ผมเห็นหลายๆกระทู้ หลายๆคนที่มักจะบ่นเรื่องการบริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลรัฐ
ผมจึงตัดสินใจที่จะเขียนกระทู้นี้เพื่อแชร์ประสบการณ์ในการเข้ารับการบริการโรงพยาบาลของรัฐที่ผมได้พบเจอบ้าง
-= ผมจะไม่ทนกับ OPD แบบนี้ =-
เหตุการณ์วันนั้นผมไม่สบายมีไข้สูงมา 2-3 วันแล้ว นอนซม ปวดหัว ปวดตามเนื้อตัว ข้าวปลาไม่กิน ทำได้แค่กินพาราแล้วก็นอน
จนทนไม่ไหวพรุ่งนี้เช้าต้องไปโรงพยาบาลให้ได้ เช้ามาแข็งใจขับรถไปโรงพยาบาลรัฐ ตั้งแต่ 8 โมง ทำบัตร วัดไข้ แล้วเดิน
ไป OPD พอเลี้ยวหัวมุมเข้าโซน OPD ร้อยกว่าชีวิต ที่นั่งหน้าสลอน หันมามองผม พร้อมกับสายตาที่ผิดหวัง
“เสียใจด้วยนะ ผมไม่ใช่หมอ” จวบจน 9 โมง คุณหมอสภาพซอมบี้ทั้งหลายก็เริ่มเข้ามาที่ OPD คุณพยาบาลก็ทยอยเรียกผู้ป่วยเข้าไปตรวจ
10 โมงผ่านไป
11 โมงผ่านไป
เที่ยงแล้วเว้ย
บ่ายแล้วจ้า
“หมอตรวจช้าว่ะ” ข้างๆเริ่มบ่นกับญาติ
ส่วนผมเริ่มจะทนไม่ไหว ผมจะไม่ทนผมเดินออกจาก OPD ไปร้านขายของในโรงพยาบาล
ตอนแรกกะว่าจะจัดให้หนัก แต่คิดไปคิดมา เอาเบาๆดีกว่าเดี๋ยวหมอตาย
กลับมาที่ OPD เหลือคิวตรวจอีกไม่กี่คิวแล้ว เอ้านั่งรอต่อไป
จนในที่สุดเสียงเรียกจากสวรรค์ก็มา คิวผมครับคิวผม
ผมเดินอย่างผู้ชนะ ดุจดาราขึ้นไปรับ Oscar
‘ทีกูล่ะ เดี๋ยวหมอเจอกรูแน่’
เข้าห้องตรวจ
“เชิญนั่งค่ะเป็นอะไรมาคะ” แหมหน้ายังไม่มอง เดี๋ยวเจอดี อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วจะรอด
พอหมอเงยหน้าขึ้นมาผมยื่นของในมือให้หมอ หมอติดสตัน
“กินก่อนครับ จะบ่ายสองแล้วหมอยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่”
ยังมึนไม่เลิก
“หมอกินไปเหอะครับ เดี๋ยวผม อธิบาย อาการผมให้ฟัง ไม่ต้องห่วงผมไม่ได้ใส่ยาเสน่ลงไปหรอก” พร้อมยิ้มให้ทีนึง
ขณะที่ผมเล่าอาการของผมให้หมอฟัง หมอก็นั่งหม่ำแซนวิชพร้อมดื่มกาแฟเย็นกระป๋อง(ที่ตอนนี้คงไม่ค่อยเย็นแล้ว)
หมอใช้เวลากินแซนวิชไม่ถึง 1 นาที ก็ฟังปอด ตรวจลำคอ สอบถามอาการเพิ่มเติม
