คุณภาพการรักษาของโรงพยาบาลเปาโลฯ สะพานควาย สิทธิประกันสังคม

ภรรยาผมมีสิทธิรักษาพยาบาลด้วยประกันสังคม ที่โรงพยาบาลเปาโลฯ สะพานควาย นานๆจะได้ไปใช้บริการที่โรงพยาบาลนี้ อยากจะเล่าว่าค่อนข้างผิดหวังกับโรงพยาบาลเอกชนรายนี้เป็นอย่างมาก จะเล่าเป็นเคสไป ดังนี้
1. เคสนี้ 1 ปี ได้แล้วมั้ง ตอนกลางคืน ภรรยาเคืองตา ล้างน้ำ กรอกตาในน้ำก็แล้ว ก็ยังไม่หาย วันรุ่งขึ้น ย้ำนะครับ วันรุ่งขึ้น เลยพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลเปาโลฯที่มีสิทธิอยู่ ขึ้นไปชั้นที่มีแผนกโรคตา ไปบอกอาการที่เคาเตอร์หน้าห้อง บอกใช้สิทธิประกันสังคม พยาบาลเคาเตอร์มันบอกว่า คิวไม่ว่าง ต้องรอช่วงบ่ายหรือพรุ่งนี้ แล้วให้ไปที่ตึกประกันสังคมด้านหลังโรงพยาบาล ผมลองมองเข้าไปในห้องรอตรวจ มีคนไข้อยู่ประมาณ 3-4 คน ขี้เกียจพูดมาก เลยลงมาที่ตึกประกันสังคม เชื่อเลยว่า ห่วยจริง บรรยากาศต่างกันลิบลับกับตึกใหญ่(เสียเงิน) คนแน่น เก้าอี้นั่งรอก็ไม่พอ ยืนกันสลอน รอเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงคิว พอได้เข้าตรวจ หมอถามๆๆๆ จับดูตานิดหน่อย ไม่ได้ปลิ้นเปลือกตา แล้วก็บอกว่าอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ไม่มี เลยให้พยาบาลไปล้างตาให้ ล้าง 2-3 รอบก็ยังไม่หาย มันยังเคืองตาอยู่ข้างใน พยาบาลก็พูดทำนองว่า ทำยังไงดี ล้างแล้วก็ไม่หาย ภรรยาผมก็เลยบอกว่า คุณก็ต้องหาวิธีรักษาสิ พยาบาลเลยไปคุยกับหมอที่รักษาเมื่อสักครู่ หมอเลยส่งตัวไปที่แผนกโรคตาตึกใหญ่ ไปยื่นที่เคาเตอร์เดิมเมื่อเช้า รอรอบบ่าย (ไปตั้งแต่แรก ถ้ารับตอนนั้นก็จบ) ตอนที่ไปยื่นเอกสารส่งตัวก่อนเที่ยง เลยไปหาข้าวกินและนั่งรอตรวจเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงบ่าย พอเข้าไปรอที่ห้องตรวจ มีคิวอยู่ประมาณ 3-5 คน (ถามหน่อยครับ รักษาตานี่ช่วงเช้าคุณรักษาต่อคนไข้หนึ่งคนนี่เป็นชั่วโมงเลยเหรอ) พอถึงคิวภรรยาผม เข้าไป หมอให้ยื่นหน้าที่เครื่องส่องตา แล้วหมอก็ปลิ้นเปลือกตาบน ใช้คีบ คีบปลีกแมลงออกมา พอเอาออก หายเคืองตาทันที (เชื่อไหมครับ ใช้เวลาแป๊ปเดียวที่ตรวจแล้วเอกปีกแมลงออกจากตา ใช้เวลาทั้งวันอยู่โรงพยาบาล ปีกแมลงชิ้นเดียว) ผมเลยตั้งข้อสังเกตว่า โรงพยาบาลนี้ จะผลักผู้ป่วยประกันสังคมไปรักษาที่ตึกประกันสังคมที่เครื่องมือแพทย์ก็ไม่มีสักห้อง และรอตรวจกันเป็นชั่วโมง คือตรวจอย่างเดียวไม่มีเครื่องมือรักษา และก็ให้ยาไปกิน ถ้าลองจ่ายเงินสดเองสิ รับอย่างเร็ว

