ตอนที่1 วางแผนเที่ยว
http://ppantip.com/topic/32544402
ตอนที่2 1st day of trip
http://ppantip.com/topic/32544496
ตอนที่3 2nd day of trip
http://ppantip.com/topic/32605780
วันที่3 เที่ยวใน Georgetown
ด้วยความที่หมดสภาพจากเมื่อวานนี้ ตื่นได้เช้าสุดก็ประมาณเกือบ 7 โมง แต่ฟ้าที่นี่ยังไม่สว่างดี เลยล้างหน้าล้างตาไปพลางๆ กับที่พักมีบริการชา กาแฟฟรีตลอด 24 ชม. แถมเรามีคุ๊กกี้ติดตัวอยู่ ก็รองท้องไว้ก่อน ก่อนจะแพลนกลับมากินมื้อเช้าช่วงสายๆ จะไปเดินเล่นริมทะเลก่อน เพราะกลัวแดดแรงๆจะถ่ายภาพไม่สวย กินอะไรรองท้องเรียบร้อย เกือบๆ8โมงก็ออกไปเดินเล่น ไม่ไกลจากที่พัก เช่น โบสถ์เซนต์ฟรานซิส, Fort cornwallis, หอนาฬิกา ซักประมาณ 9โมง พิพิธภัณฑ์ก็เปิดทำการ เลยได้เข้าชมพิพิธภัณฑ์รัฐปีนัง ที่บอกเล่าเรื่องราว ประวัติของเมืองนี้ รวมถึงการอาศัยอยู่ของคนหลากหลายเชื้อชาติ และช่วงที่มีชาติตะวันตกเข้ามาด้วย ค่าเข้าชม คนละ 1 RM เอง จ่ายได้สบายๆ เดินรอบๆพิพิธภัณฑ์แล้ว ก็ได้เวลากลับที่พักเตรียมเก็บของ check out และทานข้าวเช้าที่ทางที่พักจัดให้ อาหารเช้าที่นี่ ไม่ได้จัดเป็น American breakfast ให้ แต่เป็นข้าวห่อๆ กับข้าวเหมือนปลาทูผัดพริกแกง คนไทยกินก็ไม่ค่อยมีปัญหาหรอก แต่ฝรั่งที่มาพักถึงกับทำหน้างงๆ และกินไปแค่ 2-3คำ แล้วก็ยกไปคืน แล้วบอกว่า "It's spicy."
The church of Assumtion
Museum & Art gallery
หอนาฬิกายามเช้า
Fort Cornwallis
อิ่มท้องแล้ว ก็พร้อมเที่ยวต่อ แต่เราขอฝากกระเป๋ากับที่พักแล้วกลับมาเอาตอนเย็นๆตามเดิม ที่แรก ที่จะไปถ่ายรูป คือ Cheong Fatt Tze Mansion หรือ Blue mansion เดินทะลุถนน Muntri ไปนิดเดียวก็ถึง แต่ที่ที่2 ที่จะไปกันเนี่ยซิ วัดพระนอนของไทยเราเนี่ยแหละ ถามชื่อเต็มๆ "วัดไชยมังคลาราม" คนไม่ค่อยรู้จัก แต่ถ้าบอกว่า Sleeping buddha คนที่นี่เค้ารู้จักกัน ตอนแรกได้ข้อมูลมาว่าวัดตั้งอยู่บนถนน Burmar มีวัดพม่าตั้งอยู่ติดๆกัน คิดว่าเดินไม่ไกลมาก เพราะเห็นว่าถนน Burmar ในแผนที่ก็แค่เนี่ย แต่เข้าใจผิดอย่างแรง แนะนำให้ขึ้นรถเมล์เลยจ้า สาย 101 จากท่ารถ Weld Quay เหมือนเดิม ไม่ต้องเดินไกลให้เมื่อย เพราะจริงๆวัดอยู่บน Lorong Burmar เป็นคล้ายๆซอยตัดระหว่างถนน Burmar และ ถนน Kelawei (เชื่อมต่อมาจากถนน Sultan Ahmad Shah) แต่ถ้าเดิน ให้เดินไปตามถนน Sultan Ahmad Shah น่าใกล้กว่า แต่นั่งรถก็สบายเท้า แถมราคาก็แค่ 1.4RM เท่านั้น
พระพุทธรูปในวัดพม่า
พระพุทธไสยาสน์ ในวัดไทย
