คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ
ผมทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง แล้วก็มีน้องคนใหม่เข้ามาทำงานในแผนกเดียวกัน(สมมุติชื่อน้อง สอ แล้วกัน)
แล้วน้องสอ ก็จะมักจะทานข้าวกับน้องผู้หญิงในแผนกเดียวกันทุกวัน
จนได้รู้จักกัน ได้พูดคุยกันบ้างนิดๆหน่อย
ในบริษัทจะมีไลน์กลุ่ม ไลน์แผนก กัน พนักงานแต่ละคนก็จะมีข่าวสารแจ้งกันในไลน์จะได้ไม่ต้องคอยโทรบอกกันทีละคนๆ
แต่ละคนเวลามีอะไรๆ ก็จะมาแจ้ง เช่น เจอเรื่องอะไร บอกบุญ บอกข่าว สาระ ไร้สาระ ก็แจ้งกันไป
พอทำงานไปเรื่อยๆหลายเดือนก็จะมีกิจกรรมต่างๆของบริษัทจัดขึ้น เช่น ไปสัมมนา ไปออกค่าย ไปประชุมอบรม งานเลี้ยง ฯลฯ
ก็จะได้ไปร่วมกันทั้งแผนกเสมอๆ
จนกระทั่งวันนึง มีน้องที่สนิทๆกันมาแอบบอกผมว่า น้องสอ เค้าแอบปลื้มเราอยู่นะ
ซึ่งผมก็แปลกใจนิดๆว่า หรอ......เพราะในใจผมก็ปลื้มน้องเค้าเหมือนกันในใจ เพราะชอบการวางตัว กิริยา มารยาท สไตล์ชีวิต ความคิดความอ่าน ฯลฯ
คือน้องเค้าก็ตรงสเปคที่ผมชอบเหมือนๆกัน แต่เรื่องนี้ผมก็ไม่ได้พูดอะไรให้ใครฟัง ผมก็เก็บไว้ในใจเท่านั้น
เพราะรู้ตัวอยู่ว่ามัน "เป็นไปไม่ได้"
ด้วยเพราะผมเองก็มีแฟนแล้ว อยู่กินด้วยกันแล้ว
น้องสอ ก็มีแฟนแล้วเช่นกัน เหมือนกัน
แต่เรายังไม่มีลูกทั้งสองฝ่าย
แต่ต่างคนก็แอบปลื้มกันและกันอยู่ลึกๆไม่แสดงออกให้ใครรู้
น้องเค้าก็แค่ชื่นชมผมที่ความคิดความอ่าน ความสามารถ ที่รู้จากน้องๆในแผนกพูดให้ฟัง
ผมก็แค่แอบมองเค้าอยู่ห่างๆ ชอบที่น้องเค้าเป็นแบบที่ผมชอบมานาน สุภาพ เรียบร้อย อ่อนหวาน ใจเย็น
มันน่าตลก ที่แฟนของแต่ละฝ่าย กลับไม่ได้เป็นอย่างที่ต้องการทุกอย่าง คบกัน ก็แค่คบตอนที่ยังไม่มีคนถูกใจเข้ามาเจอเท่านั้น
ก็คบไปตามหน้าที่ที่จะเป็น แต่ความประทับใจ กลับไม่ได้มากมายขนาดนี้
ผมและน้องก็อายุไม่น้อยแล้วทั้งคู่ 30 กว่าๆแล้ว ไม่ใช่เด็กน้อย เด็กวัยรุ่น
ที่จะชอบคนเพราะความเหงา ความเท่ ความอยากมีแฟนเหมือนคนอื่น ฯลฯ
แต่เราชอบคนเพราะเราเลือกคนที่นิสัย เลือกคนที่เข้ากันได้ คุยแล้วเข้าใจ มองทางเดียวกัน ร่วมมือกันคิด วางอนาคตด้วยกันได้
เท่าที่รู้ทั้งน้องและผม คิดเหมือนกัน แต่ก็ทำอย่างที่คิดไม่ได้
มันก็เหมือนเป็นการทำร้ายแฟนของแต่ละคน เค้าไม่ได้ทำอะไรผิด
เค้าแค่ "ไม่ใช่" ที่เราต้องการ
คนที่เราต้องการ เราเพิ่งจะมาเจอเค้าในตอนนี้
"เราเจอกันช้าไป" จริงๆ
มันเลยเป็นความคิดที่เก็บไว้ในใจ อยู่ในใจลึกๆไปเรื่อยๆ
ตอนนี้ก็ได้แค่ทำเหมือนคนร่วมงาน คนรู้จักกันไป
ถ้าเป็นคนอื่นจะทำยังไง ?
