สนทนาตอนจบ Rider Gaim ฉบับจอมมาร + เจาะลึก “คุมง ไคโตะ (ไรเดอร์บารอน)” ใครล่ะ? ที่ต้องการพลังได้มากเท่าเขา

ขอบอกก่อนว่าจริงๆ ไกมุยังเหลืออีก 1 ตอนถึงอวสาน แต่ซีรี่ย์ไกมุฉบับจอมมารได้จบลงแล้ว เพราะตอน46ที่พึ่งฉาย มันเป็นตอนสุดท้ายที่จอมมารเก็นเขียน ส่วนที่เหลือต่อจากนี้จะเป็นเหมือนการต่อยอดสู่เดอะมูฟวี่ภาคอื่นๆต่อไป เพราะต้องอย่าลืมว่าไรเดอร์ยุคนีโอเฮเซย์นั้นโลกของเหล่าไรเดอร์ทุกคนจะเชื่อมต่อกันเป็นโลกเดียว ดังนั้นพระเอกไกมุจะต้องมีอยู่ต่อไปเพื่อไปช่วยเหลือไรเดอร์รุ่นน้องที่มักเก่งกว่ารุ่นพี่ทุกปี (และรุ่นพี่ต้องกลายเป็นของเล่นให้รุ่นน้องใช้อัดปีศาจเล่นต่อไป) บทสรุปของศึกชิงผลไม้ทองคำก็มาถึงจุดจบในตอนที่ 46 นี่แล้ว

สปอยตอนจบฉบับจอมมาร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แต่ผมก็เชื่อเหลือเกินว่านี่คงจะเป็นซี่รี่ย์คาเมนไรเดอร์ที่ดีที่สุดในใจหลายๆคนเป็นแน่ (อย่างน้อยก็ผมคนนึง) และสิ่งที่ผมจะทำต่อจากนี้ให้เสร็จก็คือ การเขียนบทวิเคราะห์ของตัวละครหลักทั้ง4ให้ครบ ก่อนซี่รี่ย์ใหม่อย่างตาเมนไรเดอร์ไดร์ฟจะมา เพื่อบอกความรู้สึกว่าซี่รี่ย์นี้มันยอดเยี่ยมขนาดไหนผ่านทางตัวละครที่เต็มไปด้วยมิติเหล่านี้ ซึ่งรายต่อไปที่ผมจะมาวิเคราะห์ก็คือพระรองอย่างไคโตะนั้นเอง

ปล. นี่คือความเห็นส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


"คุมง ไคโตะ" หรืออีกชื่อ "คาเมนไรเดอร์บารอน" อดีตหัวหน้าที่ก่อตั้งทีมบารอนทีมเต้นอันดับหนึ่ง คู่แข่งคนสำคัญของทีมไกมุ ผันตัวเองมาเป็นอาเมอร์ไรเดอร์ทีมบารอน เพื่อสั่งสอนให้ทีมไกมุรู้ว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร ภายหลังได้ถอนตัวออกจากทีมกลายมาเป็นหนึ่งในสมาชิกของอิกดราซิล เพื่อสืบหาพลังลึกลับอันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าเฮลเฮม ซึ่งสุดท้ายได้ยอมละทิ้งความเป็นมนุษย์และพัฒนาตัวเองกลายเป็นโอเวอร์ลอร์ดเพื่อแย่งชิงผลไม้ทองคำ กลายเป็นบอสตัวสุดท้ายของซีรี่ย์นี้

ตัวละครที่ดำเนินวิถีชีวิตด้วยกฎเหล็กที่ว่า “ความแข็งแกร่งคือผู้อยู่รอด ใครอ่อนแอก็ต้องเป็นเหยื่อให้ผู้แข็งแกร่ง”

ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เขายึดติดในวิถีแบบนี้ เกิดมาจากความทรงจำอันเจ็บปวดในวัยเด็กของเขา อย่างที่คนดูรู้ไคโตะสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างไปจากการมาของ “อิกดราซิล” บริษัทขนาดใหญ่ที่เข้ามาคุมเมืองซาวาเมะและเปลี่ยนเมืองนี้ให้เจริญก้าวหน้าเป็นเมืองอันทรงอิทธิพลของประเทศ แต่ก็ต้องแลกด้วยการทำลายชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนจำนวนหนึ่ง และพ่อแม่ของไคโตะก็เป็นหนึ่งในคนจำนวนนั้น ไคโตะคิดว่าที่ครอบครัวเขาเป็นแบบนี้เพราะว่าพวกเขาอ่อนแอ ขณะที่อิกดราซิลนั้นแข็งแกร่ง ทำให้เขากลายเป็นคนที่เชื่อว่าการที่จะอยู่รอดในสังคมที่โหดร้าย จำต้องลับคมเขี้ยวเล็บของตัวเองให้แข็งแกร่งเพื่อใช้โค่นและอยู่เหนือผู้อื่น


.....แต่วิถีทางแห่งความแข็งแกร่งของเขานั้นกลับเต็มไปด้วยความยากลำบาก หยาดเหงื่อเคล้าน้ำตา และโชกโชนไปด้วยเลือด

ในตอน 1-11 ภาคบีทไรเดอร์ ที่จำลองการแข่งขันช่วงชิงความเป็นหนึ่งของทีมต่างๆ จะมีการดำเนินเรื่องคล้ายกับยุคเซนโกคุ  ไคโตะได้งัดกลยุทธ์ของผู้แข็งแกร่งโดยการแจกจ่ายล็อกซีด(หรือก็คือผลประโยชน์)ใช้ในการคุมทีมอื่นให้อยู่ในการควบคุมและคอยรับใช้เพื่อรักษาอันดับหนึ่งของตนเอง ซึ่งแน่นอนมันได้ผลดีในช่วงเวลาหนึ่งแต่ยามใดที่เขาผิดพลาดอำนาจที่เขาสร้างขึ้นมาก็จะถูกทำลายได้โดยง่าย เหมือนกับขุนศึกทรงอำนาจในอดีต เมื่อยามใดที่พวกเขาพลาดท่ารบแพ้ มันก็จะกลายเป็นโอกาสให้ขุนศึกที่ด้อยกว่าแสดงกำลังต่อต้านและกลายเป็นใหญ่แทน ซึ่งบทบาทในช่วงเริ่มแรกของไคโตะจะเป็นในลักษณะนั้น ด้วยความผิดพลาดเพียงแค่ครั้งเดียว(ในตอนที่6)ทำให้ต่อจากนั้นทีมไกมุก็ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งแซงหน้าทีมบารอนและเขาต้องคอยเป็นเหมือนตัวทดสอบพลังให้กับไรเดอร์คนอื่นจนแฟนๆต่างเรียกเขาว่า “กระสอบทราย” (ซึ่งเขาต้องรับบทบาทนี้ไปสักพักใหญ่ๆก่อนที่จะได้เจเนซิสไดรฟ์เวอร์มา)


จนกระทั่งช่วงหลัง เขาได้มีโอกาสมีส่วนเกี่ยวข้องกับความลับของอิกดราซิล บริษัทที่เขาเกลียดที่สุดจนกระทั่งไปรู้ความจริงของป่าเฮลเฮมและจุดจบของโลก  ไคโตะก็ได้อาศัยจังหวะนี้สร้างโอกาสให้ตัวเอง ยอมจับมือกับศัตรูเพื่อขวนขวายหาสิ่งที่เรียกว่า “พลังอันแข็งแกร่ง” ซึ่งนั้นก็คือผลไม้ทองคำ และอาศัยวิกฤตจากพิษของเฮลเฮมกลายร่างเป็นโอเวอร์ลอร์ด กลายเป็นผู้ท้าชิงคนสุดท้ายร่วมกับโคตะ


