สบายใจ ไปดูมาแล้ว
"THE PURGE : ANARCHY"
หนังเป็นภาคต่อของหนังชื่อเดียวกันคือ THE PURGE ว่าด้วยเรื่องกฏหมายใหม่ของชาติอเมริกาที่สามารถให้ทุกคนทำผิดกฏหมายได้ภายในเวลา 12 ชม. ไม่ว่าจะ ปล้น ทำลาย หรือแม้กระทั่งฆ่าชีวิต
หนังพาให้เราไปพบ "สามกลุ่ม" ที่แตกต่างกัน คู่แม่ลูก/แฟนที่กำลังจะเลิกกัน และคุณพ่อที่มีปมอดีตในใจ โดยแต่ละคนนั้นก็มีจุดมุ่งหมายในคืนนรกแห่งการชำระบาปนี้แตกต่างกัน จะด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจ แต่ทั้งสามก็ได้มาพบกัน และร่วมฝ่าฟันชะตากรรมอันแสนโหดร้ายไปด้วยกัน
เนื่องจากเป็นภาคสอง SCALE ของหนังจึงใหญ่ขึ้นกว่าภาคแรกที่อยู่เพียงแค่ ภายในบ้าน และพูดถึงครอบครัวเพียงครอบครัวเดียว ภาคนี้จะพูดมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น และมีการทิ้งปมบางอย่างที่สามารถต่อยอดถึงภาคต่อไปได้ (เกี่ยวกับเรื่องของ กลุ่มต่อต้านกฏหมายการล้างบาปนั้นเอง)
แต่ด้วยความที่หนังอัพสเกลใหญ่ขึ้น และแบ่งออกเป็นสามกลุ่มให้เราเอาใจช่วย(แต่จริงๆถ้าดูก็จะรู้ว่ากลุ่มไหนเป็นเส้นเรื่องหลัก) จึงทำให้เราไม่ค่อยได้อินกับกลุ่มใดมากนัก ประกอบกับ คุณพ่อที่โคตรเก่ง ทั้งบู๊และบุ๋น จึงทำให้หนังหมดความตื่นเต้นไปเยอะมาก (พี่แกเก่งโคตร เก่งระดับน้องๆกัปตันอเมริกันได้เลย 55555555555555)
สุดท้ายแม้ว่าหนังอาจจะไม่ลุ้นและตื่นเต้นน่าเอาใจช่วยเท่าภาคแรก แต่ประเด็นจิกกัดต่างๆที่สอดแทรกอยู่ก็เยอะขึ้น ชวนคิดมากขึ้น จึงทำให้ THE PURGE ANARCHY เป็นหนังที่สนุก น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
[CR] [CR][REVIEW] สบายใจ...ไปดูมาแล้ว "THE PURGE : ANARCHY"
สบายใจ ไปดูมาแล้ว
"THE PURGE : ANARCHY"
หนังเป็นภาคต่อของหนังชื่อเดียวกันคือ THE PURGE ว่าด้วยเรื่องกฏหมายใหม่ของชาติอเมริกาที่สามารถให้ทุกคนทำผิดกฏหมายได้ภายในเวลา 12 ชม. ไม่ว่าจะ ปล้น ทำลาย หรือแม้กระทั่งฆ่าชีวิต
หนังพาให้เราไปพบ "สามกลุ่ม" ที่แตกต่างกัน คู่แม่ลูก/แฟนที่กำลังจะเลิกกัน และคุณพ่อที่มีปมอดีตในใจ โดยแต่ละคนนั้นก็มีจุดมุ่งหมายในคืนนรกแห่งการชำระบาปนี้แตกต่างกัน จะด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจ แต่ทั้งสามก็ได้มาพบกัน และร่วมฝ่าฟันชะตากรรมอันแสนโหดร้ายไปด้วยกัน
เนื่องจากเป็นภาคสอง SCALE ของหนังจึงใหญ่ขึ้นกว่าภาคแรกที่อยู่เพียงแค่ ภายในบ้าน และพูดถึงครอบครัวเพียงครอบครัวเดียว ภาคนี้จะพูดมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น และมีการทิ้งปมบางอย่างที่สามารถต่อยอดถึงภาคต่อไปได้ (เกี่ยวกับเรื่องของ กลุ่มต่อต้านกฏหมายการล้างบาปนั้นเอง)
แต่ด้วยความที่หนังอัพสเกลใหญ่ขึ้น และแบ่งออกเป็นสามกลุ่มให้เราเอาใจช่วย(แต่จริงๆถ้าดูก็จะรู้ว่ากลุ่มไหนเป็นเส้นเรื่องหลัก) จึงทำให้เราไม่ค่อยได้อินกับกลุ่มใดมากนัก ประกอบกับ คุณพ่อที่โคตรเก่ง ทั้งบู๊และบุ๋น จึงทำให้หนังหมดความตื่นเต้นไปเยอะมาก (พี่แกเก่งโคตร เก่งระดับน้องๆกัปตันอเมริกันได้เลย 55555555555555)
สุดท้ายแม้ว่าหนังอาจจะไม่ลุ้นและตื่นเต้นน่าเอาใจช่วยเท่าภาคแรก แต่ประเด็นจิกกัดต่างๆที่สอดแทรกอยู่ก็เยอะขึ้น ชวนคิดมากขึ้น จึงทำให้ THE PURGE ANARCHY เป็นหนังที่สนุก น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว