เอเอฟพี - รัฐสภาตุรกีเมื่อวันพฤหัสบดี (2 ต.ค.) ลงมติเห็นชอบไฟเขียวรัฐบาลส่งกองกำลังตุรกีเข้าสู้รบกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรียและอิรัก แม้แทบไม่ปรากฏสัญญาณว่าจะมีความเคลื่อนไหวดังกล่าวในเร็ววัน
ในรัฐสภา 550 ที่นั่ง มีสมาชิก 298 คนโหวตเห็นชอบและ 98 คนลงมติคัดค้าน โดยเสียงสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากพรรครัฐบาล พรรคยุติธรรมและการพัฒนา (เอเคพี) ขณะที่ข้อบัญญัติดังกล่าวคือการอนุญาตให้ใช้กำลังทหารในชาติเพื่อนบ้านทั้งสอง เช่นเดียวกับเปิดทางให้กองกำลังต่างแดนใช้ดินแดนของตุรกีเป็นทางผ่านของปฏิบัติการต่อต้านนักรบรัฐอิสลาม
การลงมติครั้งนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีเรเซพ ตอยยิบ เออร์โดแกน บ่งชี้ว่าตุรกีกำลังปรับเปลี่ยนนโยบายเพิ่มบทบาทในการสู้รบกับพวกนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) มากยิ่งขึ้น หลังจากไอเอสรุกคืบเข้าประชิดเมืองสำคัญทางเหนือของซีเรียติดกับชายแดนตุรกี
อย่างไรก็ตาม ข้อบัญญัตินี้ที่ได้รับอนุมัติจากรัฐสภาและจะมีอายุ 1 ปี กำหนดขอบเขตที่กว้างมากและไม่ได้ผูกมัดว่าตุรกีจะต้องส่งทหารเข้าไปยังซีเรียและอิรัก
รัฐบาลบอกว่าจากนี้จะตัดสินใจในมาตรการต่างๆที่เป็นรูปธรรมหลังได้รับอาณัติจากรัฐสภา อย่างไรก็ตาม เหล่านักวิเคราะห์หลายคนคาดหมายว่าอังการาจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง “อย่าเพิ่งคาดหมายว่าจะมีความเคลื่อนไหวใดๆ ในทันทีหลังข้อบัญญัติผ่านความเห็นชอบ” อิสเมต ยิลมาซ รัฐมนตรีกลาโหมบอกกับผู้สื่อข่าวก่อนการประชุมของรัฐสภา
สหรัฐฯ กดดันอังการาในการขอใช้ฐานทัพอากาศอินซีร์ลิงค์ ในจังหวัดอาดานา ทางใต้ของตุรกี สำหรับส่งเครื่องบินรบของวอชิงตันขึ้นปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อไอเอสในซีเรีย แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าตุรกีจะยินยอมให้ใช้ดินแดนส่งผ่านอาวุธสังหารหรือไม่ และบางทีพวกเขาอาจจะอนุญาตอย่างจำกัดในการลำเลียงความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและเสบียงที่ไม่ใช่อาวุธด้วย
นอกจากนี้ ประเด็นที่ว่าตุรกีจะใช้กองกำลังทางทหารเข้าสู้รบกับนักรบไอเอสหรือไม่ก็ยังถูกตั้งคำถามอย่างสูง หลังจากก่อนหน้านี้นายเออร์โดแกน เรียกร้องให้จัดตั้งเขตกันชนภายในอาณาเขตของซีเรีย พร้อมบอกว่า “การทิ้งระบิดหลายๆ ตันเพียงอย่างเดียว จะไม่สามารถคลี่คลายปัญหาของซีเรียได้และจำเป็นต้องมีทางออกระยะยาวแก่ประเทศแห่งนี้”
รัฐสภาตุรกีไฟเขียว รบ.ส่งกองกำลังลุยขยี้นักรบ IS ในซีเรียและอิรัก
ในรัฐสภา 550 ที่นั่ง มีสมาชิก 298 คนโหวตเห็นชอบและ 98 คนลงมติคัดค้าน โดยเสียงสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากพรรครัฐบาล พรรคยุติธรรมและการพัฒนา (เอเคพี) ขณะที่ข้อบัญญัติดังกล่าวคือการอนุญาตให้ใช้กำลังทหารในชาติเพื่อนบ้านทั้งสอง เช่นเดียวกับเปิดทางให้กองกำลังต่างแดนใช้ดินแดนของตุรกีเป็นทางผ่านของปฏิบัติการต่อต้านนักรบรัฐอิสลาม
การลงมติครั้งนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีเรเซพ ตอยยิบ เออร์โดแกน บ่งชี้ว่าตุรกีกำลังปรับเปลี่ยนนโยบายเพิ่มบทบาทในการสู้รบกับพวกนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) มากยิ่งขึ้น หลังจากไอเอสรุกคืบเข้าประชิดเมืองสำคัญทางเหนือของซีเรียติดกับชายแดนตุรกี
อย่างไรก็ตาม ข้อบัญญัตินี้ที่ได้รับอนุมัติจากรัฐสภาและจะมีอายุ 1 ปี กำหนดขอบเขตที่กว้างมากและไม่ได้ผูกมัดว่าตุรกีจะต้องส่งทหารเข้าไปยังซีเรียและอิรัก
รัฐบาลบอกว่าจากนี้จะตัดสินใจในมาตรการต่างๆที่เป็นรูปธรรมหลังได้รับอาณัติจากรัฐสภา อย่างไรก็ตาม เหล่านักวิเคราะห์หลายคนคาดหมายว่าอังการาจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง “อย่าเพิ่งคาดหมายว่าจะมีความเคลื่อนไหวใดๆ ในทันทีหลังข้อบัญญัติผ่านความเห็นชอบ” อิสเมต ยิลมาซ รัฐมนตรีกลาโหมบอกกับผู้สื่อข่าวก่อนการประชุมของรัฐสภา
สหรัฐฯ กดดันอังการาในการขอใช้ฐานทัพอากาศอินซีร์ลิงค์ ในจังหวัดอาดานา ทางใต้ของตุรกี สำหรับส่งเครื่องบินรบของวอชิงตันขึ้นปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อไอเอสในซีเรีย แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าตุรกีจะยินยอมให้ใช้ดินแดนส่งผ่านอาวุธสังหารหรือไม่ และบางทีพวกเขาอาจจะอนุญาตอย่างจำกัดในการลำเลียงความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและเสบียงที่ไม่ใช่อาวุธด้วย
นอกจากนี้ ประเด็นที่ว่าตุรกีจะใช้กองกำลังทางทหารเข้าสู้รบกับนักรบไอเอสหรือไม่ก็ยังถูกตั้งคำถามอย่างสูง หลังจากก่อนหน้านี้นายเออร์โดแกน เรียกร้องให้จัดตั้งเขตกันชนภายในอาณาเขตของซีเรีย พร้อมบอกว่า “การทิ้งระบิดหลายๆ ตันเพียงอย่างเดียว จะไม่สามารถคลี่คลายปัญหาของซีเรียได้และจำเป็นต้องมีทางออกระยะยาวแก่ประเทศแห่งนี้”