เดินต่อไปหรือปล่อยมือแล้วจากกัน

เราเป็นอีกคนหนึ่งอ่านชอบแวะเวียนมากระทู้ต่างๆใน Pantip ทั้งที่กระทู้ๆที่เป็นกระแสบ้าง คนแชร์บ้าง หรือกรระทู้ที่เราสนใจ อ่านบ้างเม้นบ้าง ไม่เคยคิดว่าจะมาตั้งกระทู้อะไรเพราะอ่านชอบที่จะอ่าน ดูเห็นแก่ตัวเนอะ -*- ไม่รู้จักแบ่งปัน จนเราเริ่มมีปัญหากับชีวิตล่ะ เราเริ่มสับสนคิดไม่ตกกับมัน เรารู้สึกอัดอึดมากกับสิ่งต่างๆ เราก็เริ่มคิดว่าเราจะทำอะไรให้เราได้สบายใจบ้าง ก็มาสรุปที่การระบายออกทางตัวหนังสือนิล่ะ (ดูเก็บกดนะ) ที่นี้เราโพสความรู้สึกต่างๆลงเฟสบุ๊คเรามองแล้วมันจะเป็นการเวิ่นเว้อแถมดีไม่ดีจะกลายเป็นว่าเรานำปัญหาเราไปให้คนรอบตัวมากขึ้น แล้วดูมันเหมือนการเรียกร้องความสนใจ ซึ่งมันไม่ใช่ลักษณะนิสัยเราเท่าไร ก็รู้สึกว่า Pantip นิล่ะอย่างน้อยก็รู้สึกว่าในนี้น่าจะมีคนที่มีความรู้สึกแบบเราว่าเราสามารถระบายได้ ............เกริ่นนำมานมนานเกินไปล่ะ

....ปัญหาที่เราหนักใจและคิดไม่ตกกับมัน คือแฟนเรานิล่ะ ซึ่งทุกคนก็ต้องบอกเรามันเป็นปัญหาพื้นๆมาก แต่สำหรับมันกลับใหญ่ในการตัดสินใจ....
เรากับแฟนคบการได้ปีกว่าจวนเจียนสองปี ซึ่งก็ถือว่ายังไม่มากสำหรับการศึกษากัน เรารู้จักเขาผ่านโปรแกรมคุยโปรแกรมหนึ่งซึ่งเราต้องใช้เวลาถึง3วันถึงจะกล้าทักเขา ซึ่งสาเหตุที่เราเลือกจะคุยกับเขาเพราะร้สึกว่าคนนี้มีอะไรบางอย่างที่ดูพิเศษไม่เหมือนคนทั่วไป ที่เราบอกพิเศษเพราะเขาดูไม่พรีเซ็นตัวเองจนเกินไป เราชอบคนที่ดูธรรมดา เขาดูธรรมชาติ ดูสบายๆ ซึ่งเขาก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ จากการทักครั้งแรกนำมาสู่การพูดคุยในทุกๆวัน จนเราคุยกันได้สักพักใหญ่เราก็ตกลงที่จะคบกันเป็นแฟน เขาเป็นสุขภาพร่างกาพไม่ค่อยแข็งแรงมีโรคประจำ ทำให้ช่วงแรกเราก็ต้องจูนหน่อยเข้าหากัน ว่าสิ่งไหนทำได้ ไม่ได้ จนเราคิดเราปรับเข้าหากันได้ เราจะเลือกไปเที่ยวในที่ๆเขาสามารถไปได้ ไม่ทำให้เขาเหนื่อยจากโรคประจำตัว ไปในที่ๆเขาไม่อึดอัด ทำให้เราสามารถไปไหนต่อกันโดยที่โรคประจำตัวเขาไม่ได้เป็นปัญหามากนัก เขาชอบกิน ชอบทำอาหาร ทำขนม ซึ่งเราชอบคนที่มีลักษณะแบบนี้อยู่แล้ว เวลวเขาทำอะไรให้กินทีก็ฟินอยู่ล่ะ แต่ก็มีอร่อยบ้าง กินได้บ้าง ไม่อยากกินบ้างแต่ก็กินเพราะเขาทำให้กินนิ เขาชอบต้นไม้ ปลูกโน้นนี่เยอะแยะ ซึ่งหากเรามีเวลาเรามักจะไปช่วยเขาถือต้นไม้ ดูต้นไม้กัน ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีจนเราเกิดความคาดหวังเลย

จนช่วงเวลานึงประมาณกลางปีเราเริ่มติดกลุ่มเพื่อน ซึ่งเราก็ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเพื่อนอยู่พอตัว แต่ก็มีเวลาให้เขานะ คุยกันทางไลน์นั้นโน่นี่ตลอด แต่ด้วยก็ไม่ได้ไปหาเขาเท่าช่วงแรกที่คบกับ เพระาอย่างที่บอกเราเริ่มติดเพื่อน ไปเที่ยวนั้นโน้นนี่ในช่วงเสาร์อาทิตย์กับเพื่อนแบบบ่อยมาก จนเราเองยังรู้สึกเราปล่อยเขาอยู่คนเดียวนานไปไหม ดังนั้นเวลาเมื่อมีเวลาก็จะให้เวลาเขาเต็มที อยู่กับเขาในช่วงเราว่าง แต่ก็ยังติดเพื่อนอยู่

