กระทู้นี้จะเป็นกระทู้สุดท้ายแล้วครับที่ผมจะเขียนวิจารณ์ตัวละครพร้อมกับการลาจอไปของซี่รี่ย์คาเมนไรเดอร์ไกมุ ซี่รี่ย์ไรเดอร์ที่มีเนื้อหาและการดำเนินเรื่องยอดเยี่ยมที่สุดในใจผมและอีกหลายคนตอนนี้ การได้เขียนเรื่องราวตัวละครที่มีมิติเหล่านี้ในซี่รี่ย์ที่ดีที่สุดถือเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดแล้ว ขอขอบคุณทุกท่านโดยเฉพาะคนที่ติดตามอ่านมาจนถึงตอนนี้ ถ้ามีโอกาสผมอาจกลับมาเขียนในซีรี่ย์ต่อไปอย่างคาเมนไรเดอร์ไดร์ฟ แต่ตอนนี้ผมขอลาไปก่อน ไว้เจอกันใหม่คราวหน้าครับ
ปล. นี่เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆเช่นเคย อาจมีเนื้อหาขัดใจบ้าง ขอได้โปรดเข้าใจกัน
(อ่านบทความของตัวละครคนอื่นได้ที่ลิ้งค์ด้านล่าง)
“คาสึราบะ โคตะ” หรืออีกชื่อในนาม “คาเมนไรเดอร์ไกมุ” อดีตนักเต้นมือหนึ่งของทีมไกมุ ที่ต้องออกจากทีมไปหางานทำเพื่อแบ่งเบาภาระของพี่สาว เป็นคนจิตใจดี กล้าหาญและโลกสวยสุดๆ ได้พบ "เซนโกคุไดรเวอร์" ของยูยะหัวหน้าทีมไกมุที่หล่นอยู่ป่าเฮลเฮมโดยบังเอิญพร้อมกับถูก ”อินเวส” สัตว์ประหลาดเข้าทำร้าย ทำให้จำเป็นต้องแปลงร่างกลายเป็น “คาเมนไรเดอร์ไกมุ” เพื่อต่อสู้กับเหล่าร้าย (มุกคุ้นๆ) จากนั้นก็ได้ใช้พลังนั้นปกป้องผู้คนและต่อสู้เพื่อเอาชนะหายนะครั้งใหญ่ซึ่งจะมาคุกคามโลก
.......จริงๆแล้ว การที่ผมมาวิเคราะห์เจาะลึกโคตะเป็นคนสุดท้าย ไม่ใช่เหตุผลที่ว่าเพราะเขาเป็นพระเอกจึงต้องวิเคราะห์เขาเป็นคนสุดท้ายอะไรแบบนี้หรอกนะ แต่เพราะว่าเขาเป็นตัวละครที่เบาบางและจับต้องได้ยากในโลกของความเป็นจริง !
คนที่มีความทะเยอทะยานอันมากล้นแบบไคโตะ คนที่ถูกสภาพแวดล้อมกดดันจนเปลี่ยนเป็นร้ายแบบมิจจี้ หรือ คนที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ของตัวเองมากเกินไปจนถูกหลอกใช้แบบทะกะโทระ ล้วนเป็นตัวละครที่จับต้องได้และมีตัวตนอยู่จริงในสังคมเราทุกวันนี้ แต่คนที่ยึดมั่นในความดีของมนุษย์ ไม่ว่าเจอสถานการณ์แบบไหนก็ไม่มีทางเชื่อว่าคนเราจะฆ่ากันเอง มองแต่ด้านดีอันสวยหรู หรือเรียกง่ายๆว่า “โลกสวย” สุดๆแบบโคตะ มันหาได้ยากหรือหาไม่ได้เลยในโลกของความเป็นจริง การที่ตัวละครแบบเขากลับมีบทบาทเป็นถึงพระเอกในซี่รี่ย์ที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแบบนี้ ก็เพราะตัวละครเช่นเขามันสามารถถ่ายทอดเรื่องราวคุณธรรมของฮีโร่ให้แก่เด็กๆได้ง่ายที่สุดนั้นเอง และตัวละครเช่นเขาก็หาได้ดาษดื่นในหนังฮีโร่ ไม่เว้นแม้แต่หนังไรเดอร์ที่มีพระเอกแนวเขาไม่รู้กี่คนต่อกี่คนแล้ว (ซึ่งผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าบทวิเคราะห์ของผมมันไปซ้ำกับพระเอกไรเดอร์คนไหนรึเปล่า?)
