน หน้าเหมือน
เค้าก็ยิ่งสะกดจิตตัวเองเข้าไปอีกว่า เค้าคือคาเนกิ
แล้วก็พูดตลอดเลยว่า เค้าคือคาเนกิ ทุกคนบอกว่าเค้าเหมือนคาเนกิ เค้าคือคาเนกิ ไรงี้เลยอ่ะค่ะ
หนักใจ"


เราปรึกษาเพื่อน เพื่อนเราก็บอกว่า เอาจริงๆนะ ถ้าเป็นอย่างที่เพื่อนน้องเขาว่า มันก็เข้าข่ายอาการทางจิตแล้ว
อีกอย่างมันไม่ควรเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อยอ่ะค่ะ
ปรึกษาแพทย์ให้ชัวร์ดีกว่าไหม เรื่องแบบนี้บางทีเจ้าตัวเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็น ตอนแรกอาจจะแค่ชอบ แค่เพ้อ แต่พอทำซ้ำไปซ้ำมามันอาจจะกลายเป็นความเคยชิน แล้วตัวน้องเขาจะแย่เอง ร่างกายก็ไม่แข็งแรงแล้วยังไม่รับอาหารอีก เพ้อลงเฟสไม่เท่าไหร่แต่อ้วกนี่ ...

มีเรื่องย่อยๆน่าปวดหัวอีกเยอะค่ะ แต่ขอเล่าแค่นี้

ค่อนข้างเป็นห่วง เลยอยากขอคำปรึกษาและหาวิธีแก้ไขค่ะ
1 สุขภาพเค้าที่เค้ากินไรไม่ค่อยได้ อ้วก ไม่รู้จริงป่าว แต่ถ้าจริงน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะหลังๆมาเพื่อนเค้าบอกว่าเค้าไม่กินข้าว ทั้งเพื่อนเค้าทั้งเราบอกให้เค้าไปโรงพยาบาล แต่เค้าก็ไม่ยอมไป
2 เค้าไม่สนิทกับพ่อแม่ มีอะไรไม่พูดไม่ระบายไม่ชวนคุยไม่หือหาอืออาอะไรทั้งนั้น พูดกับผู้ใหญ่แบบถามคำตอบคำ
3 ควรบอกให้พ่อแม่เค้ารู้ยังไงดีคะ
4 ถ้าเค้าควรพบจิตแพทย์จริง ตามโรงพยาบาลจะมีหมอด้านจิตเวชอยู่แล้วรึเปล่าคะ ต้องเข้าไปติดต่ออะไรยังไง จะได้บอกคุณพ่อคุณแม่ของเค้าถูกค่ะถ้าต้องเตรียมเอกสารหรืออะไรพิเศษเผื่อคุณพ่อคุณแม่เค้าไม่รู้

ปล. เค้ายังไม่แสดงอาการด้านพฤติกรรมด้านติดลบแบบสุดๆเท่าไหร่ แต่ถ้าเค้าเกิดบ้าไปกัดคอใครเข้า เราจะมาแจ้งอีกทีค่ะ..
ปลล. เค้าอายุ 16 ค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้านะคะ

ร้องไห้อมยิ้ม17
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
ถ้าเป็นเรื่องจริง !!

ถ้าเป็นไปได้ ผู้ปกครอง หรือ คนที่จะช่วยเหลือน้องเค้า ลองไปพบกับจิตแพทย์ดูก่อน
เพื่อขอคำแนะนำและความช่วยเหลือจากผู้ช่วยชาญโดยตรง ว่าควรจะทำอย่างไรกับตัวน้องเค้า และจัดการปัญหาตรงอย่างไรน่าจะดีที่สุด
(คือ อย่างน้อยผู้ดูแล/รับผิดชอบ ควรไปหาคุณหมอ ก่อนที่จะพาคนไข้จริงๆ ไปเจอคุณหมอ อีกครั้ง)

ตอบตามความเข้าใจ
ในประเด็นที่ จขกท. ถาม
สุขภาพเค้าที่เค้ากินไรไม่ค่อยได้ อ้วก ไม่รู้จริงป่าว แต่ถ้าจริงน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะหลังๆมาเพื่อนเค้าบอกว่าเค้าไม่กินข้าว ทั้งเพื่อนเค้าทั้งเราบอกให้เค้าไปโรงพยาบาล แต่เค้าก็ไม่ยอมไป ?
Q : ก็ต้องลองคุยกับเค้าดีๆ (อย่างจริงจัง)
ลองคุยกับเค้าดีๆ (เหมือนคนปกติคุยกัน) อาจลองคุยในเรื่องทั่วๆไปก่อน
แล้วแค่เจาะจงระบุไปที่ปัญหา ลองเล่าที่คุณปัญหาที่มันเกิดขึ้นตามที่คุณเข้าใจ ให้เค้าฟัง
ถามถึงความเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังเป็นอยู่ เขากำลังทำอยู่ เค้ารู้สึกเป็นอย่างไร ต้องการอะไร และอยากทำอะไร?
ลองถามเกี่ยวกับเรื่องการรักษา ถ้าจะพาไปรักษาเค้าคิด/รู้สึกอย่างไร มีมุมมองอย่างไรกับเรื่องตรงนี้?

