*ถอดอมยิ้มมาเพื่อขอปกปิดเรื่องส่วนตัวนะคะ
สวัสดีคะ วันนี้เราก็อยากแชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เผื่อที่จะมีสติไตร่ตรองอะไรให้รอบคอบก่อนตัดสินใจอะไรบางอย่างไป
เรากับแฟนนั้นเรียนมหาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน ซึ่งมหาลัยเราเป็นมหาลัยรัฐอยู่ทางภาคอีสาน แฟนเป็นคนในจังหวัดที่มหาลัยตั้งอยู่ ส่วนเราเป็นคนกรุงเทพที่ได้มาเรียนที่นี่ตั้งแต่ ม.1 เรื่องราวทั้งหมดเนิ่มจากการเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ ปี 1 จนเมื่อช่วงใกล้ปี 2 เราตัดสินใจคบกันเป็นแฟน โดยที่เราและแฟนเราต่างก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อน เราคิดว่าเราจะให้คนนี้เป็นคนแรกและคนสุดท้ายในชีวิตของเรา แต่แล้วแค่เริ่มต้นก็ดีมากดูแลเอาใจใส่ดี แต่ของขวัญวันครบรอบคบ วันเกิดเรา วันวาเลนไทน์ ไม่เคยจะมีให้เลย และบางปีก็ลืมวันเกิดเรา แต่วันเกิดของแฟนเราเราหาของขวัญที่ดีที่สุดให้เค้าเสมอ อีกทำทำด้วยมือ แต่เค้าไม่ค่อยสนใจของๆเราเลย ยิ่งนานๆเข้าเหมือนกับการเอาใจใส่มันดูแย่ลงจากครั้งแรกที่คบกันมาก หลายๆครั้งถอดใจ ถึงแม้ที่บ้านฝั่งแฟนจะรู้จักเราเคยพาไปเจอ ดูเหมือนว่าทางบ้านนั้นจะไม่ชอบเรา ชอบแขวะเรา อาจเพราะเราดูเป็นสาวห้าวด้วยหรือเปล่าหรือเพราะเราจนไปก็ไม่ทราบ สิ่งที่ทำให้คิดคือทางบ้านแฟนค่อยมีมีฐานะ และแฟนชอบบอกกับพ่อแม่เค้าเกี่ยวกับฐานะทางบ้านเรา
จนแล้วจนรอดก็คบกันมาถึงปี 4 แต่ช่วงปีสุดท้ายเค้ากลับทำดีกับเรามาก เอาใจใส่เราดีขึ้นมาก จนแล้วไม่อยากจากกันไปใหนเลยจริงๆ สุดท้ายเมื่อเรียนจบแล้ว เราจำเป็นต้องกลับบ้านที่กรุงเทพ กลับบ้านไปที่จะทำงาน เพราะสายงานเราที่แถบมหาลัยเราแทบไม่มีตำแหน่งเลยหรือมี ก็เคยไปสัมภาษณ์งานสองสามที่แต่เค้าไม่รับเราเข้าทำงาน รองานมาสามเดือน ก็ไปเที่ยวกับแฟนบ้าง แต่ท้ายสุดจริงๆเราจำเป็นต้องกลับมาหางานที่กรุงเทพ มาทำงานได้สามเดือน แฟนโทรมาหาแค่ครั้งเดียวคือ วันแรกที่มากรุงเทพ หลังจากนั้นแฟนไม่โทรมาเลย เราลองโทรกลับไปหาเค้า เค้าก็ไม่รับสาย โทรไปแม่เค้า แม่เค้าก็พูดปัดๆบอกว่าสบายดีไม่ต้องเป็นห่วง เราบอกว่าอย่างน้อยขอขึ้นไปหาได้มั้ย ทางบ้านนั้นบอกว่าไม่ต้องมา คือลูกเค้าสบายดีไม่เป็นไร ถึงตรงนี้เราว่าชักแปลกๆแล้ว บ้านนี้ชักแปลกๆละ