2. เมื่อวันศุกร์ที่ 5 กันยายน 2557 ภรรยามีอาการบ้านหมุนมา 2-3 วันแล้ว เลยตัดสินใจไปโรงพยาบาลเปาโล สะพานควาย ใช้สิทธิประกันสังคมเหมือนเดิม ไปตอน 9 โมง คราวนี้ไปตึกประกันสังคม คนเยอะเหมือนเดิม ยืนรอเหมือนเดิมเพราะไม่มีเก้าอี้นั่ง ยืนรอตั้งแต่ คัดกรอง ตรวจวัดความดัน และไปรอตรวจ ขอบอกว่ารอนานมาก เป็นชั่วโมงได้ กว่าจะถึงคิวตรวจ พอถึงคิว เข้าไปในห้องตรวจ ภรรยาก็เล่าอาการบ้านหมุนอย่างละเอียดให้หมอฟัง หมอก็ถามว่าทำอะไรถึงหมุน ภรรยาก็บอกว่า จะเป็นตอนนอน ล้มตัวลงนอนปุ๊ปหมุนปั๊ป ยืน นั่ง ปกติไม่เป็นอะไร แต่นอนไม่ได้ หมอมันบอกว่าให้หลีกเลี่ยงท่าทางที่ทำให้เกิดอาการบ้านหมุน (ทำไงวะ ก็บอกว่ามันเป็นตอนนอน จะไม่ให้นอนหรือไง คนมันต้องนอนอยู่แล้ว และเวลานอนก็ต้องหันตะแคงซ้าย ขวา หงาย ไม่มีใครนอนท่าเดียวทั้งคืนหรอก พูดมาได้บอกให้หลีกเลี่ยงท่าทางที่ทำให้เกิดอาการ) และหมอก็พูดพึมพำ พูดไม่รู้เรื่อง ไม่บอกวิธีรักษา และที่สำคัญไม่บอกสาเหตุเกิดจากอะไร (มันวินิจฉัยโรคยังไงวะ) ตรวจแค่นั้นภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 นาที แล้วก็จัดยาให้ ก็เอาใบสั่งยาไปยื่นที่แผนกยา ได้ยาแก้เวียนหัว และก็ยาบำรุงร่างกาย 2 ตัวยาแค่นั้น (เสียเวลามาครึ่งวัน ได้ยาบำรุงกับยาแก้เวียนหัว แถมไม่รู้สาเหตุและวิธีรักษา และกินยาไปก็ยังไม่หาย ก็ยังเป็นอยู่เป็นระยะๆ ถ้ารู้ว่าได้แค่ยา 2 ตัวนี้มา ซื้อยาร้านขายยาแถวบ้านก็พอแล้ว ไม่เสียเวลามาหรอก) ผมตั้งข้อสังเกตว่า หมอที่แผนกประกันสังคมโรงพยาบาลนี้ ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่เก่ง รักษาตามอาการอย่างเดียว ไม่คิดจะส่งตัวคนไข้ไปตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากสาเหตุใด ทำแบบนี้ไม่สมกับการเป็นหมอ แล้วหมอที่ตรวจชื่อ นพ.สิทธิชัย ก่อวาณิชกุล

ใจจริงอยากจะเปลี่ยนโรงพยาบาลที่ใช้สิทธิประกันสังคม แต่ปัญหาคือ โรงพยาบาลที่รับสิทธิประกันสังคม แถวบ้านมันเต็มหมด ทั้งโรงพยาบาลราชวิถี พระมงกุฎ รามา มีเอกชนรายเดียวคือเปาโลฯ นอกนั้นที่ยังว่างก็ไกลมาก เดินทางทีเป็นชั่วโมง นี่คือความเหลื่อมล้ำในการใช้สิทธิประกันสังคม หมอก็ไม่มีจรรยาบรรณในความเป็นหมอ ควรจะรักษาคนไข้ทุกคนที่ไปรับการรักษาให้หาย ควรหาสาเหตุการป่วยให้เจอ ไม่ใช่วินิจฉัยลวกๆ แล้วก็ให้ยาไปกิน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่