สวัสดีครับเพื่อนๆ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเขียนบันทึกการเดินทาง ถ้าผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยและ รับฟังทุกคอมเม้นเพื่อปรับปรุงต่อไปครับ
ในการเดินทางครั้งนี้ ตั้งเป้าหมายไปที่ มัลดีฟเมืองไทย ที่ใครๆฝันถึง “เกาะพยาม จ.ระนอง” นั่นเอง เพื่อนๆหลายๆคนคงเคยเห็นภาพมาต่างๆนาๆ ไม่มากก็น้อย ทริปนี้ผมจะสะพายเป้ไปกันครับ
โดยเริ่มเดินทางจาก สายใต้ใหม่โดย บขส 999 โดยจองตั๋วไว้เรียบร้อย ทั้งไปและกลับ เดินทาง 4 วัน 3 คืน (บนรถ คืนไป และ คืนกลับ ค้างบนเกาะ 1 คืน) โดยเริ่มออกเดินทาง 20.30 ครับ (ระหว่างทางมีแวะกินข้าวต้มด้วย หลับสบายเลยหล่ะผม )
และแล้ว ก็มาถึงท่ารถจ.ระนองครับ เวลาคือ 05.30 โดยประมาณ เราก็ไม่รู้จะไปยังไงต่อ เพื่อไปให้ถึงท่าเรือไปเกาะพยามจุดมุ่งหมายที่เราจะไป เลยลองถามคุณลุงหน้าห้องน้ำ ได้ความว่า
“รถที่ไปที่เกาะ มีตอนประมาณ06.30 ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 2ชั่วโมงครึ่ง ให้ไปสองแถวหัวเขียวได้เลย”
-_-” ชั่วโมงครึ่งเลยรึ อะไรมันจะไกลขนาดน้านนนนนนน แล้วจำได้ว่า เรือมีตอน 10.00 รอบแรก จะให้นั่งรอ ที่นี่ก็โครตร้าง แล้วสองแถวหัวเขียวคืออะไร มองรอบๆมีรถสองแถวสีฟ้าอยู่คันนึง
ลักษณะเป็นแบบนี้ แต่สีฟ้านะ เหมือนรถ ที่เอาเรือมารวมร่างกันมาก เราก็เลยเดินไปถามลุงคนขับ ได้ความว่า รถสีฟ้าเนี่ยไปท่าเรือเกาะพยาม ค่ารถคนละ 50 บาท เราก็ ok ไป อย่างน้อยไปถึงท่าเรือเร็วก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไปไม่ทันเรือ แล้วไปนอนชิวๆเอาแถวชาดหาด น่าจะเวริคกว่า นั่งรอใน บขส เป็นแน่แท้ ในรถ มีฝรั่ง 2 คน 1คนไทย แล้วก็ผมอีกคน
ระหว่างทางลุงคนขับ ก็ขับซิ่งมาก วนไปส่งคนบนรถทั่วไปหมด รถเสียงดังมากกกกก แต่ก็พอเข้าใจ จนกระทั่งมีฝรั่งคนนึง จะขอลงไปกด ATM บอกให้ลุงแกจอด ลุงแกก็ไม่จอด บอกว่ายังไม่ถึงที่ (ฝรั่งพูด eng คนขับพูดไทย มันจะรู้เรื่องม้ายยยยยย -_-”) เราก็เลยช่วยบอกคนขับให้จอด พอฝรั่งลง ลุงแกก็ตะโกนไรมาไม่รุ แล้วออกรถเลย เราก็ตกใจ หันไปมองฝรั่งนั่น (นึกภาพฝรั่งผอม ขาว สูงเกิน 190 วิ่งท่า 4 x 100 ไล่ตามรถตอนตี5ครึ่ง) วิ่งตะโกนตามรถมา ใจความคือ ลุงแกบอกให้รอนี่ อีก 5 นาทีมารับ เค้าคงจะรอลุงหรอก เป็นผม ผมก็ไม่รอ กระเป๋าทั้งหมดอยู่บนรถลุงนะ ฝรั่งเลยบอก ขอ 30 วิพอ แล้วเราก็เดินทางกันต่อ