พอเวลาผ่านไป 5 เดือนได้ข่าวมาจากเพื่อนของแฟน ถึงได้รู้ว่าแฟนไปบวชในวัดป่า โดยทางที่บ้านแฟนปิดไม่ให้เรารู้อะไรทั้งนั้น ตั้งแต่เค้าเริ่มบวชเรายังไม่รู้เลยจริงๆ นี่เราเป็นแฟนเค้านะไม่ใช่ใครที่ใหนทำใมเราถึงไม่รู้เรื่องนี้ เราเลยตัดสินใจที่จะโทรถามแม่เค้าในเรื่องนี้แม่เค้าบอกว่าลูกของเค้าจะสึกในอีก 4 เดือนข้างหน้า เราก็ค่อยโล่งใจหน่อยที่อย่างน้อยก็รู้ว่าแฟนเราสึก
ในช่วงนี้เราก็มีคนเข้ามาคุยคนนึงเคยเป็นคนที่เคยมาชอบเราตอนอยู่มหาลัย สมมุติให้ว่าชื่อ "เอก" ตั้งแต่ช่วงเข้ามหาลัยคุยกันได้ครึ่งปีเค้าก็หายไป ช่วงนั้นเรามีแฟนอยู่แล้ว เราก็คุยกับคนนี้ตามประสาเพื่อนจริงๆ ที่เจอเฟซบุ๊คกันได้ก็เพราะว่าขึ้นชื่อจริงคนๆนั้น เป็นเพื่อนของเพื่อนเรา พอเราแอดไปเค้าก็รับแอดและพูดคุยกันก็ได้ทราบว่คนๆนี้ไม่ได้ทำงานอยู่กรุงเทพ เค้าทำงานอยู่ที่แถบภาคตะวันออก เราเลยคุยแค่โทรศัพท์กับเฟซกัน พูดกันตามประสาเพื่อนจริงๆ ไม่มีอะไรเกินกว่านั้น
มีครั้งนึงเราป่วยหนักจนเข้าโรงพยาบาลไปนอน 4 วัน และช่วงนั้นทางบ้านเราไม่มีใครอยู่เนื่องจากทำงานอยู่ที่ต่างประเทศกัน เพื่อนเราก็ไม่มีเลยเนื่องจากว่าไปใช้ชีวิตที่ภาคอีสานตั้งแต่ยังเด็ก นาย เอก เค้าได้ข่าวจากเพื่อนสนิทของเรา เราไม่รู้ว่าเอกเค้าคิดยังไงที่ตัดสินใจลางานมาเฝ้าเราที่โรงพยาบาลตั้งแต่คืนแรกเลย เราก็เกรงใจจริงๆอีกอย่างเราแทบจะตกใจจริงๆไม่คิดว่าคนนี้จะมาเฝ้าเรา คนนี้ไม่เคยจะแตะตัวเราแม้แต่นิดเดียว นอนเฝ้าเราทั้งวันทั้งคินแต่ก็ดีที่เอาโน้ตบุ๊คมาทำงานไปด้วย พอออกจากโรงพยาบาลเค้าก็ไปส่งเราที่บ้าน เค้าไม่เข้ามาเลย รออยู่หน้าบ้าน เอกแค่บอกว่าลองเปิดบ้านดูถ้าทุกอย่างโอเคแล้วเค้าจะเดินทางกลับ และเค้าก็เดินทางกลับทันที
ต่อมาเป็นช่วงที่แฟนเราจะสึกออกมาละ เราเลยโทรไปถามแม่ของแฟนเราว่าแฟนเราจะสึกแล้วใช่มั้ย ปรากฎว่าแม่เค้าบอกว่า ไม่มีกำหนดสึก แล้วบอกให้เราไม่ต้องดิ้นรนอะไร มีแฟนก็มีแฟนใหม่ไปได้เลย เราร้องไห้มากๆก็มีแต่ เอก ที่เราไประบายให้เค้าฟัง เค้าก็บอกว่า"ถ้ารักมากขนาดนี้รอไปก็ได้ ลองถามใจตัวเองดูว่าต้องการอะไร อะไรมันคือความสุขของเธอ" ตอนนั้นเราไม่คิดอะไรจริงๆกับเอก แค่เพื่อนเหมือนเดิม เค้าชอบส่งของฝากมาให้เสมอๆ เค้าไม่มาหาเราหรอกเพราะเค้าบอกว่าเรามีแฟนอยู่มันจะไม่เหมาะสมจริงๆ จนกระทั่งใกล้วันลอยกระทงเข้ามาเราก็รู้สึกแย่มากภาพอดีตกับแฟนเก่ามันมาตอกย้ำความรู้สึกเรา เราไม่อยากไปลอยกระทงด้วยซ้ำ พอถึงวันลอยกระทงจริงๆปรากฎว่า เอกมาหาเราที่หน้าบ้านพร้อมกับเพื่อนสนิทเราที่เป็นผู้หญิง มาชวนเราไปลอยกระทงเรารู้สึกดีขึ้นมากจริงๆแต่ก็ยังไม่ลืมแฟนเก่าจริงๆนั้นแหละ และทุกๆวันเกิดเราวันวาเลนไทน์เค้าก็มีของมาให้เราเสมอ
