ถ้าไปเรียนตามตำราว่าเจตสิกเป็นอย่างนั้นๆ จิตเป็นอย่างนั้นๆ ก็เรียนได้ แต่ว่าใช้ระงับความโลภความโกรธความหลงของเราไม่ได้
เพราะเรียนไปตามอาการของความโลภความโกรธความหลง ความโลภมีอาการอย่างนั้น ๆ ความโกรธมีอาการอย่างนั้นๆ
ความหลงมีอาการอย่างนั้นๆ ไปเล่าอาการของมันเท่านั้น ก็รู้ไปตามอาการ พูดไปตามอาการ รู้อยู่ฉลาดอยู่
แต่ว่าเมื่อมันเกิดกับใจเราจะเป็นไปตามอาการหรือไม่
เมื่อถูกอารมณ์ที่ไม่ชอบใจมากระทบมันก็เกิดเป็นอาการขึ้นกับใจเรา
เราติดมันไหม เราวางมันได้ไหม
อาการที่ไม่ชอบใจนั้นเกิดขึ้นมาเรารู้แล้ว ผู้รู้เอาความไม่ชอบใจไว้ในใจหรือเปล่า หรือว่าเห็นแล้ววาง
ถ้าเห็นสิ่งที่ไม่ชอบใจแล้วยังเอาไว้ในใจของเราให้เรียนใหม่ เพราะยังผิดอยู่ ยังไม่ยิ่งถ้ามันยิ่งแล้วมันวางให้ดูอย่างนี้
ดูจิตของเราจริงๆ มันจึงจะเป็นปัจจัตตัง ถ้าจะพูดไปตามอาการของจิตอาการของเจตสิกว่ามีเท่านั้นดวงเท่านี้ดวง
อาตมาว่ายังน้อยเกินไป มันยังมีมาก ถ้าเราจะไปเรียนสิ่งเหล่านี้ให้รู้แจ้งแทงตลอดหมดนั้น ไม่แจ้งมันจะหมดอย่างไร
มันไม่หมดหรอกหมดไม่เป็น
...................................................
จิตหรือเจตสิกนี้มันหลอกลวงไม่หยุดสักที เราก็ไปเรียนอาการที่มันหลอกลวงนั่นเอง
ทั้งเรียนเรื่องมันหลอกลวง ทั้งถูกมันหลอกลวงเราอยู่นั่นเอง จะว่าอย่างไรกันทั้งๆ ที่รู้จักมัน มันก็ลวง ทั้งๆ ที่รู้ มันเรื่องอย่างนี้
คือ เรื่องเราไปรู้จักเพียงชื่อของมัน อาตมาว่าพระพุทธเจ้าไม่ประสงค์อย่างนั้น
ทรงประสงค์ว่า
ทำอย่างไรจึงจะออกจากสิ่งเหล่านี้ได้ ท่านให้ค้นหาเหตุของสิ่งเหล่านี้ขึ้นไป
.................................................
การเรียนอภิธรรมนั่นก็ดีอยู่ แต่จะต้องไม่ติดตำรามุ่งเพื่อรู้ความจริงหาทางพ้นทุกข์จึงจะถูกทาง
.................................................
เนื้อหาบางส่วนจากหนังสือ กุญแจภาวนา
หลวงปู่ชา สุภัทโท
http://anuchah.com/key-to-mind-power/
http://www.ebooks.in.th/download/21449/กุญแจภาวนาและตามดูจิต.pdf
.....................................