เลิกกับคนเก่าแล้วมาคบคนใหม่ ด้วยเหตุผลว่า เราเข้ากันไม่ได้ ฉันมีคนใหม่ที่ใช่กว่า ?
หรือ บางคนเลือกจะคบซ้อนไปเรื่อยๆ ?
หรือ ตัดใจ กลับไปอยู่กับคนที่เราไม่ได้รักเค้าเหมือนเดิมแล้วไปเรื่อยๆ จนมันแตกหักไปเอง ?
ผมเกิดมา 30 กว่าปีแล้ว มีแฟนมาแล้วก็หลายคน คบซ้อนก็มีสมัยวัยรุ่น แต่อายุมากก็คบทีละคน ห่างๆไปก็เลิก
คนปัจจุบันก็คบมา แล้วก็แต่งงานกันตามเวลาที่เหมาะสม
ถามว่ารักกันไหม ? แรกๆ ก็รักกันดีอยู่
แต่ผ่านไปเหมือนกับว่า มันทำให้ความรักน้อยลงเรื่อยๆ ความเอาแต่ใจ ความวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัว ปัญหาพี่น้องพ่อแม่ลามมาในชีวิตคู่
เริ่มจะเห็นแก่ตัวมากขึ้น ใส่ใจน้อยลง
มันเลยคงไม่แปลกที่พอเจอคนที่ใช่ จะทำให้หวั่นไหวได้ขนาดนี้
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเติมครับ
คือก็ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องไม่ดี ไม่เหมาะสม ที่คิดแบบนั้น.....
แต่ถามว่า แล้วคนที่ต้องทนอยู่ทุกวันนี้ เค้าไม่เหลือความดี ที่เค้าเคยเป็นแล้วเหมือนเมื่อก่อน
เราต้องทนต่อไปเรื่อยๆ หรือ ครับ ?
ผมเป็นหนี้มากมาย ก็เพราะเค้าเอาเงินไปจุนเจือช่วยเหลือครอบครัวเค้าฝ่ายเดียว
พ่อแม่เค้าเป็นหนี้สินหลายแสนจากการทำนาแล้วขาดทุนทุกปี ผมก็วิ่งหาเงินไปจ่ายให้ ถึงขนาดไปกู้เงินธนาคาร เอารถเข้าไฟแนนซ์
เพื่อแค่หาเงินให้พ่อแม่เค้าปลดหนี้ เพราะอายชาวบ้านเค้านินทา
เค้ามีพี่ชายที่อายุ 50กว่า แล้ว แต่ไม่ทำงาน ไม่ทำมาหากิน เกาะพ่อแม่เค้ากิน
ที่พ่อแม่เค้าเป็นหนี้ส่วนหนึ่ง ก็เพราะ เอาเงินกู้ไปให้พี่ชายเค้าใช้จ่าย อยู่ กทม. เช่าคอนโดอยู่ อาชีพไม่มี
จนเป็นหนี้ท่วมหัว ปีนึงเป็นแสน เพราะเค้ากลัวลูกชายเค้าน้อยหน้าคนอื่น เลยให้อยู่ กทม.ไปเรื่อยๆ
ผมก็ต้องรับหน้าที่ใช้หนี้ให้เค้าแทน
ผมต้องทะเลาะกับเค้าประจำ เพราะเรื่องครอบครัวเค้า
ก่อนนี้ พ่อเค้าเอารถผมไปขับใช้งาน ประมาณกว่ากระบะเดิมเค้ามันเก่า ดูไม่ดี
เอารถเก๋งผมไปขับ แล้วก็ไปชนมาจนพังยับขายซาก ผมต้องผ่อนกุญแจกับไฟแนนซ์ไปอีก 3 ปี (เป็นรถมือสอง)
คำขอโทษ หรือ ชดเชย ไม่มีสักนิดเดียว เหมือนรถราคามันแค่ 1200 บาท !!
