คุยกับเจียวต้าย ๒ ต.ค.๕๗

แลไปข้างหลัง

คุยกับเจียวต้าย

คุยกับเจียวต้าย (๓)

ผมมารอฟังเพื่อนที่จะเข้ามาคุยน่ะครับ
เชิญเลยครับ.



Create Date : 25 กันยายน 2550
Last Update : 25 กันยายน 2550 9:53:22 น. 7 comments
Counter : 1 Pageviews.


เมื่อยังไม่มีเพื่อนเข้ามาคุยในช่องนี้
ผมก็จะคุยเสียเอง

เพราะมีเรื่องที่ผมไม่เข้าใจที่มีตัวเลขบอกว่า
มีผู้เข้าชมบล็อกของผม
ตั้งแต่เริ่มเปิดมาได้ร่วมเดือนนี้
มีจำนวนตั้งหกพันกว่าราย

หมายความว่ามีผู้เปิดเข้ามา แล้วก็ออกไปเฉย ๆ
ทุกท่านหรือครับ
เฉลี่ยแล้วมีผู้เปิดเข้ามาวันละกว่าสองร้อยราย
ไม่น่าเชื่อนะครับ

เพราะมีผู้ที่แสดงความคิดเห็น
ยังไม่ถึงยี่สิบรายเลยครับ.




โดย: เจียวต้าย (เจียวต้าย ) วันที่: 29 กันยายน 2550 เวลา:9:53:28 น.


ตัวเลขนั่นบอกการเข้ามาเยือนครับ
อย่างน้อยเขาก็มาเยือนที่หน้าแรกล่ะ
ส่วนจะเลือกอ่านอะไรต่อไปก็คงจะไม่สามารถทราบได้เลยเด้อ


โดย: GTW IP: 125.25.71.46 วันที่: 2 ตุลาคม 2550 เวลา:7:50:20 น.


โอ้โฮ..........มีคนสนใจเปิดดูบล็อกของเจียวต้าย มากมายขนาดนั้นเชียวหรือครับ

เป็นปลื้มครับ.





โดย: เจียวต้าย (เจียวต้าย ) วันที่: 2 ตุลาคม 2550 เวลา:18:46:41 น.







มาลงชื่อไว้ก่อน



โดย: พี่แต้ วันที่: 8 มีนาคม 2551 เวลา:20:57:05 น.







คุณเป็นผู้เข้ามาเยี่ยม ลำดับที่ สามหมื่นหกพันกว่านะครับ.



โดย: เจียวต้าย วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:18:55:31 น.







อ้าว พี่แต้มาก่อนอีกและ แล้วโพดอันดับที่เท่าไหร่ล่ะเนี่ย



โดย: ข้าวโพด IP: 121.55.242.19 วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:19:16:39 น.







สามหมื่นหกพันกว่า ๆ ครับ.



โดย: เจียวต้าย วันที่: 12 มีนาคม 2551 เวลา:11:49:25 น.







Create Date : 01 ตุลาคม 2551
Last Update : 1 ตุลาคม 2551 9:33:47 น.    17 comments  
Counter : 92 Pageviews.  
    




    
อาจารย์จีบอกว่ามีผู้เข้ามาเยี่ยมบล็อกของเจียวต้าย
ตั้งแต่เปิด จนถึง ตุลาคม ๒๕๕๑
เป็นจำนวนถึง สามหมื่นหกพันกว่า ราย

มาวันนี้เหลือเพียง ๑๔๑๕ ราย
สงสัยจะเป็นสถิติใหม่นับจาก มกราคม ๒๕๕๒ ก็ได้
แต่ก็ต้องนับว่าเยอะนะครับ

แต่ที่มาลงชื่อว่าอ่าน คงไม่ถึงหรอกนะครับ.

โดย: เจียวต้าย  วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:10:58 น.    



    
มาขอรับบัตรสมาชิกใหม่ค่ะ

โดย: PANPISA  วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:22:53:19 น.    



    
ไม่ต้องสมัครและไม่เสียค่าสมัครด้วย
เชิญอ่านตามสบายครับ เบื่อเมื่อไรก็เลิกได้ครับ.

โดย: เจียวต้าย  วันที่: 1 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:52:20 น.    