หนังสือกุญแจภาวนาเล่มนี้ เป็นโอวาทของหลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง
ได้ให้โอวาทเป็นพิเศษเมื่อวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือนยี่ ตรงกับวันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ ๒๕๑๒,
เนื้อหาภายในหนังสือเป็นคำสอนการปฎิบัติกรรมฐานที่หลวงปู่ชาเทศน์ให้อุบาสกที่
เคยเป็นเปรียญมาก่อนได้ฟัง
ถูกมันหลอกลวงเราอยู่นั่นเอง.....จะว่าอย่างไรกันทั้งๆ ที่รู้จักมัน มันก็ลวง
ถ้าไปเรียนตามตำราว่าเจตสิกเป็นอย่างนั้นๆ จิตเป็นอย่างนั้นๆ ก็เรียนได้ แต่ว่าใช้ระงับความโลภความโกรธความหลงของเราไม่ได้
เพราะเรียนไปตามอาการของความโลภความโกรธความหลง ความโลภมีอาการอย่างนั้น ๆ ความโกรธมีอาการอย่างนั้นๆ
ความหลงมีอาการอย่างนั้นๆ ไปเล่าอาการของมันเท่านั้น ก็รู้ไปตามอาการ พูดไปตามอาการ รู้อยู่ฉลาดอยู่
แต่ว่าเมื่อมันเกิดกับใจเราจะเป็นไปตามอาการหรือไม่
เมื่อถูกอารมณ์ที่ไม่ชอบใจมากระทบมันก็เกิดเป็นอาการขึ้นกับใจเรา เราติดมันไหม เราวางมันได้ไหม
อาการที่ไม่ชอบใจนั้นเกิดขึ้นมาเรารู้แล้ว ผู้รู้เอาความไม่ชอบใจไว้ในใจหรือเปล่า หรือว่าเห็นแล้ววาง
ถ้าเห็นสิ่งที่ไม่ชอบใจแล้วยังเอาไว้ในใจของเราให้เรียนใหม่ เพราะยังผิดอยู่ ยังไม่ยิ่งถ้ามันยิ่งแล้วมันวางให้ดูอย่างนี้
ดูจิตของเราจริงๆ มันจึงจะเป็นปัจจัตตัง ถ้าจะพูดไปตามอาการของจิตอาการของเจตสิกว่ามีเท่านั้นดวงเท่านี้ดวง
อาตมาว่ายังน้อยเกินไป มันยังมีมาก ถ้าเราจะไปเรียนสิ่งเหล่านี้ให้รู้แจ้งแทงตลอดหมดนั้น ไม่แจ้งมันจะหมดอย่างไร
มันไม่หมดหรอกหมดไม่เป็น
...................................................
จิตหรือเจตสิกนี้มันหลอกลวงไม่หยุดสักที เราก็ไปเรียนอาการที่มันหลอกลวงนั่นเอง
ทั้งเรียนเรื่องมันหลอกลวง ทั้งถูกมันหลอกลวงเราอยู่นั่นเอง จะว่าอย่างไรกันทั้งๆ ที่รู้จักมัน มันก็ลวง ทั้งๆ ที่รู้ มันเรื่องอย่างนี้
คือ เรื่องเราไปรู้จักเพียงชื่อของมัน อาตมาว่าพระพุทธเจ้าไม่ประสงค์อย่างนั้น
ทรงประสงค์ว่าทำอย่างไรจึงจะออกจากสิ่งเหล่านี้ได้ ท่านให้ค้นหาเหตุของสิ่งเหล่านี้ขึ้นไป
.................................................
การเรียนอภิธรรมนั่นก็ดีอยู่ แต่จะต้องไม่ติดตำรามุ่งเพื่อรู้ความจริงหาทางพ้นทุกข์จึงจะถูกทาง
.................................................
เนื้อหาบางส่วนจากหนังสือ กุญแจภาวนา
หลวงปู่ชา สุภัทโท
http://anuchah.com/key-to-mind-power/
http://www.ebooks.in.th/download/21449/กุญแจภาวนาและตามดูจิต.pdf
.....................................
หนังสือกุญแจภาวนาเล่มนี้ เป็นโอวาทของหลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง
ได้ให้โอวาทเป็นพิเศษเมื่อวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือนยี่ ตรงกับวันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ ๒๕๑๒,
เนื้อหาภายในหนังสือเป็นคำสอนการปฎิบัติกรรมฐานที่หลวงปู่ชาเทศน์ให้อุบาสกที่เคยเป็นเปรียญมาก่อนได้ฟัง