[เพื่อเป็นการประเมินการรับรู้เบื้องต้นว่า ป่วยจริง หรือแค่แกล้งทำตามกระแส (ตาม Anime ที่เจ้าตัวดู)
ประเมินง่ายๆโดยใช้ Common Sense ส่วนตัวก่อน ถ้าดูแล้วมันหนัก ไม่เป็นเหตุเป็นผล บิดเบือนจากความเป็นจริงอย่างมาก คุยกันไม่รู้เรื่อง
ก็คงต้องพาเจ้าตัวส่งให้จิตแพทย์ดูก่อนละนะ]

ควรบอกให้พ่อแม่เค้ารู้ยังไงดีคะ ?
Q : ก็บอกตรงๆ ตามสิ่งที่ จขกท. เข้าใจ เหมือนการตั้งกระทู้แบบนี้นี่ละ

ถ้าเค้าควรพบจิตแพทย์จริง ตามโรงพยาบาลจะมีหมอด้านจิตเวชอยู่แล้วรึเปล่าคะ?
Q : ตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับพื้นที่ๆ รพ. ที่จกขท. อยู่ด้วย
ในกรณีไปหาที่ รพ. ฝ่ายกายธรรมดา
ถ้าเป็น รพ. เอกชน บางแห่งก็อาจจะยังไม่มี (ควรตรวจสอบข้อมูลดีๆ)
แต่ถ้า รพ. รัฐ ก็ควรที่จะไป รพ.ใหญ่ๆหน่อย อย่าง รพ. ประจำอำเภอ หรือ รพ. ประจำจังหวัด

ยังไงก็ตาม ถ้าเป็นไปได้ควรลอง Search ข้อมูล รพ.ใกล้บ้าน หรือรพ.จิตเวช.ใกล้บ้านไว้ก่อนจะดีที่สุด

เข้าไปติดต่ออะไรยังไง ?
Q : ก็ทำตามปกติ เหมือนเวลาเราป่วย ไปหาหมอที่ รพ. ทั่วไปนั่นละ
เริ่มต้นก็คงที่จุดประชาสัมพันธ์ หรือ จุดคัดกรอง (อะไรก็ว่าไป)
บอกเจ้าหน้าที่ : ต้องการจะรับบริการรักษาทางจิตเวช, ต้องการรับคำปรึกษาเกี่ยวกับอาการทางจิต ฯลฯ
เดี๋ยวทาง เจ้าหน้าที่จะถามข้อมูลเบื้องต้น และส่งถึงจิตแพทย์ต่อเอง
หรือถ้า รพ.ที่คุณไปหา ไม่มีแผนกจิตเวช ก็ลองถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ให้ช่วยหาข้อมูล รพ.ที่มีแผนกจิตเวชใกล้เคียงให้ก็ได้

ถ้าต้องเตรียมเอกสารหรืออะไรพิเศษเผื่อคุณพ่อคุณแม่เค้าไม่รู้ ?
Q : หลักๆ ก็คงเป็นบัตรประจำตัวประชาชน (ของคนไข้) /บัตรผู้ป่วยของ รพ. (ถ้ามี)
ที่เหลือก็ทำตามกระบวนการ ของ รพ.นั้นๆ นั่นละ

เม่าอ่าน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 51
สวัสดีค่ะ ไม่ทราบจขกท.อายุเท่าไหร่ เพราะงั้นเรียกแบบสะดวกปากว่าคุณพี่สาวละกันนะคะ