การพยายามไขว่คว้าหาพลังเพื่อปกป้องคนสำคัญพร้อมเจอด่านทดสอบที่หนักหน่วงเป็นอุปสรรคขวางทางอยู่ข้างหน้า แต่ก็ไม่ย่อท้อและเดินต่อไปข้างหน้าทำลายอุปสรรคทุกอย่าง จนสุดท้ายก็ได้รับพลังใหม่มา มันเป็นเหมือน ”สูตรตายตัว” ที่พระเอกไรเดอร์แนวเขาทุกคนต้องเผชิญ และเพราะเขาเป็นพระเอกแนวนี้มันทำให้ตัวละครเช่นเขาใส่เป้าหมายอย่างอื่นนอกจากปกป้องโลกได้ยาก เพราะเขาจะนึกถึงคนอื่นก่อนคัวเองเสมอ นึกถึงภาระหน้าที่ที่ทำให้คนอื่นมีความสุขไว้ก่อน ดังนั้นตลอดซี่รี่ย์เราจะเห็นโคตะคิดแต่เรื่องปกป้องโลกเพียงอย่างเดียว แต่จะขาดเป้าหมายของตัวเองที่จะทำต่อจากนั้น เหมือนกับเด็กที่หาแนวทางชีวิตของตัวเองไม่เจอ ซึ่งในซีรี่ย์โคตะมักจะโดนทั้งไคโตะและมินาโตะพูดสั่งสอนเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ
แต่ในทางตรงกันข้ามตัวละครแบบโคตะก็ขาดไม่ได้ในซี่รี่ย์ฮีโร่ ยิ่งเป็นซี่รี่ย์มืดมนแบบไกมุด้วยแล้วยิ่งขาดไม่ได้เข้าไปใหญ่ เพราะเขาเปรียบเสมือนตัวแปรด้านบวกที่ต้องคอยแบกรับตัวแปรด้านลบที่มีอยู่มากมายในเรื่องและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นดี เปลี่ยนความหนักหน่วงสิ้นหวังให้กลายเป็นความหวัง เปลี่ยนร้ายให้เป็นดี ดังนั้นบทของเขาจึงสิ้นหวังไม่ได้ ต่อให้สิ้นหวังก็ต้องฟื้นตัวให้เร็วที่สุด (เหมือนในกรณีของยูยะ) แม้แต่หยุดพักผ่อนก็ทำไม่ได้เป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นความปวดตับสุดๆแบบตอนที่ 43 ก็จะเกิดขึ้นทันที
แต่ก็ไม่ใช่ว่าคาแรกเตอร์เช่นเขาจะจับต้องไม่ได้เลย ยังไงซะเขาก็ยังเป็นแค่คนธรรมดาๆคนนึง ที่ต้องมีกิเลสเล็กๆน้อยๆสักอย่างสองอย่างเข้ามาพัวพันบ้าง อย่างช่วงที่เขาได้รับเข็มขัดแปลงร่างใหม่ๆ เขาตื่นเต้นในพลังของเข็มขัดมาก ถึงกับคิดซนๆเก๊กท่าแปลงร่างซ้ำไปซ้ำมาเหมือนเด็กๆ, ใช้พลังของเข็มขัดในการทำงานพิเศษ หรือการอาศัยเข็มขัดมาใช้ประโยชน์ในการหาเงินจากอินเวสเกม มันเป็นธรรมชาติของคนวัยเช่นเขาที่เวลามีสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอเข้ามา เขาก็ใช้สิ่งนั้นมาเล่นสนุกๆเพื่อสนองกิเลสเล็กๆของตัวเองราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งผู้เขียนบทร้อยเรียงเรื่องราวช่วงนี้ได้ดีและถือเป็นเรื่องราวไม่กี่อย่างที่เราสามารถจับต้องได้ในตัวละครที่ชื่อโคตะ
หรือกรณีโลกสวยเกินเหตุ ทางซี่รี่ย์เองก็ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาโดยเน้นความเป็นจริงที่สุด ซึ่งโดยปกติในการ์ตูนหรือหนังฮีโร่ภาคเช้า พระเอกแนวโลกสวยมักเป็นศูนย์รวมของตัวละครฝ่ายธรรมะ จะคอยเป็นตัวขับเคลื่อนและเป็นตัวตัดสินใจครั้งสำคัญให้กับทีม เรียกว่าเป็นหัวหน้าทีมคนนึงเลยก็ว่าได้ แต่นั้นไม่ใช่กับซี่รีย์ไกมุ ลักษณะของคนแนวโลกสวยที่ไร้ซึ่งเป้าหมายไม่ใช่ลักษณะของคนเป็นผู้นำ ยามที่ถูกกระทำอย่างโหดร้ายแต่ก็ยังมองโลกในแง่ดี มันเป็นลักษณะที่แสดงออกถึงความโง่เขลา คนประเภทนั้นจึงคุมคนหรือเป็นศูนย์กลางให้กับทีมไม่ได้ เห็นได้ชัดในช่วงรวมพลอาร์เมอร์ไรเดอร์ เหล่าไรเดอร์และสมาชิกคนอื่นในทีมส่วนมากมักเห็นตามไคโตะมากกว่าที่จะเป็นโคตะ เวลาที่ไคโตะคิดหรือทำอะไรสมาชิกทุกคนมักจะเห็นพ้องและเคารพการตัดสินใจนั้นของไคโตะ แม้โคตะจะเป็นคนพูดเปิดประเด็นก่อนแต่คนที่ตัดสินใจและสร้างความมั่นใจให้กับทีมมักจะเป็นไคโตะเสมอ นั้นเพราะไคโตะมีเป้าหมายที่จับต้องได้มากกว่า