แต่ถึงอย่างนั้นสถานะเราก็เป็นแค่เพื่อนกัน เพราะเราก็ยังรักแฟนเราอยู่
วันเวลาผ่านไปไวมาก 5 ปี แล้วตั้งแต่เราไม่เคยเจอหน้าแฟนหรือได้ยินแม้แต่เสียง อยู่ดีๆความรู้สึกที่มีต่อแฟนก็ขึ้นมา เราเริ่มห่างเหินกับเอกที่เป็นเพื่อนกันมาตลอด แม้จะคุยทุกวัน จนวันนึงเราก็พูดกับเอกมาว่า "เราจะรอแฟนเราไปจนตาย เค้าคือคนแรกและคนสุดท้ายของเรา เราก็สามารถทำให้ตัวเองพิการได้ ถ้าแฟนเราลับมาหาเราได้ เราก็ยอม" เอกก็บอกว่าก็เข้าใจ ช่วงนี้ก็ดูแลตัวเองด้วยอย่าคิดสั้นอะไรไป เพราะทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่คิดหรอก เราก็สวนเขาไปว่า "สัส ทำไรไปก็ไม่ได้เท่าเศษเสี้ยวของแฟนกุหรอก อีกอย่างนี่ชีวิตกรุไม่เข้าใจหรอก" เรายอมรับว่าตอนนั้นเราอารมณ์ขึ้นจริงๆถึงพูดแบบนี้ไป อีกทั้งเราบล็อกทุกอย่างของเอกไป จนขาดการติดต่อกันไปเลย ถ้าย้อนกลับไปคิดเราว่าเราเสียใจมากๆ เอ เค้าจำทุกอย่างที่เราชอบไม่ชอบได้แทบทุกอย่าง จำอะไรได้หมด และเอาใจใส่เรามาก และจุดนี้ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนตลอดไป
พอเข้าสู่ปีที่ 7 ที่ไม่เจอกับแฟน เราก็เพิ่งได้รับข่าวดีว่าแฟนเราสึกมาแล้ว แต่ที่เจ็บปวดคือ แฟนเราสึกมาได้ 1 ปีกว่า ตอนสึกออกมาไม่เคยจะบอกเราเราเสียใจมากๆ อีกทั้งแฟนเรายังไปมีแฟนใหม่และทางที่บ้านแฟนเราก็จะให้สองคนนี้แต่งงานกันในเดือนหน้าอีก มิหนำซ้ำแม่ของแฟนยังชวนให้เราไปงานแต่งอีกต่างหาก เราก็บอกว่าขอได้ยินเสียงแฟนสักครั้ง เสียงแฟนเรานิ่งมากและบอกว่าทำใมต้องรอเค้าด้วย และตอนนี้เค้าก็รักแฟนใหม่ของเค้ามาก เราได้แต่ร้องไห้ฟูมฟายในสายโทรศัพท์แต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้ จนแฟนเราวางสายไป เราก็ร้องไห้มากอยากคร่าตัวตาย เหมือนทุกๆอย่างพังลงต่อหน้า เราไม่น่าจะเจอเรื่องแบบนี้เลยเราบอกกับตัวเองทุกครั้ง เหมือนเราเป็นหมาหัวเน่ามาก สิ้นหวังกับทุกๆอย่าง เป็นแบบนี้เป็นเดือน