6.00 โดยประมาณ เราก็มาถึงปากซอยเข้าท่าเรือ เดี๋ยวนะ!!! ครึ่งชม.เอง แล้ว ที่บขส. บอก 2ชม.ครึ่ง เอาแหล่ว มาซะเร็ว เอาน่า ไม่เป็นไร ไปนอนชายหาดที่ท่าเรือก็ได้ แล้วก็ถามหาวิธีกลับกะลุงคนขับ ลุงแกบอก “ให้มาขึ้นรถตรงที่ลงได้เลย (เป็นปั้มน้ำมัน) แต่ขากลับ ค่ารถ 15 บาทนะ” หืม !! ทำไมขามา 50 ขากลับ 15 บาทหล่ะ ลุงแกตอบว่า หลัง 6 โมงถึง 15 บาท อันนั้นมันรอบเช้า ขอบคุณมากลุง โดนฟันหัวแบะไปก่อนทีนึง แล้วเราก็เข้า เซเว่นแถวนั้น เตรียมน้ำเตรียมเสบียงซักหน่อย แล้วก็ เดินหน้าไปที่ท่าเรือ
เมือมาถึงท่าเรือ นี่คือภาพที่ผมเห็น
เอ่อ ท่าเรือจริงๆ แล้วหาดทรายผมหล่ะ เตียงชายหาดนอนรอเวลาผมหล่ะ ไม่มีอะไรทั้งนั้น -__-” เอ้าไม่เป็นไร ไปดูเวลาเรือออกก่อน แล้วค่อยว่ากัน
เกาะพยาม
เรือรอบแรก 9.30 ค่าเรือคนละ 200 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. (มีสปีดโบทนะครับ 350บาทต่อคน เดินทางครึ่งชม. แต่มีเฉพาะหน้าเทศกาล ข้อมูลจากพี่ๆบนเกาะ)
เอาหล่ะ 3 ชม. ตรูไปไหนดี รอบๆก็มีร้านกาแฟ ร้านอาหารตามสั่ง แต่ยังไม่เปิด เลยลองเดินเล่นรอบๆดูจนไปเจอตลาดประมูลปลาเข้าครับ
ก็ตามชื่อ ตลาดประมูลปลา ใครอยากได้ปลากองไหน ก็ไปเอากระดาษมาเขียนชื่อ กะราคา แล้ววางไว้ได้เลยครับ มีปลาแปลกๆด้วย พวกปลามาลิน กระเบน ปูเหมือนหิน ฉลามก็มี (พี่ที่ตลาดบอกเคยมีฉลามตัวเท่ารถกระบะด้วย) เดินเล่นฆ่าเวลาซักพักก็ไปนั่งร้านกาแฟ ทานเช้ารอเวลาลงเรือ แล้วก็ถึงเวลาเดินทางครับ
จากภาพด้านบน จะมีเรือสีฟ้าขาว เรือลำนั้นแหละ ที่เราจะเดินทางกัน ดูภาพนอกว่า …. แล้ว ภายใน …… กว่า
ไปนั่ง 350 ทันมั้ยเนี่ย แต่ตั๋วซื้อไปละ เอาเถอะ เดินทางๆ มีภาพมาฝากเล็กๆน้อยๆนะครับ
เอาหล่ะ แล้วเราก็มาถึงเกาะพยามกันเสียที
จากที่ถามเรื่องการเดินทางบนเกาะ พี่ที่ร้านกาแฟบอกว่า ถึงเกาะแล้วเดินมาจนเจอทางแยก เลี้ยวขวาจะมีร้านให้เช่ามอไซได้ เกียธรรมดา 150 ออโต้ 200 หลังจากดื่มด่ำกับ บรรยากาศริมทำเล ก็เดินทางเข้าเกาะ เดินๆๆ ไปประมาณ 5 นาที ก็ไม่เจอถนนใหญ่ เลยตัดสินใจเดินกลับมาที่ท่าเรือ เช่ามอไซเอาจากแถวๆนั้นก็ได้ พอเริ่มเดินทางก็ถึงบางอ้อว่า เนี่ยแหละคือถนนหลักของเกาะนี้ เป็นแบบนี้เลยครับ