และทางซี่รี่ย์เองก็ถ่ายทอดความเป็นจริงให้เห็นอีกว่าคนโลกสวยเช่นโคตะ มักเป็นเหยื่อให้คนฉลาดและอาศัยนิสัยนี้คอยแทงเขาจากด้านหลัง เห็นชัดๆเลย ก็คือ “มิจจี้” ที่อาศัยการมองโลกในแง่ดีของโคตะปลอมเป็นพี่ชายและลอบทำร้ายเขาหลายครั้ง ซึ่งสุดท้ายแม้แต่ตัวโคตะเองก็เริ่มรู้สึกตัวว่าความคิดที่ดื้อรั้นแบบเด็กๆของตัวเอง ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาอะไรได้ เขาจำเป็นต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่และเผชิญหน้ากับความจริง แม้ว่าความจริงข้างหน้ามันจะโหดร้ายหรือเจ็บป่วยยังไงก็ตาม ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเด็ดเดี่ยวที่จะต่อสู้กับไคโตะในศึกสุดท้าย และฆ่าไคโตะทั้งน้ำตา
ซึ่งบทสรุปของเขาจากเด็กหนุ่มที่บังเอิญสวมเข็มขัดแปลงร่างเป็นไรเดอร์กลายเป็นราชาของโลกใหม่เช่นนี้ ตัวแปรที่สำคัญก็คือ “
ดีเจซาการะ” ...ซึ่งมีหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าดีเจซาการะทำไมถึงได้ช่วยเหลือโคตะมากมายถึงขนาดนั้น? ซึ่งจากที่แฟนๆตอบกันมา ผมขอเลือกประเด็นที่เป็นไปได้มากที่สุด
ขอเกริ่นสักเล็กน้อยเกี่ยวกับดีเจซาการะ
ดีเจซาการะ คือ สมาชิกคนหนึ่งของอิกดราซิลที่คอยเป็นกระบอกเสียงในแผนการแจกจ่ายล็อกซี๊ดและเซนโกคุไดร์ฟเวอร์แก่ประชาชนคนธรรมดา โดยใช้วาทะและอารมณ์สนุกสนานในฐานะดีเจ จัดรายการชวนเชื่อเพื่อให้ไม่มีใครสงสัยในแผนการของอิกดราซิลที่ใช้คนเป็นหนูทดลอง ซึ่งเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในแผนโปรเจคอาร์คใดๆทั้งสิ้น เพราะฐานะของเขาในอิกดราซิลเป็นเพียงแค่พนักงานธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่ว่าตัวตนที่แท้จริงของเขากลับเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องเลยทีเดียว ตัวจริงของดีเจซาการะก็คือ ร่างทรงของ ”ป่าเฮลเฮม” ผู้ทำหน้าที่มอบโอกาสในการวิวัฒนาการให้กับเผ่าพันธุ์ที่ป่าเฮลเฮมมาเยือนสู่สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งโลกคือเป้าหมายรายล่าสุดของเขา
คำถามที่ทำไมดีเจซาการะถึงช่วยโคตะ คำตอบที่เป็นไปได้มากสุด ก็คือ โคตะเป็นตัวเต็งหมายเลขหนึ่งที่จะชนะในศึกชิงผลไม้ทองคำนี้ หรือก็คือมีชะตาต้องเป็นราชาแห่งการกำเนิดใหม่อยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเขามีฐานะคล้ายกับอดัมในคัมภีร์ไบเบิ้ลที่หลงในคำยั่วยุของงูซึ่งเป็นซาตานจำแลงมา ไปกินแอปเปิ้ลซึ่งเป็นผลไม้ต้องห้ามแห่งสวนอีเดนจนถูกขับจากสวรรค์ ซึ่งบทบาทของดีเจซาการะได้รับต้นแบบมากจากงูในคัมภีร์ไบเบิ้ลนี่เอง เขาคอยช่วยเหลือโคตะและพูดหว่านล้อมให้โคตะเลือกทาง2ทางที่กำหนดชะตาชีวิตของเขา ซึ่งส่วนมากดีเจจะยุยง (...หรือพูดง่ายๆว่าหลอก)ให้โคตะเลือกในทางที่ดีเจต้องการจนสุดท้ายโคตะก็ต้องกลายเป็นโอเวอร์ลอร์ดแบบไม่ได้ตั้งใจ และกลายเป็นราชาในตอนสุดท้าย