ซึ่งไคโตะถือว่าเป็นตัวละครที่มีความทรหดมาก ทั้งๆที่เขาเองก็มีทักษะที่เสียเปรียบตัวละครอื่นอยู่หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น การที่ไม่มีโชคในการได้รับพลังใหม่ๆที่อยู่เหนือจากการควบคุมของอิดราซิลเหมือนโคตะ ไม่ได้มีวาทะหรือความปราดเปรื่องเหมือนมิจจี้ ไม่ได้มีฝีมือที่เก่งกาจเหมือนทะกะโทระหรือเรียวมะ หรือแม้กระทั่งประสบการณ์การสู้รบที่มากมายเหมือนโอเรน เรียกได้ว่าเขามีทักษะทุกอย่างอยู่ในระดับแค่กลางๆ ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ แถมโดนตัวละครอื่นๆซ้อมมาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง นับว่าเป็นคนที่อับโชคมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ไรเดอร์ แต่เพราะเขายึดมั่นในกฎเหล็กของตัวเอง และพยายามไขว่คว้าหาพลังโดยไม่มีที่สิ้นสุด มันทำให้เขาโดดเด่นและเป็นที่จับตามองในสมรภูมิรบที่เต็มไปด้วยคนเก่งๆ

และเพราะความทะเยอทะยานและการแสวงหาพลังอันมากล้นของเขา มันทำให้เขามีเป้าหมายที่ชัดเจนสามารถวางเส้นทางที่จะเดินบรรลุถึงเป้าหมายนั้นได้ และมันคอยดึงดูดไรเดอร์คนอื่นให้ร่วมมือและยอมต่อสู้พร้อมกับเขา เพราะมันแสดงถึงความเข้มแข็งดั่งเช่นขุนพลในอดีต ถ้าพวกเขาเข้มแข็ง มีเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่ลดละความพยายาม ก็จะทำให้เหล่าลูกน้องเชื่อมั่นและคอยติดตาม แม้จะอ่อนด้อยกว่าคนอื่น รบแพ้หลายครั้ง แต่พวกลูกน้องจะไม่ทิ้งเขาไปไหน เพราะพวกเขาเชื่อว่าสักวันหัวหน้าของพวกเขาก็ต้องทำการใหญ่สำเร็จ ในกรณีของไคโตะที่เห็นชัดสุดๆก็คงเป็นมินาโตะ (ไรเดอร์มาริกะ) ที่หลงใหลในการแสวงหาพลังของไคโตะ และต้องการเห็นว่าตัวเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน แม้สิ่งที่เขาทำจะผิดก็ตาม


ซึ่งเป้าหมายที่แท้จริงของไคโตะ บอกไว้ชัดเจนนั้นก็คือ "พลังเพื่อคัดสรรผู้แข็งแกร่ง สร้างโลกใหม่ที่ไม่มีผู้อ่อนแอ"

“พวกที่ลืมการต่อสู้ ไม่มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่ กลับกันตอนนี้แหล่ะเป็นโอกาส ผู้ที่มีพลังกับผู้อ่อนแอถูกแบ่งได้อย่างชัดเจน ผู้ที่ต่อสู้กับเฮลเฮมแล้วรอดเท่านั้นจะได้เป็นผู้สร้างอนาคต” (คำพูดของไคโตะในตอน 20)

คนที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้นที่สามารถอยู่รอดได้ ส่วนผู้ด้อยกว่าย่อมถูกกำจัดทิ้ง มันเป็นกฎที่ฝังอยู่ในมนุษย์ทุกคนตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอด แต่เพราะยุคสมัยปัจจุบันมีการยกสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมมาเป็นรากฐาน รวมถึงใช้กฎหมายและศาสนาเพื่อเข้ามาจัดการสภาพความไร้ระเบียบของสังคมมนุษย์ ทำให้สํญชาตญาณการเอาตัวรอดค่อยๆหายไป และถูกแปรเปลี่ยนกลายเป็นการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน กดขี่ถีบหัวส่งคนที่อ่อนแอเพื่อการต่อยอดความทะเยอทะยานและความโลภที่ไม่รู้จักพอของมนุษย์แทน แต่เมื่อเกิดสภาวะโกลาหลวุ่นวาย กลไกและหลักการเหล่านั้นก็จะหยุดลงทันที มนุษย์เองก็เป็นสัตว์ธรรมดาทั่วไปที่เมื่ออยู่โดยไร้ระเบียบสังคมแล้ว กฎธรรมชาติที่ผู้แข็งแกร่งกว่าย่อมอยู่รอดก็จะทำงาน และในซี่รี่ย์ไกมุนั้นสภาวะโกลาหลที่ว่าก็คือการรุกรานของป่าเฮลเฮมนั้นเอง