    
ผมเป็นสมาชิกที่เท่าไหร่ครับคุณลุง
มาเป็นประจำทุกครั้งที่ว่างครับ
อาจจะหายหน้าไปบ้าง แต่ไม่ลืมครับ

โดย: วิรุฬห์ IP: 124.120.177.11 วันที่: 2 ตุลาคม 2553 เวลา:21:50:56 น.    



    
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านอย่างสม่ำเสมอนะครับ
พูดถึงลำดับสมาชิกผมก็งง ก็เลยไม่ได้เอาใจใส่
เวลานี้เห็นมีตัวเลขว่าผู้เข้าชมบล็อกนี้ ห้าหมื่นเก้าพันกว่า
ไม่ทราบว่าเริ่มนับเมื่อไรครับ

แต่เท่าที่ผมจำได้ ผู้เข้ามาอ่านสม่ำเสมอทุกวันนับปี
มีคุณข้าวโพดแมวติสต์แตก คนเดียวครับ
ตอนนี้หายหน้าไปไหนแล้วก็ไม่ทราบครับ.

โดย: เจียวต้าย  วันที่: 3 ตุลาคม 2553 เวลา:13:14:02 น.    



    
เข้ามาอ่านเรื่องเล่าของคนวัยทองค่ะ ได้เห็นว่า ท่านใช้ชีวิตอย่างมีแบบแผน มีการให้ทานอย่างเป็นระบบ
จะจำไว้เป็นตัวอย่าง หลังจากเคลียร์หนี้สินได้ ก็จะเริ่มทำตามเลยค่ะ

โดย: ครูน้ำทิพย์ (namthiptung ) วันที่: 10 ตุลาคม 2553 เวลา:5:29:05 น.    



    
ขอบพระคุณมากครับ ที่เห็รว่าแนวคิดของผมมีประโยชน์ ครับ.

โดย: เจียวต้าย  วันที่: 10 ตุลาคม 2553 เวลา:7:50:28 น.    



    
สวัสดีครับคุณลุงเจียวต้าย ผมแอร์ฟอร์ซจากบอร์ดศิลปะ

นะครับ คิดว่าคุณลุงคงจำได้เพราะได้ทักทายกันบ้างแล้วในกระทู้งานศิลปกรรมแห่งชาติของคุณลุง

เมื่อซักครู่ผมพิมพ์เรื่องคุยกะคุณลุงไว้ตั้งเยอะแล้วมือเผลอไปโดนปุ่มอะไรหน่อยนึงมันหายวับไปหมดเลย
เดี๋ยวผมขอส่ง4-5บรรทัดนี้ดูก่อนนะครับ

โดย: แอร์ฟอร์ซ IP: 125.27.52.154 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:12:17:21 น.    



    
ผมชอบอ่านงานเขียนของคุณลุงประเภทเรื่องเล่าจากประสบการณ์นะครับ เท่าที่ดูรายการหัวเรื่องแบบคร่าวๆ
ก็เห็นว่ามีเยอะพอสมควร จะขอเข้ามาทยอยๆอ่านไปเรื่อยๆครับ

ผมอยากเห็นคนรุ่นพี่ป้าน้าอามาพูดคุยเล่าเรื่องต่างๆในอินเตอร์เนตเยอะๆนะครับ
ผมไม่แน่ใจว่านาทีนี้มีคนรุ่นที่เกิดก่อนปีพ.ศ.2500มากขึ้นหรือยังที่กัดฟันก้าวผ่านกำแพงโลว์เทคฯมาสู่โลกไซเบอร์

ที่ใช้คำว่ากัดฟันก็เพราะผมเองก็เคยเป็นพวกใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็นมาก่อนครับ แถมยังพยายามปฏิเสธมันอย่างหนักซะด้วย
พอผ่านกำแพงมาได้ก็นึกเสียดายที่เรามาใช้มันช้าไป