มีแบบนี้เลย ออกจากท่าเรือ พอพ้นเขตก็ป่าเลย ไม่มีเสาไฟฟ้า ป้ายบอกทางก็มีแค่ใกล้ๆท่าเรือ นอกเหนือจากนั้น ไม่มีเลยครับ จากที่หาข้อมูล บนเกาะจะมีหาดหลักๆ 3 จุด คือ ตรงท่าเรือ(ขวาแผนที่) อ่าวใหญ่(ล่างแผนที่) แล้วก็อ่าวเขาควาย (ซ้ายแผนที่) และเท่าที่ดู อ่าวเขาควายมีบังกะโลเยอะสุด ริมหาดสุด และถูกสุด จึงตัดสินใจขับรถไปที่ อ่าวเขาควาย
(ทริปเล็กๆสำหรับเพื่อนๆนะครับ เกาะนี้ ด้านขวามือ ถ้าดูจากแผนที่น้ำจะสวยมาก แต่ไม่เห็นพระอาทิตย์ตก แต่ ด้านซ้ายจะเห็นอาทิตย์ตก แต่น้ำขุ่นหน่อย)
ระหว่างทางก็ขับ (หลง) ไปเรื่อย ตั้งใจจะขับจนเจอชายหาด แล้วหาบังกะโลพักริมหาดเอา ระหว่างทางก็มีที่พักตลอด แต่ไม่เปิดเลย T_T แล้วก็ขับไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ จนสุดถนนหน้าทิ่มหาดเลย และพบว่ามันร้าง และไม่มีที่พักเลย -_-” ผมขับจนลงไปในทรายเลย ก็ไม่เจอ เลยตัดสินใจย้อนกลับ แล้วเจอคนบนเกาะเลยถามหาที่พัก พบว่า ที่นี่ ที่พักติดริมหาดเยอะมาก ต้องลองขับไปในบังกะโลดูเอาเลงเลยว่าติดมั้ย และ เปิดไหมด้วย (นอกจากจะลุ้นว่ามีทะเลมั้ย ต้องลุ้นว่าเปิดมั้ยอีกด้วย) เราก็ขับย้อนมา จนเจอกับที่นึงครับ “ViJit bangalow” เป็นหลังๆแยก ติดริมทะเลเลยไม่มีแอร์ คืนละ 800บาท ผมก็ตกลงว่าพักที่นี่ครับ
บรรยากาศหน้าหาดครับ เปิดประตูมาเจอเลย
ก็ได้อยู่น้า ถึงน้ำจะลงอยู่ก็เถอะ เงียบมาก มาก มากจริงๆ(แน่สิทั้งหาดมีคนพักแค่หลังเดียวจริงๆนะ ไม่มีคนอื่นเลย) แล้วผมก็นอนพัก เรียกได้ว่า สัมผัสกับธรรมชาติ จริงๆ อากาศพออ้าวๆ เสียงจิ้งหรีด มองๆที่หาดทราย ปูเสฉวนเต็มเลยตอนนี้เลยไม่กล้าเดินเหยียบเปลือกหอยเลยผม แรกๆเดินชิวววว ตอนนี้กลัวเหยียบปูตาย หยิบมือถือมาดู คลื่นก็เยอะนะ แต่ทำไมสัญญาณไม่ค่อยมีเลยฟระ
15.00 โดยประมาณ ผมก็ออกเดินทางจากที่พัก เจ้าของบังกะโลกลับมาพอดี แล้วก็มาแจ้งข่าวว่า “ไฟฟ้ามีถึงแค่เที่ยงคืนนะ” หืม !!! ไม่ได้มีไฟฟ้าตลอดเวลาหรอ แล้วมือถือผมหล่ะ T_T เอาเถอะไปขับรถวนรอบๆเกาะ (ตอนเรือขามา จะมองเห็นองค์พระ บนภูเขากะบนน้ำทะเล เดี๋ยวไปพรุ่งนี้ตอนเชคเอ้า ช่วงรอขึ้นเรือ) แล้วก็ตั้งใจจะไปที่ๆหลายๆคนอยากมาคือ Blue Sky Resort ของเกาะพยาม ลองขับรถวนเล่น ก็ตามคาด