ซึ่งสาเหตุที่โคตะได้เป็นตัวเต็งราชาก็เพราะ “ไม” หญิงสาวที่ได้พลังของผลไม้ทองคำกลายเป็นราชินีแห่งการถือกำเนิดคนใหม่ได้ใช้พลังย้อนอดีตกลับไปเตือนโคตะ ไคโตะ และมิจจี้ ถึงชะตาชีวิตของพวกเขาในอนาคต มันเหมือนกับเป็น Butterfly Effect ที่ทำให้ทั้ง โคตะ ไคโตะ หรือแม้แต่ มิจจี้ กลายเป็นผู้มีสิทธิเป็นเป็นราชาคนใหม่ ซึ่งมันเป็นประโยชน์ต่อดีเจซาการะอย่างมาก เพราะเขาไม่จำเป็นต้องหาราชาเองให้ยุ่งยาก และตัวเต็งที่จะได้เป็นราชาก็คือโคตะ ซึ่งดีเจที่มีพลังในการไปยังอนาคตก็รู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นจึงได้ทำการสนับสนุนโคตะทุกอย่าง
แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่าดีเจคงไม่อยากช่วยโคตะนัก เพราะไม่ว่าจะมีมรสุมที่เจ็บปวดแค่ไหน โคตะก็จะไม่มีทางละทิ้งมนุษย์และปล่อยให้มนุษย์ต้องมาเผชิญชะตาอันโหดร้ายเช่นเขา ซึ่งหลักการของโคตะผิดกับเป้าหมายของดีเจซาการะที่ต้องการมอบความพินาศและการกำเนิดใหม่ให้กับโลกที่เขามาเยือน เห็นได้ชัดว่าดีเจซาการะไม่สามารถเลือกผู้ชนะได้ด้วยตนเอง (ถ้าเลือกได้เขาน่าจะเลือกจะช่วยไคโตะมากกว่า) นั้นหมายความว่า ชะตาของโลกจะอยู่หรือพินาศขึ้นอยู่กับคนที่จะมาเป็นราชา และโลกของเราก็โชคดีที่ราชาคนใหม่ก็คือ “โคตะ” โดยเขาเลือกที่ให้มนุษย์ดำรงชีวิตเช่นเดิมต่อไป ขณะที่ตัวเองได้เคลื่อนย้ายป่าและอินเวสไปยังดาวที่ห่างไกลและเลือกใช้ชีวิตอยู่ที่นั้นพร้อมกับ ”ไม” ผู้เป็นเหมือนอีฟของโลกใหม่เคียงคู่อดัมเช่นเขา ละทิ้งสรวงสวรรค์สีฟ้าไปสู่ดาวแห้งแล้งอันมืดมิดเพื่อสร้างอนาคตด้วยตัวพวกเขาเอง
นับเป็นซี่รี่ย์เรื่องที่ 3 แล้วที่ผลกระทบจากร่างสุดยอดได้แปรสภาพพระเอกผู้สวมใส่ให้กลายเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์ และถือเป็นเรื่องที่ 2 ต่อจากคาเมนไรเดอร์เบลดที่พระเอกไม่สามารถกลับเป็นมนุษย์ได้ (ไม่นับรวมโอสที่กลับเป็นมนุษย์ในตอนจบ) ซึ่งเหตุผลของทั้งสองซี่รี่ย์ต่างมีจุดร่วมที่เหมือนกัน คือ “การเสียสละ” เพื่อปกป้องโลกและบุคคลอันเป็นที่รัก โดยแลกด้วยทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่วิถีความเป็นมนุษย์ของตัวเอง ซึ่งทั้งสองซี่รี่ย์ถือว่าเล่าเรื่องบรรยายบทสรุปของพระเอกได้ดีทั้งคู่ ทั้งความประทับใจ ความเศร้าโศก สายสัมพันธ์ และอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครต่อการตัดสินใจที่ยากลำบากที่ต้องสละตัวเองเพื่อส่วนรวม