จนมีเหตุการณ์วันนึงเขาประสบอุบัติเหตุ กระดูกข้อขาร้าว ต้องเข้าเฝือก เขาต้องหยุดงานช่วงนึงทำให้เขาต้องอยู่ห้องเพียงลำพัง ซึ่งเขาก็อยากให้เราไปดูแลทำกับข้าวนั้นโน้นนี่ให้หน่อย แต่เราซึ่งตอนนั้นเพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งงานใหม่และงานมีปัญหา ทำให้เราไม่สามารถที่จะหยุดงานได้ เขาต้องให้คนที่รู้สึกกับข้าวมาให้ซึ่งเลิกงานก็ดึกมาก ทำให้ไม่ได้ดูแลเขาเลยจนเสาร์อาทิตย์เราหยุด เราก็รีบไปดูแลเขาเท่าทีเราจะทำได้ เราก็ไม่รู้ว่ามันจะทันไหมกับความรู้สึกเขาที่เราไม่ได้อยู่กับเขาในช่วงแรกที่เราเขาเป็น แต่เราก็ดูแลเขาเท่าที่เราทำได้ จนเขาเริ่มเดินได้ปกติซึ่งก็ใช้เวลานานพอควร แต่ก็ต้องใส่เฝือกอ่อนอยู่ ความสัมพันธ์ของเรากลับมาปกติ เราดูแลซึ่งกันและกันเรื่อยๆ
........จนเวลาหนึ่ง เรามักจะบอกให้เขาบอกรักเราหน่อย ซึ่งเขาก็มักจะบอกแบบเขินบ้างๆไม่บอกบ้าง ตามสไตร์เขา จนมาช่วงหลังๆๆนิเราถามเขาเขาไม่พูด เปลี่ยนเรื่องพูดไปพูดเรื่อง ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจเรื่องนี้ และเริ่มงี่เง่ากับเขา (เราคุยกันในไลน์)จนเขาหลุดพิมพ์มาว่า.... "เขาบอกว่าความรู้สึกเขาเปลี่ยนไป เขาคิดมาซักพักนึงล่ะ เขาร็สึกว่าเขาเฉยๆ เปลี่ยนไปจากช่วงแรกๆ" เราอึ๊ง ทำอะไรไม่ถูก อยู่ที่ทำงานด้วย ร้องไห้ก็ไม่ได้ ได้แต่นิ่งและนิ่ง เก็บอารมณ์ เราเริ่มถามเขาว่าเมื่อไหร่ที่เปลี่ยนไป เขาบอกช่วงที่เขาอยู่คนเดียว "เขารู้สึกว่าเขาอยู่คนเดียวได้ มีอะไรให้เขาทำ ก็เลยรู้สึกว่าอยากอยู่คนเเดียว" เราอึ๊งรอบสอง เราก็ถามเขาต่อแล้วสถานะเราคืออะไร"เขาบอกก็ยังเป็นแฟน แต่ขอเวลาคิดให้แน่ใจหน่อย" เราเงียบเลยหลังประโยค อยากให้เลิกงานมาก ไม่อยากอยู่ ณ จุดๆนี้ เราอดทนรอ รอจนเลิกงาน เรารีบกลับบ้านเลย พอถึงห้องเท่านั้นน้ำตกประดุจน้ำตกไหลทะลัก คิดทบทวนไปมาตลอดว่าเราผิดเอง เราจะเสียเขาไปแล้ว นั่งร้องไห้โทษตัวเอง เป็นแบบนี้อยู่อาทิตย์นึง ซึ่งในอาทิตย์ที่เราเป็นแบบนั้นเราก็ยังคุยกับเขาแต่น้อยลงกว่าเดิม ไม่คุยประเด็นที่ทำให้รู้งี่เง่า เราพยายามทำตัวดีขึ้น ให้เวลาเขามากขึ้นให้เขาได้รู้สึกว่าเราอยากขอโทษที่ทำผิดไป เราอยากอยู่กับเขาไม่ได้อยากให้เขาอยู่คนเดียว สถานการณ์ดีขึ้น ความสัมพันธ์ดี .............
.............เราก็เริ่มวางใจว่าทุกจะดีขึ้น เราน่าจะรักได้ดี ช่วงที่เขากับเราสถานการณ์ตึงเครียดจนถึงช่วงที่สถานการณ์ดี เขาเริ่มหากิจกรรมที่เขาชอบทำเพื่อให้เห็นว่าเขามีอะไรทำ เขาใช้ชีวิตคนเดียวได้ เราก็มองว่าเป็นกิจจกรรมที่เขาชอบก็ปล่อยให้เขาทำ ไม่ได้ว่าอะไร แม้มันจะทำให้เราได้ใช้เวลาร่วมกันน้อยลง แต่เราก็มองว่ามันเป็นโอกาสที่ดีให้เขาทำ เราคุยกันทุกวันเช้ากลางวันเย็น ส่วนใหญ่จะเป็นการส่งสติ๊กเกอร์ส่งความรู้สึกให้กัน .......จนวันหนึ่ง เอาอีกล่ะฉัน!!!!!!!!!!!!!!!!!.....