จนตั้งสติได้ระดับนึง เรากลับมาย้อนคิดดูว่าคนที่อยู่ข้างๆเรามาตลอดนั้นคือ เอก ใช่แล้วคนที่เรารักคือ เอก เราพยายามตามหา เอก อยู่หลายเดือนแต่ก็ไม่พบ เพราะว่าเอกเองก็ปิดเฟซไปแล้วด้วย โดยถามจากเพื่อนสนิทเรา ซึ่งก็เป็นเพื่อนของเค้าด้วย แต่ดูเหมือนโชคร้ายนั่นก็คือ เอกได้พบกับเพื่อนสนิทเราโดยบังเอิญและแจกการ์ดแต่งงานของเอกกับแฟนเอก อีกทั้งเอกยังให้เบอร์โทรใหม่เค้ากับเพื่อนสนิทเรา เราก็ได้เบอร์มาและโทรหาเค้า ณ จุดๆนั้นรู้สึกเสียใจมากกว่าการตัดสินใจอะไรหลายอย่างของเราไป เพื่อให้คำถามหลายๆอย่างที่ติดอยู่ในใจมันกระจ่าง เราเลยโทรไปจนได้รู้ว่า เค้าก็รักเรามากๆ แม้เราจะมีแฟน เค้าก็คอย แต่สิ่งที่เราทำกับเค้านั้นมันก็ทำให้เค้าเสียใจมากๆ เราก็บอกรักเค้าตอนนี้มันก็สายไปแล้ว เอกเคยไปหาเราที่บ้านหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยเจอเราเลย อาจเป็นเพราะเราย้ายบ้านด้วย จนเอกมีแฟนที่เข้ามาในชีวิตของเอก จนสุดท้ายทั้งสองคนเค้าก็จะแต่งงานกัน
เราเล่าเรื่องทั้งหมดนี้เพราะอยากให้ทุกคนคิดหน้าคิดหลังจริงๆ แต่ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนเป็นแบบนี้นะคะ ดีๆก็มีเยอะคะ แค่อยากบอกว่ารอใครคนนึงแบบหลับหูหลับตา ลองมองคนข้างๆด้วย คนที่อยู่เคียงข้างเราตลอด คนที่ทำให้เรามีความสุขจริงๆ คนๆนั้นอาจจะเป็นคู่ชีวิตที่อยู่กับเราตลอดไปก็ได้
ขอแชร์ประสบการณ์ รอแฟนมา 7 ปี สุดท้าย...เค้าก็ไม่กลับมา
สวัสดีคะ วันนี้เราก็อยากแชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เผื่อที่จะมีสติไตร่ตรองอะไรให้รอบคอบก่อนตัดสินใจอะไรบางอย่างไป
เรากับแฟนนั้นเรียนมหาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน ซึ่งมหาลัยเราเป็นมหาลัยรัฐอยู่ทางภาคอีสาน แฟนเป็นคนในจังหวัดที่มหาลัยตั้งอยู่ ส่วนเราเป็นคนกรุงเทพที่ได้มาเรียนที่นี่ตั้งแต่ ม.1 เรื่องราวทั้งหมดเนิ่มจากการเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ ปี 1 จนเมื่อช่วงใกล้ปี 2 เราตัดสินใจคบกันเป็นแฟน โดยที่เราและแฟนเราต่างก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อน เราคิดว่าเราจะให้คนนี้เป็นคนแรกและคนสุดท้ายในชีวิตของเรา แต่แล้วแค่เริ่มต้นก็ดีมากดูแลเอาใจใส่ดี แต่ของขวัญวันครบรอบคบ วันเกิดเรา วันวาเลนไทน์ ไม่เคยจะมีให้เลย และบางปีก็ลืมวันเกิดเรา แต่วันเกิดของแฟนเราเราหาของขวัญที่ดีที่สุดให้เค้าเสมอ อีกทำทำด้วยมือ แต่เค้าไม่ค่อยสนใจของๆเราเลย ยิ่งนานๆเข้าเหมือนกับการเอาใจใส่มันดูแย่ลงจากครั้งแรกที่คบกันมาก หลายๆครั้งถอดใจ ถึงแม้ที่บ้านฝั่งแฟนจะรู้จักเราเคยพาไปเจอ ดูเหมือนว่าทางบ้านนั้นจะไม่ชอบเรา ชอบแขวะเรา อาจเพราะเราดูเป็นสาวห้าวด้วยหรือเปล่าหรือเพราะเราจนไปก็ไม่ทราบ สิ่งที่ทำให้คิดคือทางบ้านแฟนค่อยมีมีฐานะ และแฟนชอบบอกกับพ่อแม่เค้าเกี่ยวกับฐานะทางบ้านเรา