และนับเป็นบทสรุปที่ถือว่าลงตัวที่สุดของโคตะ ซึ่งสิ่งที่เขาจะทำต่อจากนี้คือการสร้างสรวงสวรรค์แห่งใหม่ที่สวยงามไม่แพ้โลก สร้างอนาคตและความหวังใหม่ที่เขาจะเป็นคนกำหนดเองเคียงคู่กับ “ไม” หญิงสาวที่มีชะตาร่วมกับเขา เหมือนดั่งอดัมกับอีฟในคัมภีร์ไบเบิ้ลที่สร้างสรรค์โลกใบนี้ให้สวยงามไม่แพ้สวรรค์ที่พวกเขาจากมา
บทความอื่น
เจาะลึก “คุมง ไคโตะ (ไรเดอร์บารอน)” ใครล่ะ? ที่ต้องการพลังได้มากเท่าเขา
http://ppantip.com/topic/32607941
สนทนาถึง "มิจจี้" (ไรเดอร์ริวเก็น) ตัวละครโปรดของจอมมาร
http://ppantip.com/topic/32359670
สนทนาถึง “มิจจี้” บทที่ 2 เจาะลึกเรื่องราวของเด็กหนุ่มผู้หลงเดินทางสู่ด้านมืด
http://ppantip.com/topic/32584202
สนทนาเจาะลึก “ทากะโทระ” (ไรเดอร์ซันเก็ตสึ) ไรเดอร์เกราะขาวผู้น่าสงสาร
http://ppantip.com/topic/32498160
(Spoil Kamen Rider Gaim) สนทนาเจาะลึก “คาสึราบะ โคตะ” (ไรเดอร์ไกมุ) ไรเดอร์ผู้เสียสละ ผู้ก้าวสู่การเป็นราชาของโลกใหม่
ปล. นี่เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆเช่นเคย อาจมีเนื้อหาขัดใจบ้าง ขอได้โปรดเข้าใจกัน (อ่านบทความของตัวละครคนอื่นได้ที่ลิ้งค์ด้านล่าง)
“คาสึราบะ โคตะ” หรืออีกชื่อในนาม “คาเมนไรเดอร์ไกมุ” อดีตนักเต้นมือหนึ่งของทีมไกมุ ที่ต้องออกจากทีมไปหางานทำเพื่อแบ่งเบาภาระของพี่สาว เป็นคนจิตใจดี กล้าหาญและโลกสวยสุดๆ ได้พบ "เซนโกคุไดรเวอร์" ของยูยะหัวหน้าทีมไกมุที่หล่นอยู่ป่าเฮลเฮมโดยบังเอิญพร้อมกับถูก ”อินเวส” สัตว์ประหลาดเข้าทำร้าย ทำให้จำเป็นต้องแปลงร่างกลายเป็น “คาเมนไรเดอร์ไกมุ” เพื่อต่อสู้กับเหล่าร้าย (มุกคุ้นๆ) จากนั้นก็ได้ใช้พลังนั้นปกป้องผู้คนและต่อสู้เพื่อเอาชนะหายนะครั้งใหญ่ซึ่งจะมาคุกคามโลก
.......จริงๆแล้ว การที่ผมมาวิเคราะห์เจาะลึกโคตะเป็นคนสุดท้าย ไม่ใช่เหตุผลที่ว่าเพราะเขาเป็นพระเอกจึงต้องวิเคราะห์เขาเป็นคนสุดท้ายอะไรแบบนี้หรอกนะ แต่เพราะว่าเขาเป็นตัวละครที่เบาบางและจับต้องได้ยากในโลกของความเป็นจริง !
คนที่มีความทะเยอทะยานอันมากล้นแบบไคโตะ คนที่ถูกสภาพแวดล้อมกดดันจนเปลี่ยนเป็นร้ายแบบมิจจี้ หรือ คนที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ของตัวเองมากเกินไปจนถูกหลอกใช้แบบทะกะโทระ ล้วนเป็นตัวละครที่จับต้องได้และมีตัวตนอยู่จริงในสังคมเราทุกวันนี้ แต่คนที่ยึดมั่นในความดีของมนุษย์ ไม่ว่าเจอสถานการณ์แบบไหนก็ไม่มีทางเชื่อว่าคนเราจะฆ่ากันเอง มองแต่ด้านดีอันสวยหรู หรือเรียกง่ายๆว่า “โลกสวย” สุดๆแบบโคตะ มันหาได้ยากหรือหาไม่ได้เลยในโลกของความเป็นจริง การที่ตัวละครแบบเขากลับมีบทบาทเป็นถึงพระเอกในซี่รี่ย์ที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแบบนี้ ก็เพราะตัวละครเช่นเขามันสามารถถ่ายทอดเรื่องราวคุณธรรมของฮีโร่ให้แก่เด็กๆได้ง่ายที่สุดนั้นเอง และตัวละครเช่นเขาก็หาได้ดาษดื่นในหนังฮีโร่ ไม่เว้นแม้แต่หนังไรเดอร์ที่มีพระเอกแนวเขาไม่รู้กี่คนต่อกี่คนแล้ว (ซึ่งผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าบทวิเคราะห์ของผมมันไปซ้ำกับพระเอกไรเดอร์คนไหนรึเปล่า?)