............ฉันเริ่มงี่เง่าในเรื่องบ้างเรื่องกับเขาเช่น เขาเล่นเกมส์ไม่ยอมสนใจเราเลย และเริ่มบ่อย และกลายเป็นทะเลาะกันย่อมๆ ผลสุดท้ายของการทะเลาะกัน คือเรานอนหันหลังกัน ตื่นเช้ามา เรากับเขาก็คุยกันปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะความรู้สึกว่าแฟนกันไม่ควรโกรธกันนาน ในวันนี้เขาต้องไปเรียนพิเศษ เราก็ตื่นมาเตรียมโน้นแให้และส่งเขาไปเรียน พอเขาไปได้สักพักเราก็ไลนืไปบอกว่า เราขอโทษกับเรื่องที่เรางี่เง่า ไม่มีอะไรนะหายแล้ว เขาส่งไลน์กลับมาว่า " ไม่มีอะไรจริงๆหรอ" เราคิดในใจว่า เอาแล้ว...ซึ่งก็เป็นจริง เขาเราว่าความรู้สึกเขาไม่เหมือนเดิม พยายามแล้ว เราถามเขาว่าความร็สึกไม่ดีขึ้นเลยหรอ เขาตอบเราว่าดีขึ้น แต่มันไม่เหมือนเดิม ซึ่งเราฟังแล้วแบบ....เหมือนคนน็อตหลุดอ่า ไม่รู้จะทำยังไง ก็พยายามคุยกับเขาทบทวนใหม่ และถามสถานะเขากับเราอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้คือ "เพื่อน" หน้าชาเลยยย เราคุยกันยังไม่จบดีเขามีเรียนก็เลยต้องหยุดการสนทนาไว้
...ในระหว่างที่เขาเรียนเราคิดไปต่างๆนาๆว่าเราทำอะไรไปบ้าง เราจะทำไงต่อไป เราคิดไปคิดและนั่งถามความรู้สึกตัวเองว่าเรารู้สึกยังไงกันแน่ แล้วเราก็รู้สึกว่าเขายังเป็นคนที่ใช่สำหรับเรา ด้วยเหตุผลต่างๆและเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาด้วยกัน เราได้คำตอบแบบนั้น เราจึงรอเขากลับมาจากเรียนเพื่อจะคุยกันให้เคลียร์ซึ่งเราก็เตรียมใจล่ะ แม้เราจะรู้สึกรักเขาแต่เมื่อเขาไม่อยากอยู่กับเราก็ต้องทำใจ นั้นคือสิ่งที่เตรียมใจไว้ ......
เขากลับมาจากเรียน เราคุยกันนี้ว่าตกลงเขารู้สึกแบบนั้นๆจริงหรอ เขาบอกว่าช่วงนี้เขาเป็นแบบนั้น เขาบอกเราชอบงอนเขา ซึ่งเขาเหนื่อย เขาทำอะไรคนเดียวบ้าง เราฟังแล้วมันอึดอัดมากนะ แต่ก็พยายามเข้าใจให้มากที่สุด คุยกันด้วยเหตุผล สุดท้ายแล้วการสนทนาจบลงที่ เขาขอเวลาคิด ให้เราให้เวลาเขา .... แต่เรารู้สึกได้ว่าแววตาที่มองกันมันเปลี่ยนไป เราก็ไม่รู้จะทำยังไงอ่า คือจะเลิกกันและเป็นเพื่อนกัน มันก็ยังรักยังผูกพันธ์ ยังอยากดูแลกันไปเรื่อยๆ อยู่กันไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเป็นแฟนกันต่อเราจะต้องเจอกับอยากอยู่คนเดียวของเขาอีกไหม ............

ในความรู้สึกเราเขาคือคนที่เราว่าเคมีตรงกัน เราปกติใจร้อน โวยวาย ไม่ชอบทำโน้นนี่ แต่เมื่ออยู่กับเขาเรารู้สึกใจเย็น สงบ เป็นเด็กเลย เราก็ไม่รู้ว่าเราคิดเองคนเดียวหรือเปล่าว่าเรามีความสุขเวลาที่มีเขา ........ เราก็หวังลึกๆล่ะว่าเขาจะกลับมาเหมือนเดิม หวังให้เขามายืนข้างๆกัน..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่