ทำไมรถยุโรปเค้าถึงได้มีรถดีๆออกมาให้ใช้กัน เรโนลต์ Eolab รถต้นแบบ 100 กม./ลิตร อยากให้ไทยทำได้บ้าง

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก worldcarfans

          Renault Eolab Concept ต้นแบบรถสามประตูไฮบริดประหยัดพลังงาน น้ำหนักเบา ลู่ลมดีเยี่ยม จนได้ตัวเลขสูงถึง 100 กม./ลิตร

          บนโลกที่เรากังวลเรื่องจำนวนน้ำมัน รถยนต์ประหยัดพลังงานเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ มันช่วยทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายรายบุคคลและช่วยลดจำนวนการใช้พลังงานที่มากขึ้นทุกวัน ล่าสุด เรโนลต์ (Renault) ค่ายรถยนต์รายใหญ่ของประเทศฝรั่งเศสก็ได้โชว์รถต้นแบบรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีทีเด็ด ช่วยส่งเสริมให้เกิดตัวเลขประหยัดพลังงานดีเยี่ยมถึง 100 กม./ลิตร

          รถต้นแบบดังกล่าวมีชื่อว่า เรโนลต์ อิวแลบ (Renault Eolab) รถต้นแบบทรงแฮทช์แบค 3 ประตูประหยัดพลังงานรุ่นใหม่ ออกแบบตัวถังด้วยเส้นสายรูปทรงที่ปราดเปรียวเพรียวลมทั้งไฟหน้าขนาดเล็ก เส้นสายด้านข้างแสดงความลาดโค้งสวยงาม พร้อมช่องระบายลม ส่วนด้านหลังโชว์ไฟท้าย LED เป็นแนวยาวสวยงามและสปอยเลอร์จากหลังคาขนาดใหญ่ เมื่อรวมกันแล้วทำให้มันมีตัวเลขค่าอากาศพลศาสตรหรือ CD ต่ำเพียง 0.235 และนอกจากการออกแบบที่ลู่ลมแล้ว ยังเลือกใช้วัสดุอะลูมิเนียมเป็นตัวถัง หลังคาแม็กนีเซียม และใช้กระจกน้ำหนักเบา จึงลดน้ำหนักลงไปเมื่อเทียบกับโลหะแบบเดิมถึง 130 กิโลกรัม เลยทีเดียว



ภายในออกแบบให้ใช้งานง่ายโดยติดตั้งแท็บเล็ตเป็นหน้าจอระบบอินโฟเทนเมนต์ สามารถหมุนและสัมผัสสั่งการได้ดีเยี่ยม แถมมีน้ำหนักเบากว่าแบบเดิมมาก ทั้งยังเลือกใช้กล้องมองติดแทนกระจกหูช้าง แสดงผลด้วยหน้าจอขนาดเล็ก ตัวมาตรวัดเองก็ใช้เป็นหน้าจอดิจิตอล ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถลดน้ำหนักจากระบบเดิม ๆ ได้ถึง 20 กิโลกรัม แถมยังเลือกใช้เบาะนั่งและชุดแต่งแบบใหม่ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าถึง 90 กิโลกรัมอีกด้วย

          ด้านระบบขับเคลื่อน เรโนลต์ได้คิดค้นระบบไฮบริดแบบใหม่ Z.E. Hybrid ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1,000 ซีซี 3 สูบ ให้กำลัง 75 แรงม้า แรงบิด 95 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 68 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ 3 สปีดแบบใหม่ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าด้วย ทั้งหมดนี้ยังออกแบบให้มีน้ำหนักเบากว่าระบบไฮบริดทั่ว ๆ ไปถึง 90 กิโลกรัม แน่นอนว่าย่อมส่งผลให้ตัวเลข 100 กม./ลิตร เกิดขึ้นได้จริง

          เรโนลต์ อิวแลบใช้ช่วงล่างแบบ Air Suspension สามารถปรับขึ้นลงได้ระยะมากถึง 25 มิลลิเมตร ควบคุมโดยซอฟต์แวร์เฉพาะจึงสามารถปรับความอ่อนแข็งและความสูงของรถได้โดยอัตโนมัติ เช่นเมื่อทำความเร็ว 25-70 กม./ชม. ระบบจะอัดอากาศเข้าไปเล็กน้อยเพื่อให้มีความนุ่มนวล แต่เมื่อทำความเร็วเกิน 70 กม./ชม. ระบบจะลดความสูงของโช้คอัพลงมาเพื่อให้ลู่ลมมากขึ้น เป็นต้น โดยเมื่อรวมกับล้อและเพลาแบบน้ำหนักเบา ช่วงล่างดังกล่าวจะมีน้ำหนักเบากว่าทั่วไปถึง 70 กิโลกรัม

          เมื่อรวมคุณสมบัติด้านน้ำหนักทั้งหมดแล้ว เรโนลต์ อิวแลบจะมีน้ำหนักเบากว่ารถแฮทช์แบ็คขนาดซับคอมแพคถึง 400 กิโลกรัม โดยตัวมันมีน้ำหนักเพียง 955 กิโลกรัม เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีอีกมากมายที่จัดเต็มลงในรถต้นแบบดังกล่าวเพื่อสร้างตัวเลขอัตราประหยัดน้ำมัน 100 กม./ลิตร ซึ่งเทคโนโลยีทั้งหมดจะถูกถ่ายทอดลงในรถยนต์ในเครือเรโนลต์ ซึ่งรวมถึงนิสสัน (Nissan) เมื่อไร ก็ต้องติดตามกันให้ดีครับ