การพยายามไขว่คว้าหาพลังเพื่อปกป้องคนสำคัญพร้อมเจอด่านทดสอบที่หนักหน่วงเป็นอุปสรรคขวางทางอยู่ข้างหน้า แต่ก็ไม่ย่อท้อและเดินต่อไปข้างหน้าทำลายอุปสรรคทุกอย่าง จนสุดท้ายก็ได้รับพลังใหม่มา มันเป็นเหมือน ”สูตรตายตัว” ที่พระเอกไรเดอร์แนวเขาทุกคนต้องเผชิญ และเพราะเขาเป็นพระเอกแนวนี้มันทำให้ตัวละครเช่นเขาใส่เป้าหมายอย่างอื่นนอกจากปกป้องโลกได้ยาก เพราะเขาจะนึกถึงคนอื่นก่อนคัวเองเสมอ นึกถึงภาระหน้าที่ที่ทำให้คนอื่นมีความสุขไว้ก่อน ดังนั้นตลอดซี่รี่ย์เราจะเห็นโคตะคิดแต่เรื่องปกป้องโลกเพียงอย่างเดียว แต่จะขาดเป้าหมายของตัวเองที่จะทำต่อจากนั้น เหมือนกับเด็กที่หาแนวทางชีวิตของตัวเองไม่เจอ ซึ่งในซีรี่ย์โคตะมักจะโดนทั้งไคโตะและมินาโตะพูดสั่งสอนเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ
แต่ในทางตรงกันข้ามตัวละครแบบโคตะก็ขาดไม่ได้ในซี่รี่ย์ฮีโร่ ยิ่งเป็นซี่รี่ย์มืดมนแบบไกมุด้วยแล้วยิ่งขาดไม่ได้เข้าไปใหญ่ เพราะเขาเปรียบเสมือนตัวแปรด้านบวกที่ต้องคอยแบกรับตัวแปรด้านลบที่มีอยู่มากมายในเรื่องและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นดี เปลี่ยนความหนักหน่วงสิ้นหวังให้กลายเป็นความหวัง เปลี่ยนร้ายให้เป็นดี ดังนั้นบทของเขาจึงสิ้นหวังไม่ได้ ต่อให้สิ้นหวังก็ต้องฟื้นตัวให้เร็วที่สุด (เหมือนในกรณีของยูยะ) แม้แต่หยุดพักผ่อนก็ทำไม่ได้เป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นความปวดตับสุดๆแบบตอนที่ 43 ก็จะเกิดขึ้นทันที
แต่ก็ไม่ใช่ว่าคาแรกเตอร์เช่นเขาจะจับต้องไม่ได้เลย ยังไงซะเขาก็ยังเป็นแค่คนธรรมดาๆคนนึง ที่ต้องมีกิเลสเล็กๆน้อยๆสักอย่างสองอย่างเข้ามาพัวพันบ้าง อย่างช่วงที่เขาได้รับเข็มขัดแปลงร่างใหม่ๆ เขาตื่นเต้นในพลังของเข็มขัดมาก ถึงกับคิดซนๆเก๊กท่าแปลงร่างซ้ำไปซ้ำมาเหมือนเด็กๆ, ใช้พลังของเข็มขัดในการทำงานพิเศษ หรือการอาศัยเข็มขัดมาใช้ประโยชน์ในการหาเงินจากอินเวสเกม มันเป็นธรรมชาติของคนวัยเช่นเขาที่เวลามีสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอเข้ามา เขาก็ใช้สิ่งนั้นมาเล่นสนุกๆเพื่อสนองกิเลสเล็กๆของตัวเองราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งผู้เขียนบทร้อยเรียงเรื่องราวช่วงนี้ได้ดีและถือเป็นเรื่องราวไม่กี่อย่างที่เราสามารถจับต้องได้ในตัวละครที่ชื่อโคตะ
หรือกรณีโลกสวยเกินเหตุ ทางซี่รี่ย์เองก็ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาโดยเน้นความเป็นจริงที่สุด ซึ่งโดยปกติในการ์ตูนหรือหนังฮีโร่ภาคเช้า พระเอกแนวโลกสวยมักเป็นศูนย์รวมของตัวละครฝ่ายธรรมะ จะคอยเป็นตัวขับเคลื่อนและเป็นตัวตัดสินใจครั้งสำคัญให้กับทีม เรียกว่าเป็นหัวหน้าทีมคนนึงเลยก็ว่าได้ แต่นั้นไม่ใช่กับซี่รีย์ไกมุ ลักษณะของคนแนวโลกสวยที่ไร้ซึ่งเป้าหมายไม่ใช่ลักษณะของคนเป็นผู้นำ ยามที่ถูกกระทำอย่างโหดร้ายแต่ก็ยังมองโลกในแง่ดี มันเป็นลักษณะที่แสดงออกถึงความโง่เขลา คนประเภทนั้นจึงคุมคนหรือเป็นศูนย์กลางให้กับทีมไม่ได้ เห็นได้ชัดในช่วงรวมพลอาร์เมอร์ไรเดอร์ เหล่าไรเดอร์และสมาชิกคนอื่นในทีมส่วนมากมักเห็นตามไคโตะมากกว่าที่จะเป็นโคตะ เวลาที่ไคโตะคิดหรือทำอะไรสมาชิกทุกคนมักจะเห็นพ้องและเคารพการตัดสินใจนั้นของไคโตะ แม้โคตะจะเป็นคนพูดเปิดประเด็นก่อนแต่คนที่ตัดสินใจและสร้างความมั่นใจให้กับทีมมักจะเป็นไคโตะเสมอ นั้นเพราะไคโตะมีเป้าหมายที่จับต้องได้มากกว่า
