ระหว่าง กิน กับ ทา แบบไหนช่วยเรื่องผิวมากกว่ากันหรือคะ (มีประสบการณ์เกี่ยวกับการกินมาแชร์)

เริ่มสงสัยขึ้นมาเพราะปกติเราเป็นคนไม่ดูแลผิวเลยค่ะ เป็นคนผิวขาว แต่มันจะขาวแบบไม่มีน้ำมีนวล ผิวหยาบๆ แห้งๆ ครีมก็ซื้อมาแล้วทาแค่ตอนซื้อ จากนั้นก็วางลืม จะได้ทาปีละครั้งเท่านั้น เป็นคนไม่ดูแลตัวเองสุดๆ

ทีนี้พอย้ายที่ทำงานใหม่ เราไปอยู่ในย่านที่มีของกินเยอะ ซื้อน้ำปั่นกินบ่อย พวกที่เอาไปปั่นก็มีมะม่วง เสาวรส ส้ม สตรอเบอร์รี่ กล้วย โยเกิร์ต กินประมาณอาทิตย์ละสองแก้ว ซึ่งแก้วนึงจะใส่ผลไม้ลงไปสองสามชิ้น ปริมาณไม่มาก แต่กินเป็นประจำ

ประมาณเดือนที่4 จู่ๆ สภาพผิวตัวเองดีขึ้น แก้มเริ่มมีสีชมพู เลยคิดว่าน้ำปั่นน่าจะเป็นสาเหตุ เพราะปกติเราไม่กินผลไม้ ไม่ดูแลตัวเอง ไม่หลบแดดอีกต่างหาก - -" ก็เลยพยายามกินต่อไปทั้งๆ ที่เริ่มเบื่อน้ำปั่นแล้ว

ตอนนี้ก็กินติดต่อมาประมาณ 11เดือน สภาพผิวหน้าดีกว่าเดิมมากๆ แก้มชมพูเลือดฝาด ส่วนแขนขาจะโดนแดดบ่อย ผิวเลยจะหยาบกว่าแต่ก็มองเห็นได้ว่าใสขึ้น

ความเห็นส่วนตัวเราคือ การกินเข้าไปแบบไม่ต้องแปรรูป ผลไม้ถูกๆ นี่แหละ ดีสุดแล้วใช่ไหมคะ วิตามินยังครบอยู่ด้วย ข้อเสียคือเห็นผลช้ามาก อย่างของเรากว่าจะเริ่มเห็นผลก็สี่เดือน แต่ข้อดีคือพอผิวเริ่มใสแล้วมันก็ใสต่อไปเรื่อยๆ ทั้งที่บางทีเราขี้เกียจ หยุดกินไปสองสามอาทิตย์ผิวก็ไม่ได้หมองลงเลย เหมือนว่ามันอยู่ในร่างกายเราแล้ว ก็จะไม่ได้สูญเสียไปง่ายๆ

แต่เรื่องการกินทั้งหมดนี่เราเอาจากประสบการณ์ตัวเราคนเดียว จึงไม่แน่ใจว่าถูกต้องมั้ย เพราะสภาพร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน
เลยมาขอตั้งกระทู้เป็นประโยคคำถามเพื่อรอคำตอบจากผู้รู้ค่ะ แบบว่าสงสัยจนอยากได้คำอธิบายแบบวิทยาศาสตร์ด้วย 55+

ปล. ถ้าเป็นวิธีที่ถูก จะได้เป็นการแชร์ให้คนอื่นได้ลองด้วย เพราะเราคิดว่าผลไม้สดๆ ยังไงก็ปลอดภัยกว่าวิตามินอัดเม็ดค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่