“หมอต้องขอตรวจเลือดก่อนนะคะ สงสัยว่าจะเป็นไข้เลือดออก”
“ครับ ขอบคุณครับ หมอมีแรงขึ้นแล้วนะครับ สู้ๆนะครับหมอ”
หมอก็ยิ้มๆ หันไปบอกคุณพยาบาล ที่ก็เพิ่งกินแซนวิชกับกาแฟที่ผมเอามาฝากเสร็จ ให้ส่งผมไปตรวจเลือด
เสร็จเรียบร้อยผมก็ขอตัวคุณหมอไปเจาะเลือด
“ขอบคุณนะคะ” คุณหมอทิ้งท้ายพร้อมชูถุงใส่ซองแซนวิชกับกาแฟกระป๋อง (ซึ่งเหลือแต่วิญญาณทั้งคู่) ให้ผมดู พร้อมกับแววตาที่ไม่เหมือนซอมบี้
ผมก็เลยเอานิ้วชีแตะปาก ทำท่า จุ๊ๆ “รู้กัน 3 คนนะครับ” พร้อมกับขยิบตาให้คุณพยาบาล แล้วเดินออกจากห้องตรวจไป
หลังจากตรวจเลือดเสร็จผลออกมา เป็นไข้เลือดออก เกร็ดเลือดต่ำมาก ไม่ถึง 6หมื่น โดน admit ซะนอนอยู่ 2 คืนก็โดนปล่อยตัวออกมา
-= กวนตรีน แพทย์ประจำบ้าน =-
ผมมีเหตุทำให้ตัวเองปวดกล้ามเนื้อต้นขา ปวดมากจนไม่ไหวแล้วต้องไปโรงพยาบาล คนละที่กับข้างบน เหมือนเดิมครับ รอคิวนานแต่ไม่มาก หมอก็เลยอดไป
พอถึงคิวเข้าไปตรวจ หมอก็ถามอาการนู่นนั่นนี่
“คิดว่าน่าจะกล้ามเนื้ออักเสบครับ เดี๋ยวไปฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ แล้วเอายาไปกิน ก็น่าจะโอเคครับ”
แต่มันไม่โอเคครับ หมอเขาลองขยับขาช่วงเข่าของผมดู เท่านั้นแหละ
‘เจ็บว้อย’ ผมตะโกนด้วยเสียงที่ดังลั่น (ในใจ)
“หือ” นั่นไงแวว shift หาย มาแล้วกรู หมอตรวจแล้ว หือ เอ๊ะ อ๊ะ ขมวดคิ้ว เมื่อไหร่ มันต้องมีอะไรแปลกแน่นอน
หมอขยับขาผมอีก 2-3 ที แล้วบอกผม “เดี๋ยวพยาบาลมาฉีดยาเสร็จแล้วอย่าเพิ่งไปนอนรอหมอแป๊บนะครับ”
คุณพยาบาลก็มาฉีดยา
หมอหายไปประมาณ 5 นาที เป็น 5 นาทีที่ระทึกสุดๆ
‘เกิดอะไรขึ้นวะ ขากูเป็นอะไร อย่าบอกนะว่าจะต้องตัดขา เฮ้ย ไม่จริงน่า ถ้าตัดขาแล้วกรูจะเตะบอลยังไงวะ’
เวลา 5 นาที ภาพที่ผมโดดเรียนไปเตะบอล ภาพที่ผมโดดโอเวอร์เฮดคิก ทำประตู ภาพที่ผมโชว์ super save พาทีมบอลชายห้องผมเข้ารอบอย่างหวุดหวิด ตอนม.ปลาย วิ่งผ่านเข้ามาเป็นฉากๆ
‘ขากู’
แล้วคุณหมอก็เดินเข้ามา พร้อมกับ ortho resident 6 คน
“เดี๋ยวหมอขอสอนแพทย์ประจำบ้านหน่อยนะครับ กระดูกหัวเข่าคุณเคลื่อนไหวแปลกๆ”