แม้ในช่วงเริ่มของการรุกรานไคโตะจะทำเรื่องขัดแย้งกับอุดมการณ์ของตัวเองไปบ้าง ในการคอยช่วยโคตะปกป้องและช่วยเหลือผู้คนจากเหล่าโอเวอร์ลอร์ด (สาเหตุอาจเพราะคุณธรรมที่ยังคงมีอยู่ในตัวไคโตะ) แต่เมื่อเขาต่อสู้แพ้โรชูและเรียวมะมันทำให้เขาตระหนักถึงกฎเหล็กของตัวเองและตัดสินใจกลายสภาพเป็นโอเวอร์ลอร์ดเพื่อครอบครองพลังอันยิ่งใหญ่ และต่อยอดความโกลาหลที่โอเวอร์ลอร์ดคนเก่าได้สร้างไว้เพื่อสอนให้มนุษย์ละทิ้งความโลภและการกดขี่ข่มเหงเพื่อพยายามเอาตัวรอดในโลกใหม่ที่เขาสร้างขี้นแทน มันเป็นเหมือนทางออกสำหรับเขาจากบทเรียนชีวิตที่เขาเคยเผชิญมาทั้งหมด ความเจ็บปวดจากธรรมชาติอันโหดร้ายยังไงก็เจ็บน้อยกว่าต้องโดนมนุษย์ด้วยกันเองกำจัด นั้นคือทางที่ไคโตะเลือก

ซึ่งน่าเสียดายที่ซี่รี่ย์ไรเดอร์ ทางที่เขาเลือกมันคือทางของผู้ร้าย โลกที่มนุษย์ต้องเอาตัวรอดในธรรมชาติที่โหดร้ายไม่ใช่ตอนจบในแบบฉบับของหนังฮีโร่ เพราะมนุษย์ยังเหลือความดีและคุณธรรมที่ต้องสร้างสรรค์โลกด้วยตัวของพวกเขาเอง ผู้ชนะคนสุดท้ายจึงกลายเป็นโคตะผู้ยึดมั่นในความดีของมนุษย์(โลกสวย)แทน จึงน่าเสียดายจริงๆที่เราไม่เห็นเขาเป็นผู้ชนะ ถ้าซี่รี่ย์นี้เป็นอนิเมรอบดึกอาจเห็นตอนจบที่ต่างจากนี้ก็เป็นได้ ผมเองก็อยากจะเห็นว่าโลกของไคโตะจะเป็นอย่างไรและมนุษย์ที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขา จะเป็นไปแบบที่เขาคิดหรือไม่?


บทความอื่น
เจาะลึก “คาสึราบะ โคตะ” (ไรเดอร์ไกมุ) ไรเดอร์ผู้เสียสละ ผู้ก้าวสู่การเป็นราชาของโลกใหม่
http://ppantip.com/topic/32640019
สนทนาถึง "มิจจี้" (ไรเดอร์ริวเก็น) ตัวละครโปรดของจอมมาร  
http://ppantip.com/topic/32359670
สนทนาถึง “มิจจี้” บทที่ 2 เจาะลึกเรื่องราวของเด็กหนุ่มผู้หลงเดินทางสู่ด้านมืด   
http://ppantip.com/topic/32584202
สนทนาเจาะลึก “ทากะโทระ” (ไรเดอร์ซันเก็ตสึ) ไรเดอร์เกราะขาวผู้น่าสงสาร     
http://ppantip.com/topic/32498160
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่