ขอบคุณบทความจาก kapook.com ครับ


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

โดยส่วนตัวผมชื่นชอบรถยุโรป ที่เค้าทำออกมาเหมือนกับว่า ตั้งใจทำ และ อยากทำให้ดีที่สุด ไม่กั๊กอะไรๆไว้เพื่อขายเอากำไรแพงๆ
เหมือนรถรุ่นเดียวกัน ที่ขายยุโรป กับ ไทย จะมีสิ่งแตกต่างกัน
ของไทยจะตัดทุกอย่างออกให้หมดเพื่อลดต้นทุน แต่ราคาขายกลับไม่ได้ถูกจนสมกับที่ตัดของออกไปเลย (ที่มีรถเก๋งบางยี่ห้อให้กระจกมือหมุนมาใช้ในยุคสมัยนี้ ถ้าเป็น 20 ปีก่อนจะไม่ว่าเลย)

เรื่องการออกแบบ ดีไซน์ ของฝั่งยุโรป ก็เหมือนเค้าจะก้าวเกินหน้าไปก้าวหนึ่งเสมอๆ
ทำให้ทางประเทศญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าเทคโนโลยีแท้ๆ ยังต้องมีการ "รับแรงบันดาลใจ" มาใช้กับของตัวเอง
(มองแล้วทำให้นึกถึงสมัยก่อนโน้น ที่รถญี่ปุ่นต้องเลียนแบบรถยุโรป ตัดราคาขายให้ถูกที่สุดถึงจะขายได้)
ตอนนี้กลายเป็น จีน เลียนแบบ เกาหลี ญี่ปุ่น
ก่อนนี้ เกาหลี ญี่ปุ่น เลียนแบบ ยุโรป

นั่นก็ทำให้รู้สึกได้ว่า ยุโรป เป็นอะไรที่ "ต้นแบบ" ในเรื่องของงานวิศวกรรมของโลกนี้จริงๆ


มาเข้าเรื่องรถที่ผมนำมาให้ดูเพราะบางอย่างมัน "แปลก" ที่จะเอามาใช้กับรถชาวบ้านๆแบบนี้
- ช่วงล่างอัตโนมัติ ปรับตามความเร็วได้(แนวเดียวกับ ซีตรอง โช๊คไฮโดรลิคอันโด่งดัง)
- มี wing flap ที่กันชนท้ายด้านข้างๆ ที่ "น่าจะ" เปิดออกมาเองในการที่วิ่งความเร็วสูง เพื่อเพิ่มแรงกดอากาศด้านข้างท้ายรถไม่ให้ท้ายปัดหรือส่าย
- ประตูตู้กับข้าวสำหรับรถเก๋ง
- กระจกมองข้างไม่มี เป็นกล้องแทนมองในรถเอา ผ่านจอแทบเล็ต
- หน้าปัดจอ LED ไม่มีเป็นเข็มวัดแล้ว สามารถปรับหรือเปลี่ยนรูปแบบได้ตามต้องการ
- ล้อมีการปิดและเปิดช่องซี่ล้อได้ ผมเดาว่าจะมีผลกับการต้านอากาศของล้อในขณะหมุนด้วย ถ้าวิ่งเร็วๆ ซี่ล้อจะปิด วิ่งช้าจะเปิด
- เครื่องไฮบริดจ์ 1000 ซีซี (ทีคนไทยจะคิดว่า มันวิ่งขึ้นดอยไม่ไหว ต้องเครื่อง 1600 ขึ้นไปเท่านั้น ถ้าบ้านใครอยู่บนภูกระดึงก็ต้อง off road ดีกว่าครับเพราะวิ่งขึ้นดอยทุกวันแน่ๆ )
ฯลฯ
เห็นแนวคิดที่ออกแบบมา ดูแล้วนึกถึง F-14 Tom cat ที่มีปีกสามารถปรับและลู่ลมได้เมื่อบินระดับความเร็วเสียง
รถคันนนี้ก็คงมาเหมือนกัน คือพอวิ่งปรกติจะเป็นแบบนึง พอวิ่งเร็วๆจะแปลงร่าง เปิด flap , ปิดซี่ล้อ , ยกสปอยด์เลอร์ , ปรับโช๊คให้ต่ำลง ฯลฯ
ทั้งหมดก็แค่เพื่อ "ประหยัดเชื้อเพลิงที่สุด"

อยากให้คนไทย ทำได้แบบนี้มั่งจังเลยครับ
มันจะเป็นความภาคภูมิใจในความเป็นไทยที่ไม่อายใคร
เพราะตอนนี้ต่างชาติเค้ามองประเทศเราแย่ ล้าหลัง ไม่พัฒนาเอามากๆเลย
มีดีก็คือ แหล่งท่องเที่ยวสวยงาม ราคาถูกมากๆ และ cheap sex
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่