ไม่มีอะไรเลย มีแต่ต้นไม้ ขับหลงอีกตะหาก กว่าจะวนกลับมาที่ท่าเรือได้ ลุ้นน้ำมันจะหมดหัวใจจะวาย คนให้เช่าบอก มีน้ำมันให้เติมครั้งละ 50 บาท มีทั้งเกาะ ขับมาทั้งเกาะมีแค่ตรงท่าเรือ เพื่อนๆที่มาก็ระวังนะครับ แล้วเราก็มาถึง Blue Sky ไม่ไกลจากท่าเรือมาก ถ่ายภาพได้เฉพาะบริเวณด้านนอกนะครับ เพราะเค้าไม่ให้เข้าไปเดินบริเวณห้องพัก
ช่วงที่มาถึง เป็นช่วงน้ำลงพอดี เดี๋ยวช่วงเช้าจะมาถ่ายตอนน้ำขึ้น แล้วก็ตั้งใจฝากท้องมื้อเย็นกะร้านอาหารที่นี่เลยละกัน
ช่วงที่ไปนั่ง ยังไม่มีคนอื่นเลยก็เลยเลือกที่ๆมองเห็นวิวได้สวยๆ สั่งข้าวผัดกุ้งจานนึง ปอเปี๊ยที่นึง (ที่อยู่ในแก้ว) ละก็น้ำ ขณะที่นั่งๆทานอยู่ ฝนก็ตกครับ ตกหนัก ตกแรงมากกกกก
สังเกตุได้เลย จากที่มองเห็นน้ำ เห็นเกาะข้างๆ กลายเป็นสีขาวโพลนเลย กลับที่พักไม่ได้แล้ว พนักงานก็เอาใจใส่ดีมาก พอกินข้าวหมดก็มาเก็บจานทันที กินน้ำหมดก็มาเก็บแก้วทันที แล้วก็กลายเป็นโต๊ะเปล่า ซักพักก็เอาเมนูมายื่น แล้วก็กดดันให้เราสั่ง ทั้งๆที่ฝนตกหนักมาก เราก็ไปจากที่นี่ไม่ได้ บอกตามตรงที่ผมมา เพราะจะมาเซอเวย์ Blue Sky เพราะตั้งใจจะพาแม่มาเที่ยว แต่เจอแบบนี้ละหมดอารมเลย แต่ผมเข้าใจนะว่าร้านเค้า แต่ผมก็สั่งร่วมๆ 500 อยู่นะ แถมพอจะถามราคาที่พัก ก็ไม่สบตาบอกปัดๆไปว่าไปดูที่หน้าเวปเอา อืม ตรูคงจะมาอีกหรอก พอฝนเริ่มเบาก็เลยตัดสินใจกลับที่พัก ไปนอนโน่นดีกว่า
พอมาถึง ฝนก็หยุดแล้ว แล้วน้ำก็เริ่มขึ้น สวยเชียว ทำเอาที่หงุดหงิดตะกี้หายหมดเลย
เดินเล่นชายหาดซักพัก แล้วก็เข้าห้องนอนพักแปป เดินทางมาทั้งวัน เมื่อคืนบนรถก็ไม่ค่อยได้นอน ตั้งใจเดี๋ยวลุกมาถ่ายภาพพระอาทิตตกซักหน่อย วิวน่าจะสวยน่าดู
20.00 น. พึ่งตื่น!! เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย มืดแล้ว วิ่งไปดูข้างนอก พระอาทิตฉาน หายไปแล้วววววววว T_T เศร้า มากๆๆๆๆ เสียดายโครต หมดกัน เศร้าแปป
ตั้งสติได้ จะไปเดินรอบๆ ความวังเวงเริ่มครอบงำ มืดสนิท ไม่มีใครเลย เดินไปที่จิดรถ มองถนนก็มืดจนมองทางไม่เห็น ค้างคาวตัวยาวเป็นฟุตก็บินเพียบ ยุงตัวเท่าเหรียญบาท เสียงจิ้งหรีด ดังสนั่น ตัดสินใจ ไม่ไปไหนก็ได้ นอนเล่นมือถือในห้องดีกว่า สัญญาณเน็ตก็เน่า เข้าเกมไม่ได้ ดีที่ฝนตกช่วงเย็นอากาศเลยไม่ร้อน ไม่สิ ต้องเรียกว่าหนาวววว เลยหล่ะ ก็เลยตัดสินใจไปอาบน้ำ แล้วรีบข่มตานอนดีกว่า