แค่รุ่นพี่ป้าน้าอาผมก็ดีใจแล้ว นี่มาเจอคุณลุงเจียวต้ายคงต้องเรียกว่าเป็นรุ่นพรีเมียร์ล่ะครับ
เรื่องต่างๆที่คุณลุงเล่าไว้มีคุณค่ามากนะครับสำหรับคนรุ่นหลังที่สนใจอย่างผมและเพื่อนๆอีกจำนวนหนึ่ง
ถ้ามีโอกาสผมอยากจะทำ”ที่ทาง”สักที่นึงให้งานเขียนของคนรุ่นเก่าๆได้อยู่อย่างที่เรียกว่ามีฐานที่มั่นน่ะครับ
คือเรื่องความนิยมจะมากน้อยไม่เป็นไรแต่ให้ไม่สูญหายไปก็พอใจแล้ว
เพราะผมมั่นใจว่าคนที่สนใจเรื่องราวในอดีตนั้นมีอยู่ไม่น้อยนะครับ
เพียงแต่โอกาสจะเจอขุมทรัพย์(อย่างในบล็อกของคุณลุงมาก)น้อยแค่ไหนเท่านั้น

ยังไงผมจะเข้ามาทักทายกวนใจคุณลุงอีกเรื่อยๆนะครับ


โดย: แอร์ฟอร์ซ IP: 125.27.52.154 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:00:14 น.    



    
ขอบคุณมากครับที่คิดจะอนุรักษ์ เรื่องเก่าเล่าใหม่ของผมไว้
ผมทำอะไรไม่ได้มาห ก็ขอฝากไว้แค่ในบล็อกนี้เท่านั้นครับ

ถ้ามีทางทำอย่างอื่นก็เชิญตามสะดวกครับ

ผมโชคดีที่ได้รับการฝึกสอนใช้คอมพิวเตอร์ในราชการแทนเครื่องพิมพ์ดีดก่อนเกษียณอายุ ๒-๓ ปีครับ

ผมจึงใช้ความรู้นั้นพิมพ์เรื่องต่าง ๆ ที่ผมเขียนส่งวารสารมากมาย
พอออกจากราชการมาอยู่บ้าน ลูกชายจบการศึกษาก็ยกเครื่องคอมพ์ที่เขาใช้เรียนให้ ก็ใช้ต่อมาอีก ๒-๓ รุ่น

จนถึง พ.ศ.๒๕๔๘ เขาจึงสมัครให้เข้ามาในอินเตอร์เนต จึงไม่ยากที่จะหาความรู้เพิ่มเติม

คือเพิ่งทำบล็อกได้เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๐ และเอาภาพถ่ายมาวางในกระทู้ได้เมื่อต้นปีนี้เอง

เพื่อนรุ่นน้องตั้ง ๖ ปี ผมบอกจะสอนให้แบบโง่ ๆ อย่างผม ก็ไม่ยอมรับครับ.

โดย: เจียวต้าย  วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:10:02:42 น.    



    
เข้ามาขอบคุณคุณลุงอีกครั้งที่หลังไมค์ไปบอกนะครับ

ช่วงนี้บอร์ดศิลปะก็ยังค่อนข้างเงียบเหมือนเดิมครับ
คือไม่ค่อยมีคนโพสผลงานหรือตั้งกระทู้มากเหมือนช่วงบูมๆ แต่ก็เป็นเรื่องปกติของสังคมในโลกอินเตอร์เน็ตแหละครับคุณลุง
ตัวผมเองก็เป็นอยู่บ่อยๆ คือบางช่วงมีเรื่องอย่างอื่นให้คิดให้ทำมากมายจนไม่ได้เข้าพันทิปเป็นเดือนๆก็มี

สำหรับบอร์ดศิลปะนี่ผมคลุกคลีมาตั้งแต่ช่วงแรกๆที่มีคนโพสผลงานอยู่2-3คน มาจนถึงช่วงที่ว่าบูมๆมีราวๆ40-50คน
ที่หมุนเวียนกันแสดงผลงาน ในจำนวนนี้มีศิลปินระดับมืออาชีพเกือบ10คนได้นะฮะ
ตอนนั้นก็ว่าจะจัดมีทติ้งบอร์ดศิลปะกันแล้ว
ก็ได้แต่ว่าจะๆ จนกระทั่งมาถึงจุดที่บอร์ดค่อยๆซาลงอย่างที่เห็นนี่แหละครับ
แต่ผมยังเชื่อว่าเดี๋ยวน่าจะกลับมาคล้ายๆแบบเดิมได้นะครับ เพราะคนสนใจวาดภาพเยอะเหมือนกัน

