ก่อนอื่นผมต้องเรียนก่อนนะครับ ว่าบทความนี้ผมไม่ได้แต่งเติมส่วนใดเลย โดยคัดลอกมาจาก FB คุณ Kornkit Disthan
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/kornkitd
และจากหน้าเว็บไซต์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.posttoday.com/%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81/Asia-in-Focus/321897/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%87
เห็นว่าเป็นสาระที่น่าเรียนรู้ จึงได้นำมาโพสต่อครับ
......................................................
โดย...กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการต่างประเทศและกีฬา หนังสือพิมพ์ M2F / www.facebook.com/kornkitd
เกาหลีใต้เป็นประเทศทื่มีอัตราการคอร์รัปชั่นต่ำที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จากการสำรวจโดยการทุจริตทั่วโลกบารอมิเตอร์อยู่ในอันดับที่ 6 ของประเทศที่ค่อนจัดการปัญหาดังกล่าวได้ดี ดูแล้วไม่น่าจะเป็นประเทศที่มีปัญหาเรื่องฉ้อฉลกลโกง
แต่แล้วทำไมเล่นกีฬาทีไรเกาหลีใต้ต้องโกงแล้วโกงอีก โกงจนชาวโลกเอือมระอา
นั่นเป็นเพราะคนเกาหลีใต้ถูกปลูกฝังให้โกงในเรื่องกีฬาอย่างจริงจัง เพราะถ้าไม่โกงก็ไม่สามารถเป็นเลิศได้ และเมื่อไม่ได้เป็นที่หนึ่งคุณก็หมดโอกาสในชีวิตแล้ว
เรื่องนี้หนังสือพิมพ์โคเรียไทม์ส (เกาหลีเท่า) เคยรายงานไว้ในรายงานเรื่อง "กีฬาเกาหลีล้มเหลวที่จะสลัดให้หลุดจากวัฒนธรรมของการโกง" เมื่อปี 2555 คราวที่เกิดกรณีอื้อฉาวในวงการกีฬาไปทั่วประเทศว่า เยาวชนของชาติที่เป็นนักกีฬาถูกโคชและครูบาอาจารย์กำชับให้โกงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยบอกว่า "เรายังไม่โกงก็เท่ากับยังไม่พยายามมากพอ"
ด้วยเหตุนี้นักกีฬาเกาหลีใต้จึงถูกปลูกฝังนิสัยเล่นไม่ซื่อมาตั้งแต่แรก ให้สนใจกับการเล็งผลเลิศเอาไว้ก่อนส่วนน้ำใจนักกีฬาเอาไว้ทีหลังหรืออาจจะไม่แยแสกันเลยทีเดียว
แล้วผลของการโกงมีอะไรบ้าง?
เขาเปรียบเทียบว่า วงการกีฬาก็เป็นขาหนึ่งของสังคมที่นั่น เหมือนกับงานภาคอุตสาหกรรมและบริการ และก็เช่นเดียวกับวงการการศึกษาที่มีทั้งสายเรียนกับสายเล่นหรือสายบุ๋นสายบู๊
สายบุ๋นต้องมุมานะสอบเอนทรานซ์เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด เพราะมหาวิทยาลัยชั้นต้น ๆ จะเป็นใบเบิกทางให้คุณมีเส้นสายรุ่นพี่ เส้นสายในการเข้า บริษัท ใหญ่ ๆ เมื่อเข้าได้แล้วก็จะสบายไปทั้งชาติ เพราะบริษัทจะเลี้ยงดูปูเสื่อไปตลอดชีวิต การแข่งขันในยุทธจักรนักบุ๋นจึงสูงมาก นักเรียนฆ่าตัวตายกันปีหนึ่ง ๆ ก็มากมายเพราะทนแรงกดดันไม่ไหว
ส่วนสายบู๊ก็หนักหนาไม่แพ้กัน เพราะนักเรียนที่มีแววกีฬาจะต้องแย่งกันเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่มีทีมเจ๋งๆ หรือไม่ก็สโมสรกีฬาชั้นเลิศ (โดยเฉพาะฟุตบอลกับเบสบอล) เพื่อที่จะมีอนาคตรุ่งเรืองเช่นเดียวกับสายบุ๋น ทำให้ทั้งโคชท้ังโรงเรียนเคี่ยวเข็ญนักกีฬาทุกวิถีทางเพื่อให้เด็กเป็นที่หนึ่งให้ได้ แต่บางครั้งเด็กเข็นไม่ขึ้น การล้มผลการแข่งขันจึงเกิดขึ้นทั่วไปแม้แต่กีฬาในระดับประถมศึกษา