{จะพาหัวใจ ไปให้ถึงปลายฟ้า ตอนที่ 1} สะพายเป้สู่เกาะพยาม
ในการเดินทางครั้งนี้ ตั้งเป้าหมายไปที่ มัลดีฟเมืองไทย ที่ใครๆฝันถึง “เกาะพยาม จ.ระนอง” นั่นเอง เพื่อนๆหลายๆคนคงเคยเห็นภาพมาต่างๆนาๆ ไม่มากก็น้อย ทริปนี้ผมจะสะพายเป้ไปกันครับ
โดยเริ่มเดินทางจาก สายใต้ใหม่โดย บขส 999 โดยจองตั๋วไว้เรียบร้อย ทั้งไปและกลับ เดินทาง 4 วัน 3 คืน (บนรถ คืนไป และ คืนกลับ ค้างบนเกาะ 1 คืน) โดยเริ่มออกเดินทาง 20.30 ครับ (ระหว่างทางมีแวะกินข้าวต้มด้วย หลับสบายเลยหล่ะผม )
และแล้ว ก็มาถึงท่ารถจ.ระนองครับ เวลาคือ 05.30 โดยประมาณ เราก็ไม่รู้จะไปยังไงต่อ เพื่อไปให้ถึงท่าเรือไปเกาะพยามจุดมุ่งหมายที่เราจะไป เลยลองถามคุณลุงหน้าห้องน้ำ ได้ความว่า
“รถที่ไปที่เกาะ มีตอนประมาณ06.30 ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 2ชั่วโมงครึ่ง ให้ไปสองแถวหัวเขียวได้เลย”
-_-” ชั่วโมงครึ่งเลยรึ อะไรมันจะไกลขนาดน้านนนนนนน แล้วจำได้ว่า เรือมีตอน 10.00 รอบแรก จะให้นั่งรอ ที่นี่ก็โครตร้าง แล้วสองแถวหัวเขียวคืออะไร มองรอบๆมีรถสองแถวสีฟ้าอยู่คันนึง
ลักษณะเป็นแบบนี้ แต่สีฟ้านะ เหมือนรถ ที่เอาเรือมารวมร่างกันมาก เราก็เลยเดินไปถามลุงคนขับ ได้ความว่า รถสีฟ้าเนี่ยไปท่าเรือเกาะพยาม ค่ารถคนละ 50 บาท เราก็ ok ไป อย่างน้อยไปถึงท่าเรือเร็วก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไปไม่ทันเรือ แล้วไปนอนชิวๆเอาแถวชาดหาด น่าจะเวริคกว่า นั่งรอใน บขส เป็นแน่แท้ ในรถ มีฝรั่ง 2 คน 1คนไทย แล้วก็ผมอีกคน
ระหว่างทางลุงคนขับ ก็ขับซิ่งมาก วนไปส่งคนบนรถทั่วไปหมด รถเสียงดังมากกกกก แต่ก็พอเข้าใจ จนกระทั่งมีฝรั่งคนนึง จะขอลงไปกด ATM บอกให้ลุงแกจอด ลุงแกก็ไม่จอด บอกว่ายังไม่ถึงที่ (ฝรั่งพูด eng คนขับพูดไทย มันจะรู้เรื่องม้ายยยยยย -_-”) เราก็เลยช่วยบอกคนขับให้จอด พอฝรั่งลง ลุงแกก็ตะโกนไรมาไม่รุ แล้วออกรถเลย เราก็ตกใจ หันไปมองฝรั่งนั่น (นึกภาพฝรั่งผอม ขาว สูงเกิน 190 วิ่งท่า 4 x 100 ไล่ตามรถตอนตี5ครึ่ง) วิ่งตะโกนตามรถมา ใจความคือ ลุงแกบอกให้รอนี่ อีก 5 นาทีมารับ เค้าคงจะรอลุงหรอก เป็นผม ผมก็ไม่รอ กระเป๋าทั้งหมดอยู่บนรถลุงนะ ฝรั่งเลยบอก ขอ 30 วิพอ แล้วเราก็เดินทางกันต่อ