จนแล้วจนรอดก็คบกันมาถึงปี 4 แต่ช่วงปีสุดท้ายเค้ากลับทำดีกับเรามาก เอาใจใส่เราดีขึ้นมาก จนแล้วไม่อยากจากกันไปใหนเลยจริงๆ สุดท้ายเมื่อเรียนจบแล้ว เราจำเป็นต้องกลับบ้านที่กรุงเทพ กลับบ้านไปที่จะทำงาน เพราะสายงานเราที่แถบมหาลัยเราแทบไม่มีตำแหน่งเลยหรือมี ก็เคยไปสัมภาษณ์งานสองสามที่แต่เค้าไม่รับเราเข้าทำงาน รองานมาสามเดือน ก็ไปเที่ยวกับแฟนบ้าง แต่ท้ายสุดจริงๆเราจำเป็นต้องกลับมาหางานที่กรุงเทพ มาทำงานได้สามเดือน แฟนโทรมาหาแค่ครั้งเดียวคือ วันแรกที่มากรุงเทพ หลังจากนั้นแฟนไม่โทรมาเลย เราลองโทรกลับไปหาเค้า เค้าก็ไม่รับสาย โทรไปแม่เค้า แม่เค้าก็พูดปัดๆบอกว่าสบายดีไม่ต้องเป็นห่วง เราบอกว่าอย่างน้อยขอขึ้นไปหาได้มั้ย ทางบ้านนั้นบอกว่าไม่ต้องมา คือลูกเค้าสบายดีไม่เป็นไร ถึงตรงนี้เราว่าชักแปลกๆแล้ว บ้านนี้ชักแปลกๆละ
พอเวลาผ่านไป 5 เดือนได้ข่าวมาจากเพื่อนของแฟน ถึงได้รู้ว่าแฟนไปบวชในวัดป่า โดยทางที่บ้านแฟนปิดไม่ให้เรารู้อะไรทั้งนั้น ตั้งแต่เค้าเริ่มบวชเรายังไม่รู้เลยจริงๆ นี่เราเป็นแฟนเค้านะไม่ใช่ใครที่ใหนทำใมเราถึงไม่รู้เรื่องนี้ เราเลยตัดสินใจที่จะโทรถามแม่เค้าในเรื่องนี้แม่เค้าบอกว่าลูกของเค้าจะสึกในอีก 4 เดือนข้างหน้า เราก็ค่อยโล่งใจหน่อยที่อย่างน้อยก็รู้ว่าแฟนเราสึก
ในช่วงนี้เราก็มีคนเข้ามาคุยคนนึงเคยเป็นคนที่เคยมาชอบเราตอนอยู่มหาลัย สมมุติให้ว่าชื่อ "เอก" ตั้งแต่ช่วงเข้ามหาลัยคุยกันได้ครึ่งปีเค้าก็หายไป ช่วงนั้นเรามีแฟนอยู่แล้ว เราก็คุยกับคนนี้ตามประสาเพื่อนจริงๆ ที่เจอเฟซบุ๊คกันได้ก็เพราะว่าขึ้นชื่อจริงคนๆนั้น เป็นเพื่อนของเพื่อนเรา พอเราแอดไปเค้าก็รับแอดและพูดคุยกันก็ได้ทราบว่คนๆนี้ไม่ได้ทำงานอยู่กรุงเทพ เค้าทำงานอยู่ที่แถบภาคตะวันออก เราเลยคุยแค่โทรศัพท์กับเฟซกัน พูดกันตามประสาเพื่อนจริงๆ ไม่มีอะไรเกินกว่านั้น