ทำให้นักกีฬาขงอประเทศนี้มีแต่จิตใจที่มุ่งเอาชนะไม่มีนำใจนักกีฬา เป็นแค่หุ่นกระหายเหรียญ แม้แต่คนเกาหลีเองก็เออออห่อหมกโดยเฉพาะการแข่งระดับนานาชาติ และโดยเฉพาะหากต้องมาพบกับคู่แข่งที่ใหญ่กว่า เพราะเกาหลีถูกข่มขี่มานานนับร้อยปีทั้งจากญี่ปุ่น จากจีนและชาติตะวันตก
ทัศนะมุ่งจะเอาชนะอย่างเดียวนี่เอง ที่ทำให้พวกเขาพยายามทุกอย่างเพื่อที่จะเป็นที่หนึ่ง แม้จะถูกหาว่าก็อปเขามาโกงเขามาขอให้เป็นที่หนึ่งเท่านั้นก็ตายตาหลับแล้ว
นี่มิใช่การกล่าวหามิไม่ได้สรุปเอาเอง แต่เป็นสื่อเกาหลีสรุปให้!
บรรยายภาพประกอบ : ภาพหญิงชาวเปียงยางต้องสวมหมวกไม้ไผ่สานปกปิดหน้าตาก่อนออกจากบ้าน ถ่ายราวปี 1905
........................................................
ผมเองไม่ได้มีเจตนาจะให้กล่าวร้ายหรือไม่ดีอื่นใดนะครับ
แค่เผยแพร่บทความที่น่าสนใจครับผม (เค้าจะไม่ฟ้องผมใช่มั้ยครับ)
"เกาหลีทำไมต้องโกง? " บทความบน FB คุณ Kornkit Disthan และจากโพสต์ทูเดย์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และจากหน้าเว็บไซต์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เห็นว่าเป็นสาระที่น่าเรียนรู้ จึงได้นำมาโพสต่อครับ
......................................................
โดย...กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการต่างประเทศและกีฬา หนังสือพิมพ์ M2F / www.facebook.com/kornkitd
เกาหลีใต้เป็นประเทศทื่มีอัตราการคอร์รัปชั่นต่ำที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จากการสำรวจโดยการทุจริตทั่วโลกบารอมิเตอร์อยู่ในอันดับที่ 6 ของประเทศที่ค่อนจัดการปัญหาดังกล่าวได้ดี ดูแล้วไม่น่าจะเป็นประเทศที่มีปัญหาเรื่องฉ้อฉลกลโกง
แต่แล้วทำไมเล่นกีฬาทีไรเกาหลีใต้ต้องโกงแล้วโกงอีก โกงจนชาวโลกเอือมระอา
นั่นเป็นเพราะคนเกาหลีใต้ถูกปลูกฝังให้โกงในเรื่องกีฬาอย่างจริงจัง เพราะถ้าไม่โกงก็ไม่สามารถเป็นเลิศได้ และเมื่อไม่ได้เป็นที่หนึ่งคุณก็หมดโอกาสในชีวิตแล้ว
เรื่องนี้หนังสือพิมพ์โคเรียไทม์ส (เกาหลีเท่า) เคยรายงานไว้ในรายงานเรื่อง "กีฬาเกาหลีล้มเหลวที่จะสลัดให้หลุดจากวัฒนธรรมของการโกง" เมื่อปี 2555 คราวที่เกิดกรณีอื้อฉาวในวงการกีฬาไปทั่วประเทศว่า เยาวชนของชาติที่เป็นนักกีฬาถูกโคชและครูบาอาจารย์กำชับให้โกงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยบอกว่า "เรายังไม่โกงก็เท่ากับยังไม่พยายามมากพอ"
ด้วยเหตุนี้นักกีฬาเกาหลีใต้จึงถูกปลูกฝังนิสัยเล่นไม่ซื่อมาตั้งแต่แรก ให้สนใจกับการเล็งผลเลิศเอาไว้ก่อนส่วนน้ำใจนักกีฬาเอาไว้ทีหลังหรืออาจจะไม่แยแสกันเลยทีเดียว
แล้วผลของการโกงมีอะไรบ้าง?
