เดลินิวส์จัดหนัก "ปอกเปลือกนักบุญหน้าจอ"




การบริจาคเงินช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ นั้น เป็นเรื่องของ “ความศรัทธา” ล้วนๆ โดยเฉพาะการบริจาคเงินผ่านทีวี มักจะเห็นผลรวดเร็ว ยอดเงินบริจาคพุ่งสูง เพราะ “คนบริจาค” มีความเชื่อถือต่อ “ตัวผู้ประกาศข่าว” หรือ “ผู้ดำเนินรายการ” ในฐานะ “คนทำสื่อ”

เพราะเป็น “บุคคลสาธารณะ” ที่เอาข้อมูลมาบอกต่อสังคม ผู้คนจึงให้ความเชื่อถือและศรัทธา โดยมองข้ามว่า ข้อมูลที่ถูกป้อนให้ได้รับรู้นั้น จริงเท็จแค่ไหน บางรายกล้าบอกเรื่องโกหก แต่ผู้คนก็ยังเชื่อถืออยู่

“ธุรกิจการบริจาคหน้าจอ” จึงเป็นเรื่องที่ “คนทำสื่อ” ต้องระวัง-ต้องตระหนัก...อย่างสูง

ใครวิจารณ์มา...ก็ต้องรับฟัง-ก็ต้องระวัง และต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะอาจจะมีคำครหาตามมา

อย่าลืมว่า “สื่อ” ตรวจสอบทุกคนได้ แต่ “ประชาชน” หรือ “หน่วยงานต่างๆ” มักจะไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาตรวจสอบ “คนทำสื่อ” (ยกเว้นว่า สื่อจะตรวจสอบกันเอง ซึ่งมีไม่บ่อยครั้งนัก)

เมื่อประชาชนมีที่พึ่งน้อยนิด หนทางที่มักนิยมใช้คือ การบอกต่อในข้อสงสัยเพื่อช่วยตรวจสอบ

อย่างกรณี “ทหารใต้ทวงเงินบริจาครายการทีวีดัง” สื่อไม่ได้มโน หรือหยิบประเด็นขึ้นมาเอง แต่เพราะมีนายทหารซึ่งมีตัวตนจริง โทรร้องเรียนเข้ามา เป็นข้าราชการทหารตัวเล็กๆ ที่ไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใคร เมื่อมาร้องเรียนกับ “เดลินิวส์ออนไลน์” ซึ่งมีการตรวจสอบเบื้องต้นเห็นว่า เป็นเรื่องที่มีเหตุมีผล

จึงนำเสนอข้อสงสัยของนายทหารคนดังกล่าวออกไป เพราะมีกรณีการรับบริจาคเกิดขึ้นจริง!!!

และผู้ที่ควรจะตรวจสอบต่อไปคือ “สังคม”...ไม่ใช่สื่อ

หลังการนำเสนอของ “เดลินิวส์ออนไลน์” ทำให้เห็นถึงพลังที่สำคัญและมีประโยชน์ของ “สังคมออนไลน์” ที่ออกมาทำหน้าที่เสมือนหนึ่ง “นักสืบ” ได้ช่วยกันตรวจสอบ และต่อยอดต่อไปว่า มีเอกชนรายใดบ้างที่ขอรับบริจาค มีใครเอาเงินบริจาคไปใช้อย่างไร สิ่งต่างๆ นี้ถูกเปิดเผยออกมา และทำให้ข้อสงสัยคลี่คลายลงในระดับหนึ่ง

กรณีนี้ สื่อเว็บไซต์อย่าง “เดลินิวส์ออนไลน์” ได้ทำหน้าที่สมบูรณ์แล้ว เหลือแต่ “นักบุญหน้าจอ” ที่ต้องตอบสังคมให้เกิดความกระจ่าง เพราะที่ผ่านมา มีการทำธุรกิจบริจาคหน้าจอหลายอย่าง ที่เป็นข้อกังขาต่อสังคม

เช่นการรับบริจาค แล้วติดโลโก้ต้นสังกัดตัวเอง ทั้งๆ ที่ “สิ่งของที่รับบริจาค” เป็นของชาวบ้าน

ถือเป็นการโกงทางจริยธรรม ที่ไม่ต่างไปจาก “นักการเมือง” ใช้เงินหลวง ไปสร้างศาลา แต่ติดชื่อตัวเอง จนท้ายสุดต้องมีกฎหมายห้าม

“นักบุญหน้าจอ” เมื่อได้เงินจากการบริจาคไปแล้ว จะเอาเงินไปใช้ทำอะไร แจกจริงหรือไม่ จัดหาสิ่งของจริงหรือไม่...ไม่มีใครรู้ และเพราะความเป็นสื่อ จึงไม่มีใครอยากยุ่ง หรือข้องแวะ

ทั้งยังเป็นเอกชน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ก็เข้าไปตรวจสอบไม่ได้ จึงทำให้เรื่อง “บริจาคหน้าจอ” ลอยนวลมาโดยตลอด

แต่ในความเป็นจริง “นักบุญหน้าจอ” นอกจากจะได้บุญจากการใช้เงินคนอื่นทำบุญแล้ว ยังได้หน้าจากการสร้างกระแส สร้างภาพลักษณ์ต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ “ตัวเองดูดี”

กรณีดังกล่าว ถือเป็นบทเรียนที่ดีให้กับ “สื่อ” ได้มองย้อนกลับมาดูตัวเองได้เป็นอย่างดี ว่า

“สื่อ” มี “อำนาจสาธารณะ” ที่ประชาชนมีความเชื่อถือและศรัทธา จึงพร้อมใจจะ "ให้" อำนาจนี้ เพื่อเอาไว้คานกับ “อำนาจรัฐ”

เมื่อ “สื่อ” มี “อำนาจสาธารณะ” แล้ว จึงไม่ควรที่จะเอา “อำนาจพิเศษ” ที่ประชาชนพร้อมใจหยิบยื่นให้นี้ นำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือพวกพ้อง

แต่ดูเหมือนว่า ทุกวันนี้ ยังมี “สื่อจอมปลอม” ที่ฉ้อฉลเอา “อำนาจสาธารณะ” นี้ ไปใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง


จนสังคมต้องออกมาตั้งคำถามและตั้งข้อสงสัย!!!

“คนทำสื่อ” ที่เป็นมืออาชีพจริงๆ ต้องตระหนักในเรื่องนี้


http://www.dailynews.co.th/Content/Article/270672/%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81+_%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%AD_
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่