มาให้คำแนะนำในฐานะที่เรียนจิตวิทยาค่ะ (ออกตัวก่อนว่าเรียนมา ตอนนี้ฝึกงานอยู่ที่รพ.ค่ะ ยังไม่ได้สอบใบประกอบอะไรจริงจัง)
อาจจะพอแนะนำให้ได้คร่าวๆ เพราะตัวเราเองก็ดูการ์ตูนและเรียกได้ว่า "เสพ" พอสมควรค่ะ
จากที่อ่านๆมาคือน้องจะมีพฤติกรรมที่ว่าแปลกๆหลังดู โตเกียว กูลใช่มั้ยคะ? เป็นการเลียนแบบ ก็ใช่ค่ะ
พฤติกรรมแบบนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นโรคจิตหรือควรพบจิตแพทย์หรอกค่ะ คิดว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ควรจะลองให้คำปรึกษาและพูดคุยกับน้องก่อนค่ะ (โดยส่วนตัวคือกลัวว่าพามาหาจิตแพทย์แล้วเขาจะตราน้องว่าเป็นโรคซะเปล่าๆน่ะค่ะ)
เห็นมีคอมเม้นท์นึงบอกว่าน้องโพสในโซเชียลและดูปฏิกิริยาของคนในโซเชียลว่าจะเป็นไปในทิศทางใด เพื่อต้องการแรงสนับสนุน
คิดว่าจุดนั้นคือใช่ค่ะ ถ้าหากมีคนไปโพสชมเขาน้อยลง มีปฏิกิริยาต่อท่าทีหรือพฤติกรรมของเขาน้อยลง เผลอๆอาจจะหายไปเลยก็ได้ค่ะ
แต่ไม่ใช่ไปพูดว่าหรือเสียดสีนะคะ การลดพฤติกรรมคือการเลิกให้แรงเสริมต่อสิ่งนั้นๆค่ะ เพื่อลดการเกิดพฤติกรรมหรือไม่ให้เกิดพฤติกรรมเกิดขึ้นอีกค่ะ ลองปรับพฤติกรรมกันง่ายๆก่อนนะคะ เป็นต้นว่าเวลาเขาอ้วก ก็ลูบหลังเขาเบาๆ แล้วค่อยๆบอก อาจจะเล่นมุขติดตลก "แพ้ท้องหรอ?" อะไรทำนองนี้  คือเบี่ยงความสนใจไปและพยายามไม่พูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนั้น ถ้าน้องกินกาแฟก็บอกว่า "จะสอบหรอ? อ่านหนังสือดึกสินะ ซดหลายแก้วเลย" พยายามพูดเรื่องที่เป็นปกติในชีวิตประจำวันให้มากที่สุดค่ะ พยายามย้ำให้เขาเห็น ความเป็นจริง ให้มากที่สุด อ่อ ส่วนเรื่องหาหมอตรวจกระเพานี่แนะนำเลยค่ะ ถ้าผลออกมาไม่ได้เป็นโรคกระเพาะจะได้หาทางปรับพฤติกรรมกันต่อไปค่ะ

จะลองยกตัวอย่างเคสง่ายๆที่เจอที่รพ.นะคะ (ขออนุญาตไม่เอ่ยนามคนไข้)
มาที่แผนกฉุกเฉินจากการฆ่าตัวตายค่ะ (แรงมาเลย) ส่งต่อมาที่จิตเวชเพราะยังมีความคิดฆ่าตัวตายอยู่ค่ะ
เขาคิดว่าตัวเองเป็นผู้เป็นอมตะค่ะ (ตอนนั้น age of tomorrow กำลังดังเลยค่ะ) เขาบอกว่าตัวเองกำลังวนลูปอยู่ ต้องตายไปเรื่อยๆเท่านั้น จนกว่าจะพบที่ตายจริงๆ (มาถึงตรงนี้คุณหมอเขียนเลยค่ะว่า ออกจากโลกความเป็นจริงไปแล้ว และไม่ยอมรับการเจ็บป่วยค่ะ> นี่คือสิ่งที่กลัวค่ะ ถ้าน้องไม่ได้หนักขนาดทำร้ายคนอื่นหรือพยายามฆ่าตัวตายก็ค่อยๆพูดคุยแก้ปัญหาก่อนเถอะนะคะ) ต้องให้ยาคลายกล้ามเนื้อและยาสลบค่ะถึงจะคุยรู้เรื่อง คุยไปคุยมาคือใช้สารเสพติดเเละเพิ่งเลิกเหล้าแบบหักดิบ เลยมีอาการประสาทหลอนค่ะ

ถ้าน้องไม่ได้อาการหนักถึงขั้น มีพฤติกรรมพยายามทำร้ายคนรอบข้าง เห็นภาพหลอนหรือหูแว่ว ก็อย่าเพิ่งพาไปหาหมอเลยค่ะ (แต่ถ้ามีจิตแพทย์ที่รู้จักกันก็โทรปรึกษาได้นะคะ หรือสายด่วนการให้คำปรึกษาของโรงพยาบาลต่างๆที่มีแผนกจิตเวชก็ได้ค่ะ)

ปล. การให้น้องดูการ์ตูนเรื่องอีกก็เป็นการเบี่ยงประเด็นอีกอย่างได้เหมือนกันค่ะ เผื่อจะไปติดเรื่องโน้นแทน
แนะนำให้ดูโนซากิคุงนะคะ (เผื่อน้องจะอยากวาดโชโจมังงะ 5555)
ปล2. คืบหน้ายังไงมาเล่าสู่กันฟังด้วยนะคะ
ปล3. เรื่องแบบนี้ต้องดูนานๆค่ะ เราขอให้เวลาสามเดือนเป็นตัวตัดสินค่ะ ถ้าอาการที่ว่ายังไม่หายไปในเวลาสามเดือน ค่อยพาไปหาหมอนะคะ (สามถึงหกเดือนจะตัดสินอะไรได้หลายๆอย่างค่ะว่าเขาหลุดจริง หรือแค่ตามกระแสหรือเเค่เรียกร้องความสนใจ)

แต่อย่างที่บอกไปด้านต้น ใช้การปรับพฤติกรรมช่วยได้ค่ะ ถ้าจขกท.อยากได้การปรับพฤติกรรมแบบละเอียด ติดต่อมาได้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่