แล้วบอร์ดศิลปะพันทิปนี่โดยรวมๆก็เป็นบอร์ดที่ค่อนข้างให้กำลังใจคนสร้างผลงาน
(จนบางคนเคยบ่นให้ผมฟังว่าเอาใจกันเกินไป มีแต่คำชมอะไรประมาณนี้) พวกหนักวิชาการเค้าเลยไม่ค่อยอยากมาร่วมขบวนการด้วยเท่าไหร่มั้งครับ

อ้อ...ต้องขอบคุณลุงเจียวต้ายอีกครั้งที่บอกข้อสงสัยในผลงานวาดของผม อันไหนที่แก้ไขได้ผมก็ทำทันทีเลยครับ ก่อนหน้านี้ก็เคยมีบางคนบอกว่าน่าจะเติมอย่างนั้นอย่างนี้อันไหนพอจะทำตามที่เค้าแนะนำได้ผมก็ทำ จำได้เคยวาดดอกไม้แล้วมีคนบอกว่าน่าจะมีหยดน้ำบนกลีบซักหน่อย เผอิญว่าผมว่างๆอยู่พอดีก็เติมหยดน้ำเดี๋ยวนั้นโพสเดี๋ยวนั้นเลย ทำเอาคนที่แนะนำเค้าปลื้มใจมาก แต่ก็คงไม่บ่อยหรอกครับที่จะทำอย่างที่ว่านั่น

มีเรื่องอยากถามคุณลุงเกี่ยวกับการเขียนหนังสืออยู่หลายอย่างเหมือนกัน เดี๋ยวจะเอามาฝากไว้ให้คุณลุงช่วยตอบที่คอลัมน์คุยกันตรงนี้นะครับ



โดย: แอร์ฟอร์ซ IP: 125.27.54.104 วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:0:37:44 น.    



    
ผมมีความรู้น้อยเมื่อเรียนหนังสือครับ
แต่เมื่อโตขึ้นก็สนใจใฝ่รู้ด้วยการอ่านหนังสือ
ชมภาพศิลปะ ทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพถ่าย
ฟังดนตรี ไลท์มิวสิค คลาสสิค อย่างง่าย
ก็แค่ชอบหรือไม่ชอบ ไม่สามารถอธิบายได้ว่า เพราะเหตุใด

มาถึงสมัยนี้เพลงลูกทุ่งฟังสบายหูกว่าเพลงสตริงค์ครับ

และรักการเขียนหนังสือมาตั้งแต่รุ่นหนุ่ม กว่า๖๐ ปีมาแล้ว
ไม่ได้มีชื่อเสียงหรือเงินทอง แต่มีความสุขมากครับ
ว่าจะเลิกเขียนเมื่อครบ ๖๐ ปี เพราะพิมพ์ไม่ไหวแล้ว
แต่ก็ยังเขียนอยู่ในไร้สังกัดครับ

อยากจะคุยเรื่องเขียนหนังสือเชิญได้เลยครับ ผมบอกได้เท่าที่ผมรู้ครับ.

โดย: เจียวต้าย  วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:5:36:12 น.    



    
คุณลุงครับ บรรดาเพลงที่เราฟังๆกันอยู่นี่ส่วนมากความยาวของเพลงจะอยู่ประมาณ3-4นาทีหรืออย่างมากก็5นาที

อยากทราบว่าเวลาเขียนเรื่องเล่าหรือบทความต่างๆนี่เขามีหลักเกณท์มั้ยครับว่าควรจะมีความยาวซักเท่าไหร่
หรือว่าเนื้อหาที่ผู้เขียนต้องการเล่าเป็นตัวกำหนด คือจะยาวสั้นขึ้นอยู่กับเรื่องที่จะเล่าว่ามีมากน้อยขนาดไหน

อันนี้หมายถึงเรียงความแบบเป็นตอนๆอย่างที่คุณลุงเขียนเล่าประสบการณ์หรือเรื่องเล่าต่างๆ
อย่างในเรื่องเล่าของคนวัยทอง เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา อย่างนี้เค้าเรียกว่าบทความใช่มั้ยครับ
เวลาคุณลุงเขียนแต่ละเรื่องนี่ต้องคอยดูความยาวสั้นของเนื้อหาให้พอเหมาะมั้ยครับหรือว่าไม่ต้อง