ตอนแต่งงานบ้านเค้า ก็ไปกู้เงินมาจัดงานใหญ่โต เลี้ยงโต๊ะจีน 30 โต๊ะ มีเวที มีนักร้อง มีหนังกลางแปลง เวทีหมอลำ ฯลฯ
หมดค่าจัดงาน 3 วันไป สองแสนกว่า ยิ่งกว่าจัดงานกาชาดประจำปีอีก
ผมต้องจ่ายหมด................
เงินค่าซองเค้าเก็บหมด โต๊ะนึงค่าอาหาร 1200 ได้ซองมา 250 บาท ทั้งโต๊ะ ก็มี บางคนใส่ซอง 20 บาท บางคนใส่ 100 มา 5 คน
เงินค่างาน ผมใช้เงินเก็บ เงินกู้ เงินฝ่ายญาติผม จ่ายหมด
ค่าสินสอด สองแสน ทอง 5 บาท ก็เก็บหมดไม่คืนสักบาทเดียว
เค้าจัดงานใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน ได้หน้าได้ตาไปหลายปี เพราะไม่มีใครจัดใหญ่ขนาดนี้ได้อีกเลย
ฯลฯ
คือตั้งแต่ผมคบกับแฟนมา จนแต่งงาน ผมต้องวิ่งหาเงินให้ครอบครัวเธอ 6 ปีนี่จะเป็นล้านบาทแล้วครับ ตอนนี้เงินเก็บผมไม่มีเลย
เงินเดือนออกมาก็ต้องจ่ายใช้หนี้หมด เหลือแค่พอกินประจำเดือนเท่านั้น
พอหาเงินไม่พอ หรือ ไม่ได้ ก็ด่าผม ทะเลาะกับผมประจำ เธอรักครอบครัวพ่อแม่เธอมาก แต่เธอไม่ได้รักผมเหมือนก่อนแล้ว เธออยู่กับผมแค่ให้ผมเป็นเครื่องหาเงิน และ คอยซัพพอร์ท ครอบครัวเธอเวลามีปัญหา
จนถึงทุกวันนี้เงินที่ผมกู้ให้ไปใช้หนี้ ผมยังต้องผ่อนกับธนาคารไม่หมดเลย
หนี้เป็นชื่อผม ไม่ใช่ชื่อเธอ
แม่ผมแท้ๆ ผมยังแทบไม่เคยส่งเงินให้เลย ได้แค่ช่วยค่าข้าวสารกะปิน้ำปลาให้ เดือนนึงๆไม่ถึงพันบาทด้วยซ้ำ
เพราะเงินที่ผมหามาทั้งหมดต้องไปช่วยพ่อแม่แฟนหมด
แต่แม่ผมก็ไม่เรียกร้องอะไร เหมือนจะเข้าใจสถานะผมตอนนี้
ผมเลิกงานทำโอทีกลับมา สี่ทุ่ม ห้าทุ่ม แทบทุกวัน กลับเร็วสุดก็สามทุ่ม เข้างานแต่ 8 โมงเช้า
ไม่มีข้าวกิน ต้องต้มมาม่ากิน หรือ ไม่ได้กินข้าวเย็นเลย หรือ เป็นกับข้าวเหลือเมื่อวานมาอุ่นกิน
เธอก็นอนดูทีวีตรงนั้นแหละ ไม่เคยถามสักคำว่าเหนื่อยหรือเปล่า เป็นไงบ้าง
ผมทำโอทีก็เพื่อหาเงินมาจ่ายให้พ่อแม่เธอนั่นแหละ เธอก็รู้
ถามว่าผมเหนื่อยไหม ? เบื่อไหม ? เครียดไหม ? ที่ผมเป็นอยู่
ถ้าผมเจอคนที่เค้าไม่เหมือนอีกคนเข้ามาในชีวิต ผมจะหวั่นไหวไหม ?
แค่นับย้อนเวลาที่เจอใหม่ๆเหมือนกัน ก็แตกต่างกันแล้ว
ถามว่าแบบนี้ผมควรทำยังไง ?