และทางซี่รี่ย์เองก็ถ่ายทอดความเป็นจริงให้เห็นอีกว่าคนโลกสวยเช่นโคตะ มักเป็นเหยื่อให้คนฉลาดและอาศัยนิสัยนี้คอยแทงเขาจากด้านหลัง เห็นชัดๆเลย ก็คือ “มิจจี้” ที่อาศัยการมองโลกในแง่ดีของโคตะปลอมเป็นพี่ชายและลอบทำร้ายเขาหลายครั้ง ซึ่งสุดท้ายแม้แต่ตัวโคตะเองก็เริ่มรู้สึกตัวว่าความคิดที่ดื้อรั้นแบบเด็กๆของตัวเอง ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาอะไรได้ เขาจำเป็นต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่และเผชิญหน้ากับความจริง แม้ว่าความจริงข้างหน้ามันจะโหดร้ายหรือเจ็บป่วยยังไงก็ตาม ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเด็ดเดี่ยวที่จะต่อสู้กับไคโตะในศึกสุดท้าย และฆ่าไคโตะทั้งน้ำตา
ซึ่งบทสรุปของเขาจากเด็กหนุ่มที่บังเอิญสวมเข็มขัดแปลงร่างเป็นไรเดอร์กลายเป็นราชาของโลกใหม่เช่นนี้ ตัวแปรที่สำคัญก็คือ “ดีเจซาการะ” ...ซึ่งมีหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าดีเจซาการะทำไมถึงได้ช่วยเหลือโคตะมากมายถึงขนาดนั้น? ซึ่งจากที่แฟนๆตอบกันมา ผมขอเลือกประเด็นที่เป็นไปได้มากที่สุด
ขอเกริ่นสักเล็กน้อยเกี่ยวกับดีเจซาการะ
ดีเจซาการะ คือ สมาชิกคนหนึ่งของอิกดราซิลที่คอยเป็นกระบอกเสียงในแผนการแจกจ่ายล็อกซี๊ดและเซนโกคุไดร์ฟเวอร์แก่ประชาชนคนธรรมดา โดยใช้วาทะและอารมณ์สนุกสนานในฐานะดีเจ จัดรายการชวนเชื่อเพื่อให้ไม่มีใครสงสัยในแผนการของอิกดราซิลที่ใช้คนเป็นหนูทดลอง ซึ่งเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในแผนโปรเจคอาร์คใดๆทั้งสิ้น เพราะฐานะของเขาในอิกดราซิลเป็นเพียงแค่พนักงานธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่ว่าตัวตนที่แท้จริงของเขากลับเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องเลยทีเดียว ตัวจริงของดีเจซาการะก็คือ ร่างทรงของ ”ป่าเฮลเฮม” ผู้ทำหน้าที่มอบโอกาสในการวิวัฒนาการให้กับเผ่าพันธุ์ที่ป่าเฮลเฮมมาเยือนสู่สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งโลกคือเป้าหมายรายล่าสุดของเขา
คำถามที่ทำไมดีเจซาการะถึงช่วยโคตะ คำตอบที่เป็นไปได้มากสุด ก็คือ โคตะเป็นตัวเต็งหมายเลขหนึ่งที่จะชนะในศึกชิงผลไม้ทองคำนี้ หรือก็คือมีชะตาต้องเป็นราชาแห่งการกำเนิดใหม่อยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเขามีฐานะคล้ายกับอดัมในคัมภีร์ไบเบิ้ลที่หลงในคำยั่วยุของงูซึ่งเป็นซาตานจำแลงมา ไปกินแอปเปิ้ลซึ่งเป็นผลไม้ต้องห้ามแห่งสวนอีเดนจนถูกขับจากสวรรค์ ซึ่งบทบาทของดีเจซาการะได้รับต้นแบบมากจากงูในคัมภีร์ไบเบิ้ลนี่เอง เขาคอยช่วยเหลือโคตะและพูดหว่านล้อมให้โคตะเลือกทาง2ทางที่กำหนดชะตาชีวิตของเขา ซึ่งส่วนมากดีเจจะยุยง (...หรือพูดง่ายๆว่าหลอก)ให้โคตะเลือกในทางที่ดีเจต้องการจนสุดท้ายโคตะก็ต้องกลายเป็นโอเวอร์ลอร์ดแบบไม่ได้ตั้งใจ และกลายเป็นราชาในตอนสุดท้าย