อ้อ...ผมกำลังตามหาเรื่องเล่าเกี่ยวกับพนักงานธนาคารผู้หญิงคนสนิทที่คุณลุงเล่าไว้ ผมอ่านคร่าวๆไปรอบนึง
ตอนเข้ามาอ่านบล็อกนี้ใหม่ๆ ตอนนี้อยากกลับไปอ่านอีกทีปรากฏว่าหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ คุณลุงจำได้มั้ยครับว่าอยู่ในหมวดไหน

โดย: แอร์ฟอร์ซ IP: 125.25.215.166 วันที่: 11 มีนาคม 2554 เวลา:0:32:06 น.    



    
ความยาวของเรื่องสั้นนั้น เมื่อสมัยก่อนเขากำหนดไว้ว่า มีเท่านั้นเท่านี้คำ ใครจะไปนับไหวครับ

ต่อมาจึงมีคำจำกัดความว่า เรื่องสั้น ต้องมีความมุ่งหมายเดียว
มีตัวละครน้ยที่สุด เดินเรื่องรวดเร็วเข้าไปหาจุดมุ่งหมายนั้น
เมื่อถึงแล้วจบทันที

ต่อมาก็มี หนังสือพิมพ์ไทย กำหนดให้มีเรื่องสั้นขนาดสั้น ความยาวไม่เกินหนึ่งหน้ากระดาษฟูลแค็ป

แล้วก็มีเรื่องสั้นขนาดยาวขึ้นมาอีก แต่อย่างไรก็ต้องอยู่ในเกณฑ์ของคำจำกัดความนั้น จะยาวเท่าไรก็ได้

หรือจะเป็นตอน ๆ ก็ได้ คือเรื่องสั้นหลายเรื่องแต่เกี่ยวเนื่องกันก็ได้

เมื่อผมเขียนหนังสือในยุคหลังเกษียณอายุแล้วนี้ นิตยสารต่วยตูน กำหนดให้เรื่องสั้นมีความยาว ๕-๖ หน้า เอ.๔
แต่ผมถนัดที่จะให้ยาว ๔ หน้า เอ.๔ และไม่เกิน ๕ หน้าครับ

ผมเอาหลักของการเขียนกลอนมาเป็นแนวเขียนเรื่องสั้น
คือมี ๔ ท่อน
ท่อนแรกกล่าวนำ หรือพรรณาโวหาร
ท่อนสอง เสนอแนวทางที่เรื่องจะดำเนินไป
ท่อนสาม ลงรายละเอียดของแนวทางนั้น
ท่อนสี่ สรุปจบ

ที่ว่ามานั้นคิดเอาเองเดี๋ยวนี้นะครับ ไม่ได้กำหนดอะไรตายตัว
แต่มีหลักที่จำมาจากไหนก็ไม่ทราบว่า

เรื่องสั้นนั้นต้องมี ตัวละคร มีฉาก มีบรรยากาศ มีความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร และมีจุดจบครับ

ถ้าเป็นพรรณาอย่างเดียวไม่มีตัวละคร
ถ้ามีแต่ฉากหรือบรรยากาศอย่างเดียว
หรือเลิกไปเฉย ๆ ไม่มีจุดจบ อาจเป็นความเรียงครับ

ถ้าเป็นเรื่องท่องเที่ยวก็เป็นสารคดี
ถ้าเป็นวิชาความรู้ก็เป็นบทความครับ

ยาวไปไหมครับ.



โดย: เจียวต้าย  วันที่: 11 มีนาคม 2554 เวลา:7:08:19 น.    



    
เรื่องค่าของมิตรภาพ กลุ่ม เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา ครับ

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=pn2474&month=20-03-2010&group=28&gblog=32

โดย: เจียวต้าย  วันที่: 11 มีนาคม 2554 เวลา:9:12:10 น.    



    
ขอบคุณมากครับคุณลุง

ผมกำลังจะตามเรื่องค่าของมิตรภาพนี่ด้วยวิธีปูพรม
ไล่ไปทีละหมวดๆแล้วเชียวนะครับ ตอนแรกก็จิ้มดูไปเรื่อยๆแบบเดาเอา ก็ไม่เจอซักที คุณลุงมาบอกให้ยังงี้ก็ค่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่