คนสองคนต่างมีแฟนแล้ว แต่ แอบปลื้มกันเอง เป็นความรู้สึกที่ทรมานจริงๆ
ผมทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง แล้วก็มีน้องคนใหม่เข้ามาทำงานในแผนกเดียวกัน(สมมุติชื่อน้อง สอ แล้วกัน)
แล้วน้องสอ ก็จะมักจะทานข้าวกับน้องผู้หญิงในแผนกเดียวกันทุกวัน
จนได้รู้จักกัน ได้พูดคุยกันบ้างนิดๆหน่อย
ในบริษัทจะมีไลน์กลุ่ม ไลน์แผนก กัน พนักงานแต่ละคนก็จะมีข่าวสารแจ้งกันในไลน์จะได้ไม่ต้องคอยโทรบอกกันทีละคนๆ
แต่ละคนเวลามีอะไรๆ ก็จะมาแจ้ง เช่น เจอเรื่องอะไร บอกบุญ บอกข่าว สาระ ไร้สาระ ก็แจ้งกันไป
พอทำงานไปเรื่อยๆหลายเดือนก็จะมีกิจกรรมต่างๆของบริษัทจัดขึ้น เช่น ไปสัมมนา ไปออกค่าย ไปประชุมอบรม งานเลี้ยง ฯลฯ
ก็จะได้ไปร่วมกันทั้งแผนกเสมอๆ
จนกระทั่งวันนึง มีน้องที่สนิทๆกันมาแอบบอกผมว่า น้องสอ เค้าแอบปลื้มเราอยู่นะ
ซึ่งผมก็แปลกใจนิดๆว่า หรอ......เพราะในใจผมก็ปลื้มน้องเค้าเหมือนกันในใจ เพราะชอบการวางตัว กิริยา มารยาท สไตล์ชีวิต ความคิดความอ่าน ฯลฯ
คือน้องเค้าก็ตรงสเปคที่ผมชอบเหมือนๆกัน แต่เรื่องนี้ผมก็ไม่ได้พูดอะไรให้ใครฟัง ผมก็เก็บไว้ในใจเท่านั้น
เพราะรู้ตัวอยู่ว่ามัน "เป็นไปไม่ได้"
ด้วยเพราะผมเองก็มีแฟนแล้ว อยู่กินด้วยกันแล้ว
น้องสอ ก็มีแฟนแล้วเช่นกัน เหมือนกัน
แต่เรายังไม่มีลูกทั้งสองฝ่าย
แต่ต่างคนก็แอบปลื้มกันและกันอยู่ลึกๆไม่แสดงออกให้ใครรู้
น้องเค้าก็แค่ชื่นชมผมที่ความคิดความอ่าน ความสามารถ ที่รู้จากน้องๆในแผนกพูดให้ฟัง
ผมก็แค่แอบมองเค้าอยู่ห่างๆ ชอบที่น้องเค้าเป็นแบบที่ผมชอบมานาน สุภาพ เรียบร้อย อ่อนหวาน ใจเย็น
มันน่าตลก ที่แฟนของแต่ละฝ่าย กลับไม่ได้เป็นอย่างที่ต้องการทุกอย่าง คบกัน ก็แค่คบตอนที่ยังไม่มีคนถูกใจเข้ามาเจอเท่านั้น
ก็คบไปตามหน้าที่ที่จะเป็น แต่ความประทับใจ กลับไม่ได้มากมายขนาดนี้
ผมและน้องก็อายุไม่น้อยแล้วทั้งคู่ 30 กว่าๆแล้ว ไม่ใช่เด็กน้อย เด็กวัยรุ่น
ที่จะชอบคนเพราะความเหงา ความเท่ ความอยากมีแฟนเหมือนคนอื่น ฯลฯ
แต่เราชอบคนเพราะเราเลือกคนที่นิสัย เลือกคนที่เข้ากันได้ คุยแล้วเข้าใจ มองทางเดียวกัน ร่วมมือกันคิด วางอนาคตด้วยกันได้
เท่าที่รู้ทั้งน้องและผม คิดเหมือนกัน แต่ก็ทำอย่างที่คิดไม่ได้
มันก็เหมือนเป็นการทำร้ายแฟนของแต่ละคน เค้าไม่ได้ทำอะไรผิด
เค้าแค่ "ไม่ใช่" ที่เราต้องการ
คนที่เราต้องการ เราเพิ่งจะมาเจอเค้าในตอนนี้
"เราเจอกันช้าไป" จริงๆ
มันเลยเป็นความคิดที่เก็บไว้ในใจ อยู่ในใจลึกๆไปเรื่อยๆ
ตอนนี้ก็ได้แค่ทำเหมือนคนร่วมงาน คนรู้จักกันไป
ถ้าเป็นคนอื่นจะทำยังไง ?