ซึ่งสาเหตุที่โคตะได้เป็นตัวเต็งราชาก็เพราะ “ไม” หญิงสาวที่ได้พลังของผลไม้ทองคำกลายเป็นราชินีแห่งการถือกำเนิดคนใหม่ได้ใช้พลังย้อนอดีตกลับไปเตือนโคตะ ไคโตะ และมิจจี้ ถึงชะตาชีวิตของพวกเขาในอนาคต มันเหมือนกับเป็น Butterfly Effect ที่ทำให้ทั้ง โคตะ ไคโตะ หรือแม้แต่ มิจจี้ กลายเป็นผู้มีสิทธิเป็นเป็นราชาคนใหม่ ซึ่งมันเป็นประโยชน์ต่อดีเจซาการะอย่างมาก เพราะเขาไม่จำเป็นต้องหาราชาเองให้ยุ่งยาก และตัวเต็งที่จะได้เป็นราชาก็คือโคตะ ซึ่งดีเจที่มีพลังในการไปยังอนาคตก็รู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นจึงได้ทำการสนับสนุนโคตะทุกอย่าง
แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่าดีเจคงไม่อยากช่วยโคตะนัก เพราะไม่ว่าจะมีมรสุมที่เจ็บปวดแค่ไหน โคตะก็จะไม่มีทางละทิ้งมนุษย์และปล่อยให้มนุษย์ต้องมาเผชิญชะตาอันโหดร้ายเช่นเขา ซึ่งหลักการของโคตะผิดกับเป้าหมายของดีเจซาการะที่ต้องการมอบความพินาศและการกำเนิดใหม่ให้กับโลกที่เขามาเยือน เห็นได้ชัดว่าดีเจซาการะไม่สามารถเลือกผู้ชนะได้ด้วยตนเอง (ถ้าเลือกได้เขาน่าจะเลือกจะช่วยไคโตะมากกว่า) นั้นหมายความว่า ชะตาของโลกจะอยู่หรือพินาศขึ้นอยู่กับคนที่จะมาเป็นราชา และโลกของเราก็โชคดีที่ราชาคนใหม่ก็คือ “โคตะ” โดยเขาเลือกที่ให้มนุษย์ดำรงชีวิตเช่นเดิมต่อไป ขณะที่ตัวเองได้เคลื่อนย้ายป่าและอินเวสไปยังดาวที่ห่างไกลและเลือกใช้ชีวิตอยู่ที่นั้นพร้อมกับ ”ไม” ผู้เป็นเหมือนอีฟของโลกใหม่เคียงคู่อดัมเช่นเขา ละทิ้งสรวงสวรรค์สีฟ้าไปสู่ดาวแห้งแล้งอันมืดมิดเพื่อสร้างอนาคตด้วยตัวพวกเขาเอง
นับเป็นซี่รี่ย์เรื่องที่ 3 แล้วที่ผลกระทบจากร่างสุดยอดได้แปรสภาพพระเอกผู้สวมใส่ให้กลายเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์ และถือเป็นเรื่องที่ 2 ต่อจากคาเมนไรเดอร์เบลดที่พระเอกไม่สามารถกลับเป็นมนุษย์ได้ (ไม่นับรวมโอสที่กลับเป็นมนุษย์ในตอนจบ) ซึ่งเหตุผลของทั้งสองซี่รี่ย์ต่างมีจุดร่วมที่เหมือนกัน คือ “การเสียสละ” เพื่อปกป้องโลกและบุคคลอันเป็นที่รัก โดยแลกด้วยทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่วิถีความเป็นมนุษย์ของตัวเอง ซึ่งทั้งสองซี่รี่ย์ถือว่าเล่าเรื่องบรรยายบทสรุปของพระเอกได้ดีทั้งคู่ ทั้งความประทับใจ ความเศร้าโศก สายสัมพันธ์ และอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครต่อการตัดสินใจที่ยากลำบากที่ต้องสละตัวเองเพื่อส่วนรวม
และนับเป็นบทสรุปที่ถือว่าลงตัวที่สุดของโคตะ ซึ่งสิ่งที่เขาจะทำต่อจากนี้คือการสร้างสรวงสวรรค์แห่งใหม่ที่สวยงามไม่แพ้โลก สร้างอนาคตและความหวังใหม่ที่เขาจะเป็นคนกำหนดเองเคียงคู่กับ “ไม” หญิงสาวที่มีชะตาร่วมกับเขา เหมือนดั่งอดัมกับอีฟในคัมภีร์ไบเบิ้ลที่สร้างสรรค์โลกใบนี้ให้สวยงามไม่แพ้สวรรค์ที่พวกเขาจากมา
บทความอื่น
เจาะลึก “คุมง ไคโตะ (ไรเดอร์บารอน)” ใครล่ะ? ที่ต้องการพลังได้มากเท่าเขา
http://ppantip.com/topic/32607941
สนทนาถึง "มิจจี้" (ไรเดอร์ริวเก็น) ตัวละครโปรดของจอมมาร
http://ppantip.com/topic/32359670
สนทนาถึง “มิจจี้” บทที่ 2 เจาะลึกเรื่องราวของเด็กหนุ่มผู้หลงเดินทางสู่ด้านมืด
http://ppantip.com/topic/32584202
สนทนาเจาะลึก “ทากะโทระ” (ไรเดอร์ซันเก็ตสึ) ไรเดอร์เกราะขาวผู้น่าสงสาร
http://ppantip.com/topic/32498160