6.00 โดยประมาณ เราก็มาถึงปากซอยเข้าท่าเรือ เดี๋ยวนะ!!! ครึ่งชม.เอง แล้ว ที่บขส. บอก 2ชม.ครึ่ง เอาแหล่ว มาซะเร็ว เอาน่า ไม่เป็นไร ไปนอนชายหาดที่ท่าเรือก็ได้ แล้วก็ถามหาวิธีกลับกะลุงคนขับ ลุงแกบอก “ให้มาขึ้นรถตรงที่ลงได้เลย (เป็นปั้มน้ำมัน) แต่ขากลับ ค่ารถ 15 บาทนะ” หืม !! ทำไมขามา 50 ขากลับ 15 บาทหล่ะ ลุงแกตอบว่า หลัง 6 โมงถึง 15 บาท อันนั้นมันรอบเช้า ขอบคุณมากลุง โดนฟันหัวแบะไปก่อนทีนึง แล้วเราก็เข้า เซเว่นแถวนั้น เตรียมน้ำเตรียมเสบียงซักหน่อย แล้วก็ เดินหน้าไปที่ท่าเรือ
เมือมาถึงท่าเรือ นี่คือภาพที่ผมเห็น
เอ่อ ท่าเรือจริงๆ แล้วหาดทรายผมหล่ะ เตียงชายหาดนอนรอเวลาผมหล่ะ ไม่มีอะไรทั้งนั้น -__-” เอ้าไม่เป็นไร ไปดูเวลาเรือออกก่อน แล้วค่อยว่ากัน
เกาะพยาม
เรือรอบแรก 9.30 ค่าเรือคนละ 200 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. (มีสปีดโบทนะครับ 350บาทต่อคน เดินทางครึ่งชม. แต่มีเฉพาะหน้าเทศกาล ข้อมูลจากพี่ๆบนเกาะ)
เอาหล่ะ 3 ชม. ตรูไปไหนดี รอบๆก็มีร้านกาแฟ ร้านอาหารตามสั่ง แต่ยังไม่เปิด เลยลองเดินเล่นรอบๆดูจนไปเจอตลาดประมูลปลาเข้าครับ
ก็ตามชื่อ ตลาดประมูลปลา ใครอยากได้ปลากองไหน ก็ไปเอากระดาษมาเขียนชื่อ กะราคา แล้ววางไว้ได้เลยครับ มีปลาแปลกๆด้วย พวกปลามาลิน กระเบน ปูเหมือนหิน ฉลามก็มี (พี่ที่ตลาดบอกเคยมีฉลามตัวเท่ารถกระบะด้วย) เดินเล่นฆ่าเวลาซักพักก็ไปนั่งร้านกาแฟ ทานเช้ารอเวลาลงเรือ แล้วก็ถึงเวลาเดินทางครับ
จากภาพด้านบน จะมีเรือสีฟ้าขาว เรือลำนั้นแหละ ที่เราจะเดินทางกัน ดูภาพนอกว่า …. แล้ว ภายใน …… กว่า
ไปนั่ง 350 ทันมั้ยเนี่ย แต่ตั๋วซื้อไปละ เอาเถอะ เดินทางๆ มีภาพมาฝากเล็กๆน้อยๆนะครับ
เอาหล่ะ แล้วเราก็มาถึงเกาะพยามกันเสียที
จากที่ถามเรื่องการเดินทางบนเกาะ พี่ที่ร้านกาแฟบอกว่า ถึงเกาะแล้วเดินมาจนเจอทางแยก เลี้ยวขวาจะมีร้านให้เช่ามอไซได้ เกียธรรมดา 150 ออโต้ 200 หลังจากดื่มด่ำกับ บรรยากาศริมทำเล ก็เดินทางเข้าเกาะ เดินๆๆ ไปประมาณ 5 นาที ก็ไม่เจอถนนใหญ่ เลยตัดสินใจเดินกลับมาที่ท่าเรือ เช่ามอไซเอาจากแถวๆนั้นก็ได้ พอเริ่มเดินทางก็ถึงบางอ้อว่า เนี่ยแหละคือถนนหลักของเกาะนี้ เป็นแบบนี้เลยครับ