เยี่ยมครับเจอ อ.หมอ กระดูก กันเลยทีเดียว
“ผมยังเตะบอลได้อยู่ใช่ไหมครับอาจารย์ ผมไม่ต้องตัดขาใช่ไหมครับ”
“ไม่ร้ายแรงขนาดนั้นครับ” อาจารย์ ยิ้มแล้วก็ อธิบาย แพทย์ประจำบ้าน อะไรบ้างไม่รู้ผมไม่ได้สนใจสนใจแค่
‘กูยังเตะบอลได้’
ขณะที่กำลังดีใจ อ.หมอ ท่านก็จับขาผมโยกไปโยกมา โยกลักษณะ จับขาตั้งฉาก 90 องศา แล้วโยกหน้าโยกหลัง
หลังจากนั้น แพทย์ประจำบ้านก็ผลัดกันมาโยกขาผม โยกเหมือนของเล่นเลย ทำสีหน้างวยงง
ผมสุดทนแล้ว
“เบาๆครับหมอใจเย็นๆครับได้โยกกันทุกคน แต่เดี๋ยวก่อนถ้าหมอโยกภายใน 50 นาทีนี้ ผมแถมขาซ้ายให้โยกอีกข้างฟรี(จริงๆกรูต้องเสียเงินเพื่อให้หมอโยกนี่หว่า)”
เท่านั้นแหละ ปากหมาพาจน อ.หมอ นำทีมเลยครับ มาโยกขาซ้าย
“เหมือนกันเลย”
เอาแล้วไงกรู อยู่ดีๆไม่ชอบ ชอบไปกวนตรีนเขา หลังจากนั้น แพทย์ประจำบ้านก็กระจายกันมาโยกขาผม สลับ ซ้าย ขวา อย่างเมามัน
‘หมอจะโยกหัวไหล่ผมด้วยไหมครับ เพราะหัวไหล่ผมก็ขยับแปลกๆ’ แต่ได้แต่คิดไม่ได้พูด เพราะแค่นี้ก็จะแย่แล้ว
ว่าที่หมอกระดูกชาย 5-6 คน ผลัดเปลี่ยนกันมาโยกขาผม เป็นเวลาเกือบ 30 นาที (สาววายเชิญจิ้นได้ตามสะดวก)
ตลอดเวลาผมก็กวนตรีนแพทย์ประจำบ้านแทบทุกคน แซวนู่นนั่นนี่ คุณหมอจากหน้าเคลียดๆ งงๆ ก็ยิ้มกันทุกคน
บรรยากาศการโยกขาผมก็เป็นไปอย่างครึกครื้น ที่เด็ดสุดคือ แพทย์ประจำบ้านหญิงสาขากระดูก 1 เดียวของกลุ่มนั้นจะโยก
“หมอขอโยกขาหน่อยนะคะ”
“เต็มที่ครับหมอ ถ้าหมอไม่รังเกียจขนหน้าแข้งอันแสนเซ็กซี่ของผมนะ”
ทำเอา อ.หมอ ปล่อยก๊ากเลยทีเดียว (แต่ก่อนหน้านั้นโดนผมบิ้วมาเยอะแล้ว)
เสร็จแล้ว อ.หมอก็คุยกับแพทย์ประจำบ้านอีกนิดหน่อย แล้วก็ออกใบนัดมาให้ผม ให้ผมมาพบในอีก 2 อาทิตย์
ถ้าจะมีอะไรที่ผมเสียใจที่สุดในการมาพบแพทย์ก็คงจะเป็นครั้งนี้ เพราะผมไม่ได้มาหาหมอตามนัด ไม่ใช่เพราะกลัวโดนโยก แต่ดันงานเข้ายาว แถมทางโรงพยาบาลไม่ได้โทรตาม เลยลืมไปเลย
ณ. ตอนนี้ ขาและเข่าของผมก็ยังปรกติสุขดีอยู่นะครับ แต่ถ้ามีโอกาส ก็อยากกลับไปให้หมอดูให้อีกทีจัง