มีครั้งนึงเราป่วยหนักจนเข้าโรงพยาบาลไปนอน 4 วัน และช่วงนั้นทางบ้านเราไม่มีใครอยู่เนื่องจากทำงานอยู่ที่ต่างประเทศกัน เพื่อนเราก็ไม่มีเลยเนื่องจากว่าไปใช้ชีวิตที่ภาคอีสานตั้งแต่ยังเด็ก นาย เอก เค้าได้ข่าวจากเพื่อนสนิทของเรา เราไม่รู้ว่าเอกเค้าคิดยังไงที่ตัดสินใจลางานมาเฝ้าเราที่โรงพยาบาลตั้งแต่คืนแรกเลย เราก็เกรงใจจริงๆอีกอย่างเราแทบจะตกใจจริงๆไม่คิดว่าคนนี้จะมาเฝ้าเรา คนนี้ไม่เคยจะแตะตัวเราแม้แต่นิดเดียว นอนเฝ้าเราทั้งวันทั้งคินแต่ก็ดีที่เอาโน้ตบุ๊คมาทำงานไปด้วย พอออกจากโรงพยาบาลเค้าก็ไปส่งเราที่บ้าน เค้าไม่เข้ามาเลย รออยู่หน้าบ้าน เอกแค่บอกว่าลองเปิดบ้านดูถ้าทุกอย่างโอเคแล้วเค้าจะเดินทางกลับ และเค้าก็เดินทางกลับทันที
ต่อมาเป็นช่วงที่แฟนเราจะสึกออกมาละ เราเลยโทรไปถามแม่ของแฟนเราว่าแฟนเราจะสึกแล้วใช่มั้ย ปรากฎว่าแม่เค้าบอกว่า ไม่มีกำหนดสึก แล้วบอกให้เราไม่ต้องดิ้นรนอะไร มีแฟนก็มีแฟนใหม่ไปได้เลย เราร้องไห้มากๆก็มีแต่ เอก ที่เราไประบายให้เค้าฟัง เค้าก็บอกว่า"ถ้ารักมากขนาดนี้รอไปก็ได้ ลองถามใจตัวเองดูว่าต้องการอะไร อะไรมันคือความสุขของเธอ" ตอนนั้นเราไม่คิดอะไรจริงๆกับเอก แค่เพื่อนเหมือนเดิม เค้าชอบส่งของฝากมาให้เสมอๆ เค้าไม่มาหาเราหรอกเพราะเค้าบอกว่าเรามีแฟนอยู่มันจะไม่เหมาะสมจริงๆ จนกระทั่งใกล้วันลอยกระทงเข้ามาเราก็รู้สึกแย่มากภาพอดีตกับแฟนเก่ามันมาตอกย้ำความรู้สึกเรา เราไม่อยากไปลอยกระทงด้วยซ้ำ พอถึงวันลอยกระทงจริงๆปรากฎว่า เอกมาหาเราที่หน้าบ้านพร้อมกับเพื่อนสนิทเราที่เป็นผู้หญิง มาชวนเราไปลอยกระทงเรารู้สึกดีขึ้นมากจริงๆแต่ก็ยังไม่ลืมแฟนเก่าจริงๆนั้นแหละ และทุกๆวันเกิดเราวันวาเลนไทน์เค้าก็มีของมาให้เราเสมอ
แต่ถึงอย่างนั้นสถานะเราก็เป็นแค่เพื่อนกัน เพราะเราก็ยังรักแฟนเราอยู่
วันเวลาผ่านไปไวมาก 5 ปี แล้วตั้งแต่เราไม่เคยเจอหน้าแฟนหรือได้ยินแม้แต่เสียง อยู่ดีๆความรู้สึกที่มีต่อแฟนก็ขึ้นมา เราเริ่มห่างเหินกับเอกที่เป็นเพื่อนกันมาตลอด แม้จะคุยทุกวัน จนวันนึงเราก็พูดกับเอกมาว่า "เราจะรอแฟนเราไปจนตาย เค้าคือคนแรกและคนสุดท้ายของเรา เราก็สามารถทำให้ตัวเองพิการได้ ถ้าแฟนเราลับมาหาเราได้ เราก็ยอม" เอกก็บอกว่าก็เข้าใจ ช่วงนี้ก็ดูแลตัวเองด้วยอย่าคิดสั้นอะไรไป เพราะทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่คิดหรอก เราก็สวนเขาไปว่า "สัส ทำไรไปก็ไม่ได้เท่าเศษเสี้ยวของแฟนกุหรอก อีกอย่างนี่ชีวิตกรุไม่เข้าใจหรอก" เรายอมรับว่าตอนนั้นเราอารมณ์ขึ้นจริงๆถึงพูดแบบนี้ไป อีกทั้งเราบล็อกทุกอย่างของเอกไป จนขาดการติดต่อกันไปเลย ถ้าย้อนกลับไปคิดเราว่าเราเสียใจมากๆ เอ เค้าจำทุกอย่างที่เราชอบไม่ชอบได้แทบทุกอย่าง จำอะไรได้หมด และเอาใจใส่เรามาก และจุดนี้ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนตลอดไป
พอเข้าสู่ปีที่ 7 ที่ไม่เจอกับแฟน เราก็เพิ่งได้รับข่าวดีว่าแฟนเราสึกมาแล้ว แต่ที่เจ็บปวดคือ แฟนเราสึกมาได้ 1 ปีกว่า ตอนสึกออกมาไม่เคยจะบอกเราเราเสียใจมากๆ อีกทั้งแฟนเรายังไปมีแฟนใหม่และทางที่บ้านแฟนเราก็จะให้สองคนนี้แต่งงานกันในเดือนหน้าอีก มิหนำซ้ำแม่ของแฟนยังชวนให้เราไปงานแต่งอีกต่างหาก เราก็บอกว่าขอได้ยินเสียงแฟนสักครั้ง เสียงแฟนเรานิ่งมากและบอกว่าทำใมต้องรอเค้าด้วย และตอนนี้เค้าก็รักแฟนใหม่ของเค้ามาก เราได้แต่ร้องไห้ฟูมฟายในสายโทรศัพท์แต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้ จนแฟนเราวางสายไป เราก็ร้องไห้มากอยากคร่าตัวตาย เหมือนทุกๆอย่างพังลงต่อหน้า เราไม่น่าจะเจอเรื่องแบบนี้เลยเราบอกกับตัวเองทุกครั้ง เหมือนเราเป็นหมาหัวเน่ามาก สิ้นหวังกับทุกๆอย่าง เป็นแบบนี้เป็นเดือน
จนตั้งสติได้ระดับนึง เรากลับมาย้อนคิดดูว่าคนที่อยู่ข้างๆเรามาตลอดนั้นคือ เอก ใช่แล้วคนที่เรารักคือ เอก เราพยายามตามหา เอก อยู่หลายเดือนแต่ก็ไม่พบ เพราะว่าเอกเองก็ปิดเฟซไปแล้วด้วย โดยถามจากเพื่อนสนิทเรา ซึ่งก็เป็นเพื่อนของเค้าด้วย แต่ดูเหมือนโชคร้ายนั่นก็คือ เอกได้พบกับเพื่อนสนิทเราโดยบังเอิญและแจกการ์ดแต่งงานของเอกกับแฟนเอก อีกทั้งเอกยังให้เบอร์โทรใหม่เค้ากับเพื่อนสนิทเรา เราก็ได้เบอร์มาและโทรหาเค้า ณ จุดๆนั้นรู้สึกเสียใจมากกว่าการตัดสินใจอะไรหลายอย่างของเราไป เพื่อให้คำถามหลายๆอย่างที่ติดอยู่ในใจมันกระจ่าง เราเลยโทรไปจนได้รู้ว่า เค้าก็รักเรามากๆ แม้เราจะมีแฟน เค้าก็คอย แต่สิ่งที่เราทำกับเค้านั้นมันก็ทำให้เค้าเสียใจมากๆ เราก็บอกรักเค้าตอนนี้มันก็สายไปแล้ว เอกเคยไปหาเราที่บ้านหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยเจอเราเลย อาจเป็นเพราะเราย้ายบ้านด้วย จนเอกมีแฟนที่เข้ามาในชีวิตของเอก จนสุดท้ายทั้งสองคนเค้าก็จะแต่งงานกัน
เราเล่าเรื่องทั้งหมดนี้เพราะอยากให้ทุกคนคิดหน้าคิดหลังจริงๆ แต่ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนเป็นแบบนี้นะคะ ดีๆก็มีเยอะคะ แค่อยากบอกว่ารอใครคนนึงแบบหลับหูหลับตา ลองมองคนข้างๆด้วย คนที่อยู่เคียงข้างเราตลอด คนที่ทำให้เรามีความสุขจริงๆ คนๆนั้นอาจจะเป็นคู่ชีวิตที่อยู่กับเราตลอดไปก็ได้