มีแบบนี้เลย ออกจากท่าเรือ พอพ้นเขตก็ป่าเลย ไม่มีเสาไฟฟ้า ป้ายบอกทางก็มีแค่ใกล้ๆท่าเรือ นอกเหนือจากนั้น ไม่มีเลยครับ จากที่หาข้อมูล บนเกาะจะมีหาดหลักๆ 3 จุด คือ ตรงท่าเรือ(ขวาแผนที่) อ่าวใหญ่(ล่างแผนที่) แล้วก็อ่าวเขาควาย (ซ้ายแผนที่) และเท่าที่ดู อ่าวเขาควายมีบังกะโลเยอะสุด ริมหาดสุด และถูกสุด จึงตัดสินใจขับรถไปที่ อ่าวเขาควาย
(ทริปเล็กๆสำหรับเพื่อนๆนะครับ เกาะนี้ ด้านขวามือ ถ้าดูจากแผนที่น้ำจะสวยมาก แต่ไม่เห็นพระอาทิตย์ตก แต่ ด้านซ้ายจะเห็นอาทิตย์ตก แต่น้ำขุ่นหน่อย)
ระหว่างทางก็ขับ (หลง) ไปเรื่อย ตั้งใจจะขับจนเจอชายหาด แล้วหาบังกะโลพักริมหาดเอา ระหว่างทางก็มีที่พักตลอด แต่ไม่เปิดเลย T_T แล้วก็ขับไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ จนสุดถนนหน้าทิ่มหาดเลย และพบว่ามันร้าง และไม่มีที่พักเลย -_-” ผมขับจนลงไปในทรายเลย ก็ไม่เจอ เลยตัดสินใจย้อนกลับ แล้วเจอคนบนเกาะเลยถามหาที่พัก พบว่า ที่นี่ ที่พักติดริมหาดเยอะมาก ต้องลองขับไปในบังกะโลดูเอาเลงเลยว่าติดมั้ย และ เปิดไหมด้วย (นอกจากจะลุ้นว่ามีทะเลมั้ย ต้องลุ้นว่าเปิดมั้ยอีกด้วย) เราก็ขับย้อนมา จนเจอกับที่นึงครับ “ViJit bangalow” เป็นหลังๆแยก ติดริมทะเลเลยไม่มีแอร์ คืนละ 800บาท ผมก็ตกลงว่าพักที่นี่ครับ
บรรยากาศหน้าหาดครับ เปิดประตูมาเจอเลย
ก็ได้อยู่น้า ถึงน้ำจะลงอยู่ก็เถอะ เงียบมาก มาก มากจริงๆ(แน่สิทั้งหาดมีคนพักแค่หลังเดียวจริงๆนะ ไม่มีคนอื่นเลย) แล้วผมก็นอนพัก เรียกได้ว่า สัมผัสกับธรรมชาติ จริงๆ อากาศพออ้าวๆ เสียงจิ้งหรีด มองๆที่หาดทราย ปูเสฉวนเต็มเลยตอนนี้เลยไม่กล้าเดินเหยียบเปลือกหอยเลยผม แรกๆเดินชิวววว ตอนนี้กลัวเหยียบปูตาย หยิบมือถือมาดู คลื่นก็เยอะนะ แต่ทำไมสัญญาณไม่ค่อยมีเลยฟระ
15.00 โดยประมาณ ผมก็ออกเดินทางจากที่พัก เจ้าของบังกะโลกลับมาพอดี แล้วก็มาแจ้งข่าวว่า “ไฟฟ้ามีถึงแค่เที่ยงคืนนะ” หืม !!! ไม่ได้มีไฟฟ้าตลอดเวลาหรอ แล้วมือถือผมหล่ะ T_T เอาเถอะไปขับรถวนรอบๆเกาะ (ตอนเรือขามา จะมองเห็นองค์พระ บนภูเขากะบนน้ำทะเล เดี๋ยวไปพรุ่งนี้ตอนเชคเอ้า ช่วงรอขึ้นเรือ) แล้วก็ตั้งใจจะไปที่ๆหลายๆคนอยากมาคือ Blue Sky Resort ของเกาะพยาม ลองขับรถวนเล่น ก็ตามคาด ไม่มีอะไรเลย มีแต่ต้นไม้ ขับหลงอีกตะหาก กว่าจะวนกลับมาที่ท่าเรือได้ ลุ้นน้ำมันจะหมดหัวใจจะวาย คนให้เช่าบอก มีน้ำมันให้เติมครั้งละ 50 บาท มีทั้งเกาะ ขับมาทั้งเกาะมีแค่ตรงท่าเรือ เพื่อนๆที่มาก็ระวังนะครับ แล้วเราก็มาถึง Blue Sky ไม่ไกลจากท่าเรือมาก ถ่ายภาพได้เฉพาะบริเวณด้านนอกนะครับ เพราะเค้าไม่ให้เข้าไปเดินบริเวณห้องพัก