แชร์ประสบการณ์ในการเข้ารับการตรวจรักษาในโรงพยาบาลของรัฐครับ
ผมจึงตัดสินใจที่จะเขียนกระทู้นี้เพื่อแชร์ประสบการณ์ในการเข้ารับการบริการโรงพยาบาลของรัฐที่ผมได้พบเจอบ้าง
-= ผมจะไม่ทนกับ OPD แบบนี้ =-
เหตุการณ์วันนั้นผมไม่สบายมีไข้สูงมา 2-3 วันแล้ว นอนซม ปวดหัว ปวดตามเนื้อตัว ข้าวปลาไม่กิน ทำได้แค่กินพาราแล้วก็นอน
จนทนไม่ไหวพรุ่งนี้เช้าต้องไปโรงพยาบาลให้ได้ เช้ามาแข็งใจขับรถไปโรงพยาบาลรัฐ ตั้งแต่ 8 โมง ทำบัตร วัดไข้ แล้วเดิน
ไป OPD พอเลี้ยวหัวมุมเข้าโซน OPD ร้อยกว่าชีวิต ที่นั่งหน้าสลอน หันมามองผม พร้อมกับสายตาที่ผิดหวัง
“เสียใจด้วยนะ ผมไม่ใช่หมอ” จวบจน 9 โมง คุณหมอสภาพซอมบี้ทั้งหลายก็เริ่มเข้ามาที่ OPD คุณพยาบาลก็ทยอยเรียกผู้ป่วยเข้าไปตรวจ
10 โมงผ่านไป
11 โมงผ่านไป
เที่ยงแล้วเว้ย
บ่ายแล้วจ้า
“หมอตรวจช้าว่ะ” ข้างๆเริ่มบ่นกับญาติ
ส่วนผมเริ่มจะทนไม่ไหว ผมจะไม่ทนผมเดินออกจาก OPD ไปร้านขายของในโรงพยาบาล
ตอนแรกกะว่าจะจัดให้หนัก แต่คิดไปคิดมา เอาเบาๆดีกว่าเดี๋ยวหมอตาย
กลับมาที่ OPD เหลือคิวตรวจอีกไม่กี่คิวแล้ว เอ้านั่งรอต่อไป
จนในที่สุดเสียงเรียกจากสวรรค์ก็มา คิวผมครับคิวผม
ผมเดินอย่างผู้ชนะ ดุจดาราขึ้นไปรับ Oscar
‘ทีกูล่ะ เดี๋ยวหมอเจอกรูแน่’
เข้าห้องตรวจ
“เชิญนั่งค่ะเป็นอะไรมาคะ” แหมหน้ายังไม่มอง เดี๋ยวเจอดี อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วจะรอด
พอหมอเงยหน้าขึ้นมาผมยื่นของในมือให้หมอ หมอติดสตัน
“กินก่อนครับ จะบ่ายสองแล้วหมอยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่”
ยังมึนไม่เลิก
“หมอกินไปเหอะครับ เดี๋ยวผม อธิบาย อาการผมให้ฟัง ไม่ต้องห่วงผมไม่ได้ใส่ยาเสน่ลงไปหรอก” พร้อมยิ้มให้ทีนึง
ขณะที่ผมเล่าอาการของผมให้หมอฟัง หมอก็นั่งหม่ำแซนวิชพร้อมดื่มกาแฟเย็นกระป๋อง(ที่ตอนนี้คงไม่ค่อยเย็นแล้ว)
หมอใช้เวลากินแซนวิชไม่ถึง 1 นาที ก็ฟังปอด ตรวจลำคอ สอบถามอาการเพิ่มเติม
“หมอต้องขอตรวจเลือดก่อนนะคะ สงสัยว่าจะเป็นไข้เลือดออก”