เลิกกับคนเก่าแล้วมาคบคนใหม่ ด้วยเหตุผลว่า เราเข้ากันไม่ได้ ฉันมีคนใหม่ที่ใช่กว่า ?
หรือ บางคนเลือกจะคบซ้อนไปเรื่อยๆ ?
หรือ ตัดใจ กลับไปอยู่กับคนที่เราไม่ได้รักเค้าเหมือนเดิมแล้วไปเรื่อยๆ จนมันแตกหักไปเอง ?
ผมเกิดมา 30 กว่าปีแล้ว มีแฟนมาแล้วก็หลายคน คบซ้อนก็มีสมัยวัยรุ่น แต่อายุมากก็คบทีละคน ห่างๆไปก็เลิก
คนปัจจุบันก็คบมา แล้วก็แต่งงานกันตามเวลาที่เหมาะสม
ถามว่ารักกันไหม ? แรกๆ ก็รักกันดีอยู่
แต่ผ่านไปเหมือนกับว่า มันทำให้ความรักน้อยลงเรื่อยๆ ความเอาแต่ใจ ความวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัว ปัญหาพี่น้องพ่อแม่ลามมาในชีวิตคู่
เริ่มจะเห็นแก่ตัวมากขึ้น ใส่ใจน้อยลง
มันเลยคงไม่แปลกที่พอเจอคนที่ใช่ จะทำให้หวั่นไหวได้ขนาดนี้
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเติมครับ
คือก็ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องไม่ดี ไม่เหมาะสม ที่คิดแบบนั้น.....
แต่ถามว่า แล้วคนที่ต้องทนอยู่ทุกวันนี้ เค้าไม่เหลือความดี ที่เค้าเคยเป็นแล้วเหมือนเมื่อก่อน
เราต้องทนต่อไปเรื่อยๆ หรือ ครับ ?
ผมเป็นหนี้มากมาย ก็เพราะเค้าเอาเงินไปจุนเจือช่วยเหลือครอบครัวเค้าฝ่ายเดียว
พ่อแม่เค้าเป็นหนี้สินหลายแสนจากการทำนาแล้วขาดทุนทุกปี ผมก็วิ่งหาเงินไปจ่ายให้ ถึงขนาดไปกู้เงินธนาคาร เอารถเข้าไฟแนนซ์
เพื่อแค่หาเงินให้พ่อแม่เค้าปลดหนี้ เพราะอายชาวบ้านเค้านินทา
เค้ามีพี่ชายที่อายุ 50กว่า แล้ว แต่ไม่ทำงาน ไม่ทำมาหากิน เกาะพ่อแม่เค้ากิน
ที่พ่อแม่เค้าเป็นหนี้ส่วนหนึ่ง ก็เพราะ เอาเงินกู้ไปให้พี่ชายเค้าใช้จ่าย อยู่ กทม. เช่าคอนโดอยู่ อาชีพไม่มี
จนเป็นหนี้ท่วมหัว ปีนึงเป็นแสน เพราะเค้ากลัวลูกชายเค้าน้อยหน้าคนอื่น เลยให้อยู่ กทม.ไปเรื่อยๆ
ผมก็ต้องรับหน้าที่ใช้หนี้ให้เค้าแทน
ผมต้องทะเลาะกับเค้าประจำ เพราะเรื่องครอบครัวเค้า
ก่อนนี้ พ่อเค้าเอารถผมไปขับใช้งาน ประมาณกว่ากระบะเดิมเค้ามันเก่า ดูไม่ดี
เอารถเก๋งผมไปขับ แล้วก็ไปชนมาจนพังยับขายซาก ผมต้องผ่อนกุญแจกับไฟแนนซ์ไปอีก 3 ปี (เป็นรถมือสอง)
คำขอโทษ หรือ ชดเชย ไม่มีสักนิดเดียว เหมือนรถราคามันแค่ 1200 บาท !!