ช่วงที่มาถึง เป็นช่วงน้ำลงพอดี เดี๋ยวช่วงเช้าจะมาถ่ายตอนน้ำขึ้น แล้วก็ตั้งใจฝากท้องมื้อเย็นกะร้านอาหารที่นี่เลยละกัน
ช่วงที่ไปนั่ง ยังไม่มีคนอื่นเลยก็เลยเลือกที่ๆมองเห็นวิวได้สวยๆ สั่งข้าวผัดกุ้งจานนึง ปอเปี๊ยที่นึง (ที่อยู่ในแก้ว) ละก็น้ำ ขณะที่นั่งๆทานอยู่ ฝนก็ตกครับ ตกหนัก ตกแรงมากกกกก
สังเกตุได้เลย จากที่มองเห็นน้ำ เห็นเกาะข้างๆ กลายเป็นสีขาวโพลนเลย กลับที่พักไม่ได้แล้ว พนักงานก็เอาใจใส่ดีมาก พอกินข้าวหมดก็มาเก็บจานทันที กินน้ำหมดก็มาเก็บแก้วทันที แล้วก็กลายเป็นโต๊ะเปล่า ซักพักก็เอาเมนูมายื่น แล้วก็กดดันให้เราสั่ง ทั้งๆที่ฝนตกหนักมาก เราก็ไปจากที่นี่ไม่ได้ บอกตามตรงที่ผมมา เพราะจะมาเซอเวย์ Blue Sky เพราะตั้งใจจะพาแม่มาเที่ยว แต่เจอแบบนี้ละหมดอารมเลย แต่ผมเข้าใจนะว่าร้านเค้า แต่ผมก็สั่งร่วมๆ 500 อยู่นะ แถมพอจะถามราคาที่พัก ก็ไม่สบตาบอกปัดๆไปว่าไปดูที่หน้าเวปเอา อืม ตรูคงจะมาอีกหรอก พอฝนเริ่มเบาก็เลยตัดสินใจกลับที่พัก ไปนอนโน่นดีกว่า
พอมาถึง ฝนก็หยุดแล้ว แล้วน้ำก็เริ่มขึ้น สวยเชียว ทำเอาที่หงุดหงิดตะกี้หายหมดเลย
เดินเล่นชายหาดซักพัก แล้วก็เข้าห้องนอนพักแปป เดินทางมาทั้งวัน เมื่อคืนบนรถก็ไม่ค่อยได้นอน ตั้งใจเดี๋ยวลุกมาถ่ายภาพพระอาทิตตกซักหน่อย วิวน่าจะสวยน่าดู
20.00 น. พึ่งตื่น!! เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย มืดแล้ว วิ่งไปดูข้างนอก พระอาทิตฉาน หายไปแล้วววววววว T_T เศร้า มากๆๆๆๆ เสียดายโครต หมดกัน เศร้าแปป
ตั้งสติได้ จะไปเดินรอบๆ ความวังเวงเริ่มครอบงำ มืดสนิท ไม่มีใครเลย เดินไปที่จิดรถ มองถนนก็มืดจนมองทางไม่เห็น ค้างคาวตัวยาวเป็นฟุตก็บินเพียบ ยุงตัวเท่าเหรียญบาท เสียงจิ้งหรีด ดังสนั่น ตัดสินใจ ไม่ไปไหนก็ได้ นอนเล่นมือถือในห้องดีกว่า สัญญาณเน็ตก็เน่า เข้าเกมไม่ได้ ดีที่ฝนตกช่วงเย็นอากาศเลยไม่ร้อน ไม่สิ ต้องเรียกว่าหนาวววว เลยหล่ะ ก็เลยตัดสินใจไปอาบน้ำ แล้วรีบข่มตานอนดีกว่า