เขาเปรียบเทียบว่า วงการกีฬาก็เป็นขาหนึ่งของสังคมที่นั่น เหมือนกับงานภาคอุตสาหกรรมและบริการ และก็เช่นเดียวกับวงการการศึกษาที่มีทั้งสายเรียนกับสายเล่นหรือสายบุ๋นสายบู๊
สายบุ๋นต้องมุมานะสอบเอนทรานซ์เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด เพราะมหาวิทยาลัยชั้นต้น ๆ จะเป็นใบเบิกทางให้คุณมีเส้นสายรุ่นพี่ เส้นสายในการเข้า บริษัท ใหญ่ ๆ เมื่อเข้าได้แล้วก็จะสบายไปทั้งชาติ เพราะบริษัทจะเลี้ยงดูปูเสื่อไปตลอดชีวิต การแข่งขันในยุทธจักรนักบุ๋นจึงสูงมาก นักเรียนฆ่าตัวตายกันปีหนึ่ง ๆ ก็มากมายเพราะทนแรงกดดันไม่ไหว
ส่วนสายบู๊ก็หนักหนาไม่แพ้กัน เพราะนักเรียนที่มีแววกีฬาจะต้องแย่งกันเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่มีทีมเจ๋งๆ หรือไม่ก็สโมสรกีฬาชั้นเลิศ (โดยเฉพาะฟุตบอลกับเบสบอล) เพื่อที่จะมีอนาคตรุ่งเรืองเช่นเดียวกับสายบุ๋น ทำให้ทั้งโคชท้ังโรงเรียนเคี่ยวเข็ญนักกีฬาทุกวิถีทางเพื่อให้เด็กเป็นที่หนึ่งให้ได้ แต่บางครั้งเด็กเข็นไม่ขึ้น การล้มผลการแข่งขันจึงเกิดขึ้นทั่วไปแม้แต่กีฬาในระดับประถมศึกษา
ทำให้นักกีฬาขงอประเทศนี้มีแต่จิตใจที่มุ่งเอาชนะไม่มีนำใจนักกีฬา เป็นแค่หุ่นกระหายเหรียญ แม้แต่คนเกาหลีเองก็เออออห่อหมกโดยเฉพาะการแข่งระดับนานาชาติ และโดยเฉพาะหากต้องมาพบกับคู่แข่งที่ใหญ่กว่า เพราะเกาหลีถูกข่มขี่มานานนับร้อยปีทั้งจากญี่ปุ่น จากจีนและชาติตะวันตก
ทัศนะมุ่งจะเอาชนะอย่างเดียวนี่เอง ที่ทำให้พวกเขาพยายามทุกอย่างเพื่อที่จะเป็นที่หนึ่ง แม้จะถูกหาว่าก็อปเขามาโกงเขามาขอให้เป็นที่หนึ่งเท่านั้นก็ตายตาหลับแล้ว
นี่มิใช่การกล่าวหามิไม่ได้สรุปเอาเอง แต่เป็นสื่อเกาหลีสรุปให้!
บรรยายภาพประกอบ : ภาพหญิงชาวเปียงยางต้องสวมหมวกไม้ไผ่สานปกปิดหน้าตาก่อนออกจากบ้าน ถ่ายราวปี 1905
........................................................
ผมเองไม่ได้มีเจตนาจะให้กล่าวร้ายหรือไม่ดีอื่นใดนะครับ
แค่เผยแพร่บทความที่น่าสนใจครับผม (เค้าจะไม่ฟ้องผมใช่มั้ยครับ)