“ครับ ขอบคุณครับ หมอมีแรงขึ้นแล้วนะครับ สู้ๆนะครับหมอ”
หมอก็ยิ้มๆ หันไปบอกคุณพยาบาล ที่ก็เพิ่งกินแซนวิชกับกาแฟที่ผมเอามาฝากเสร็จ ให้ส่งผมไปตรวจเลือด
เสร็จเรียบร้อยผมก็ขอตัวคุณหมอไปเจาะเลือด
“ขอบคุณนะคะ” คุณหมอทิ้งท้ายพร้อมชูถุงใส่ซองแซนวิชกับกาแฟกระป๋อง (ซึ่งเหลือแต่วิญญาณทั้งคู่) ให้ผมดู พร้อมกับแววตาที่ไม่เหมือนซอมบี้
ผมก็เลยเอานิ้วชีแตะปาก ทำท่า จุ๊ๆ “รู้กัน 3 คนนะครับ” พร้อมกับขยิบตาให้คุณพยาบาล แล้วเดินออกจากห้องตรวจไป
หลังจากตรวจเลือดเสร็จผลออกมา เป็นไข้เลือดออก เกร็ดเลือดต่ำมาก ไม่ถึง 6หมื่น โดน admit ซะนอนอยู่ 2 คืนก็โดนปล่อยตัวออกมา
-= กวนตรีน แพทย์ประจำบ้าน =-
ผมมีเหตุทำให้ตัวเองปวดกล้ามเนื้อต้นขา ปวดมากจนไม่ไหวแล้วต้องไปโรงพยาบาล คนละที่กับข้างบน เหมือนเดิมครับ รอคิวนานแต่ไม่มาก หมอก็เลยอดไป
พอถึงคิวเข้าไปตรวจ หมอก็ถามอาการนู่นนั่นนี่
“คิดว่าน่าจะกล้ามเนื้ออักเสบครับ เดี๋ยวไปฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ แล้วเอายาไปกิน ก็น่าจะโอเคครับ”
แต่มันไม่โอเคครับ หมอเขาลองขยับขาช่วงเข่าของผมดู เท่านั้นแหละ
‘เจ็บว้อย’ ผมตะโกนด้วยเสียงที่ดังลั่น (ในใจ)
“หือ” นั่นไงแวว shift หาย มาแล้วกรู หมอตรวจแล้ว หือ เอ๊ะ อ๊ะ ขมวดคิ้ว เมื่อไหร่ มันต้องมีอะไรแปลกแน่นอน
หมอขยับขาผมอีก 2-3 ที แล้วบอกผม “เดี๋ยวพยาบาลมาฉีดยาเสร็จแล้วอย่าเพิ่งไปนอนรอหมอแป๊บนะครับ”
คุณพยาบาลก็มาฉีดยา
หมอหายไปประมาณ 5 นาที เป็น 5 นาทีที่ระทึกสุดๆ
‘เกิดอะไรขึ้นวะ ขากูเป็นอะไร อย่าบอกนะว่าจะต้องตัดขา เฮ้ย ไม่จริงน่า ถ้าตัดขาแล้วกรูจะเตะบอลยังไงวะ’
เวลา 5 นาที ภาพที่ผมโดดเรียนไปเตะบอล ภาพที่ผมโดดโอเวอร์เฮดคิก ทำประตู ภาพที่ผมโชว์ super save พาทีมบอลชายห้องผมเข้ารอบอย่างหวุดหวิด ตอนม.ปลาย วิ่งผ่านเข้ามาเป็นฉากๆ
‘ขากู’
แล้วคุณหมอก็เดินเข้ามา พร้อมกับ ortho resident 6 คน
“เดี๋ยวหมอขอสอนแพทย์ประจำบ้านหน่อยนะครับ กระดูกหัวเข่าคุณเคลื่อนไหวแปลกๆ”