ตอนแต่งงานบ้านเค้า ก็ไปกู้เงินมาจัดงานใหญ่โต เลี้ยงโต๊ะจีน 30 โต๊ะ มีเวที มีนักร้อง มีหนังกลางแปลง เวทีหมอลำ ฯลฯ
หมดค่าจัดงาน 3 วันไป สองแสนกว่า ยิ่งกว่าจัดงานกาชาดประจำปีอีก
ผมต้องจ่ายหมด................
เงินค่าซองเค้าเก็บหมด โต๊ะนึงค่าอาหาร 1200 ได้ซองมา 250 บาท ทั้งโต๊ะ ก็มี บางคนใส่ซอง 20 บาท บางคนใส่ 100 มา 5 คน
เงินค่างาน ผมใช้เงินเก็บ เงินกู้ เงินฝ่ายญาติผม จ่ายหมด
ค่าสินสอด สองแสน ทอง 5 บาท ก็เก็บหมดไม่คืนสักบาทเดียว
เค้าจัดงานใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน ได้หน้าได้ตาไปหลายปี เพราะไม่มีใครจัดใหญ่ขนาดนี้ได้อีกเลย
ฯลฯ
คือตั้งแต่ผมคบกับแฟนมา จนแต่งงาน ผมต้องวิ่งหาเงินให้ครอบครัวเธอ 6 ปีนี่จะเป็นล้านบาทแล้วครับ ตอนนี้เงินเก็บผมไม่มีเลย
เงินเดือนออกมาก็ต้องจ่ายใช้หนี้หมด เหลือแค่พอกินประจำเดือนเท่านั้น
พอหาเงินไม่พอ หรือ ไม่ได้ ก็ด่าผม ทะเลาะกับผมประจำ เธอรักครอบครัวพ่อแม่เธอมาก แต่เธอไม่ได้รักผมเหมือนก่อนแล้ว เธออยู่กับผมแค่ให้ผมเป็นเครื่องหาเงิน และ คอยซัพพอร์ท ครอบครัวเธอเวลามีปัญหา
จนถึงทุกวันนี้เงินที่ผมกู้ให้ไปใช้หนี้ ผมยังต้องผ่อนกับธนาคารไม่หมดเลย
หนี้เป็นชื่อผม ไม่ใช่ชื่อเธอ
แม่ผมแท้ๆ ผมยังแทบไม่เคยส่งเงินให้เลย ได้แค่ช่วยค่าข้าวสารกะปิน้ำปลาให้ เดือนนึงๆไม่ถึงพันบาทด้วยซ้ำ
เพราะเงินที่ผมหามาทั้งหมดต้องไปช่วยพ่อแม่แฟนหมด
แต่แม่ผมก็ไม่เรียกร้องอะไร เหมือนจะเข้าใจสถานะผมตอนนี้
ผมเลิกงานทำโอทีกลับมา สี่ทุ่ม ห้าทุ่ม แทบทุกวัน กลับเร็วสุดก็สามทุ่ม เข้างานแต่ 8 โมงเช้า
ไม่มีข้าวกิน ต้องต้มมาม่ากิน หรือ ไม่ได้กินข้าวเย็นเลย หรือ เป็นกับข้าวเหลือเมื่อวานมาอุ่นกิน
เธอก็นอนดูทีวีตรงนั้นแหละ ไม่เคยถามสักคำว่าเหนื่อยหรือเปล่า เป็นไงบ้าง
ผมทำโอทีก็เพื่อหาเงินมาจ่ายให้พ่อแม่เธอนั่นแหละ เธอก็รู้
ถามว่าผมเหนื่อยไหม ? เบื่อไหม ? เครียดไหม ? ที่ผมเป็นอยู่
ถ้าผมเจอคนที่เค้าไม่เหมือนอีกคนเข้ามาในชีวิต ผมจะหวั่นไหวไหม ?
แค่นับย้อนเวลาที่เจอใหม่ๆเหมือนกัน ก็แตกต่างกันแล้ว
ถามว่าแบบนี้ผมควรทำยังไง ?