เยี่ยมครับเจอ อ.หมอ กระดูก กันเลยทีเดียว
“ผมยังเตะบอลได้อยู่ใช่ไหมครับอาจารย์ ผมไม่ต้องตัดขาใช่ไหมครับ”
“ไม่ร้ายแรงขนาดนั้นครับ” อาจารย์ ยิ้มแล้วก็ อธิบาย แพทย์ประจำบ้าน อะไรบ้างไม่รู้ผมไม่ได้สนใจสนใจแค่
‘กูยังเตะบอลได้’
ขณะที่กำลังดีใจ อ.หมอ ท่านก็จับขาผมโยกไปโยกมา โยกลักษณะ จับขาตั้งฉาก 90 องศา แล้วโยกหน้าโยกหลัง
หลังจากนั้น แพทย์ประจำบ้านก็ผลัดกันมาโยกขาผม โยกเหมือนของเล่นเลย ทำสีหน้างวยงง
ผมสุดทนแล้ว
“เบาๆครับหมอใจเย็นๆครับได้โยกกันทุกคน แต่เดี๋ยวก่อนถ้าหมอโยกภายใน 50 นาทีนี้ ผมแถมขาซ้ายให้โยกอีกข้างฟรี(จริงๆกรูต้องเสียเงินเพื่อให้หมอโยกนี่หว่า)”
เท่านั้นแหละ ปากหมาพาจน อ.หมอ นำทีมเลยครับ มาโยกขาซ้าย
“เหมือนกันเลย”
เอาแล้วไงกรู อยู่ดีๆไม่ชอบ ชอบไปกวนตรีนเขา หลังจากนั้น แพทย์ประจำบ้านก็กระจายกันมาโยกขาผม สลับ ซ้าย ขวา อย่างเมามัน
‘หมอจะโยกหัวไหล่ผมด้วยไหมครับ เพราะหัวไหล่ผมก็ขยับแปลกๆ’ แต่ได้แต่คิดไม่ได้พูด เพราะแค่นี้ก็จะแย่แล้ว
ว่าที่หมอกระดูกชาย 5-6 คน ผลัดเปลี่ยนกันมาโยกขาผม เป็นเวลาเกือบ 30 นาที (สาววายเชิญจิ้นได้ตามสะดวก)
ตลอดเวลาผมก็กวนตรีนแพทย์ประจำบ้านแทบทุกคน แซวนู่นนั่นนี่ คุณหมอจากหน้าเคลียดๆ งงๆ ก็ยิ้มกันทุกคน
บรรยากาศการโยกขาผมก็เป็นไปอย่างครึกครื้น ที่เด็ดสุดคือ แพทย์ประจำบ้านหญิงสาขากระดูก 1 เดียวของกลุ่มนั้นจะโยก
“หมอขอโยกขาหน่อยนะคะ”
“เต็มที่ครับหมอ ถ้าหมอไม่รังเกียจขนหน้าแข้งอันแสนเซ็กซี่ของผมนะ”
ทำเอา อ.หมอ ปล่อยก๊ากเลยทีเดียว (แต่ก่อนหน้านั้นโดนผมบิ้วมาเยอะแล้ว)
เสร็จแล้ว อ.หมอก็คุยกับแพทย์ประจำบ้านอีกนิดหน่อย แล้วก็ออกใบนัดมาให้ผม ให้ผมมาพบในอีก 2 อาทิตย์
ถ้าจะมีอะไรที่ผมเสียใจที่สุดในการมาพบแพทย์ก็คงจะเป็นครั้งนี้ เพราะผมไม่ได้มาหาหมอตามนัด ไม่ใช่เพราะกลัวโดนโยก แต่ดันงานเข้ายาว แถมทางโรงพยาบาลไม่ได้โทรตาม เลยลืมไปเลย
ณ. ตอนนี้ ขาและเข่าของผมก็ยังปรกติสุขดีอยู่นะครับ แต่ถ้ามีโอกาส ก็อยากกลับไปให้หมอดูให้อีกทีจัง