พอเยี่ยมชมวัดไทย และพม่าเรียบร้อยก็ต้องเดินหาป้ายรถเมล์กันหน่อย เพราะถนนเป็นวัน-เวย์ ขากลับนั่ง 103 เพราะจะไปลงKomtar แล้วเดินเล่น ถ่ายรูปตามกำแพง ผนังไปเรื่อยๆ จนครบ ก็ยังเหลือเวลา ก่อนจะนั่งเรือ ไปขึ้นรถไฟที่Butterworth เลยนั่ง shuttle bus หรือ CAT ที่เป็นรถฟรีเล่นชมเมืองอีกรอบ รถจะวิ่งจาก Weld Quay ไปถึง Komtar และวนกลับ ใช้เวลาแค่ประมาณ 40นาที-1ชม.เอง ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะ ดังนั้นจริงๆแล้ว เราไม่ต้องเดินเยอะแยะเหมือนทริปนี่ก็ได้ อาศัย CAT เอา แต่ต้องรู้นิดนึงว่าป้ายไหนใกล้อะไร ส่วนทริปนี้จบตบท้ายที่ปีนัง ด้วยการลงรถเมล์ ที่ป้าย Fort cornwallis อีกครั้ง เพราะตอนเช้าในตัวป้อมยังไม่เปิดให้เข้าชม แต่น่าจะเปิดช่วง 9.00 ถึง 19.00น. ค่าเข้าชมก็ไม่แพงนะ แค่ 2RMเท่านั้น ผลาญเวลา จนควรแก่เวลาไปเอากระเป๋า ก็กลับไปที่ที่พัก หอบหิ้วกระเป๋าไปท่าเรือ ไปห้องน้ำก็เพิ่งทราบว่าเค้ามีห้องให้อาบน้ำด้วย เสร็จเราเลย แต่มีแค่ห้องเดียวนะ ต้องรีบอาบหน่อย เนื่องจากดูเวลาขึ้นรถไฟผิดไป แถมต้องรอรอบเรือเฟอร์รี่อีก 20 นาที ทำให้ความเหลือแหล่ เป็นความฉิวเฉียดไปเลย พอไปถึงฝั่ง ก็วิ่งเลยค่ะ ถึงสถานีรถไฟพอดีเวลาเป๊ะ แต่เจ้าหน้าที่รถไฟบอกไม่ต้องรีบ รถไฟจะออกช้า ครึ่งชม. เหอะๆ อุตส่าห์วิ่งซะ แต่นะ ยังดีมาถึงก็สบายใจแล้ว ขึ้นรถไฟแล้วก็จบภารกิจวันนี้จ้า
ตอนที่ 5 วันที่4ของการเดินทาง
http://ppantip.com/topic/32624254/
ทริปฉุกเฉิน "แบบอยากเที่ยวต่างประเทศราคาถูก" @ กัวลาลัมเปอร์+ปีนัง ตอนที่4 (3rd day of trip)
ตอนที่2 1st day of trip http://ppantip.com/topic/32544496
ตอนที่3 2nd day of trip http://ppantip.com/topic/32605780
วันที่3 เที่ยวใน Georgetown
ด้วยความที่หมดสภาพจากเมื่อวานนี้ ตื่นได้เช้าสุดก็ประมาณเกือบ 7 โมง แต่ฟ้าที่นี่ยังไม่สว่างดี เลยล้างหน้าล้างตาไปพลางๆ กับที่พักมีบริการชา กาแฟฟรีตลอด 24 ชม. แถมเรามีคุ๊กกี้ติดตัวอยู่ ก็รองท้องไว้ก่อน ก่อนจะแพลนกลับมากินมื้อเช้าช่วงสายๆ จะไปเดินเล่นริมทะเลก่อน เพราะกลัวแดดแรงๆจะถ่ายภาพไม่สวย กินอะไรรองท้องเรียบร้อย เกือบๆ8โมงก็ออกไปเดินเล่น ไม่ไกลจากที่พัก เช่น โบสถ์เซนต์ฟรานซิส, Fort cornwallis, หอนาฬิกา ซักประมาณ 9โมง พิพิธภัณฑ์ก็เปิดทำการ เลยได้เข้าชมพิพิธภัณฑ์รัฐปีนัง ที่บอกเล่าเรื่องราว ประวัติของเมืองนี้ รวมถึงการอาศัยอยู่ของคนหลากหลายเชื้อชาติ และช่วงที่มีชาติตะวันตกเข้ามาด้วย ค่าเข้าชม คนละ 1 RM เอง จ่ายได้สบายๆ เดินรอบๆพิพิธภัณฑ์แล้ว ก็ได้เวลากลับที่พักเตรียมเก็บของ check out และทานข้าวเช้าที่ทางที่พักจัดให้ อาหารเช้าที่นี่ ไม่ได้จัดเป็น American breakfast ให้ แต่เป็นข้าวห่อๆ กับข้าวเหมือนปลาทูผัดพริกแกง คนไทยกินก็ไม่ค่อยมีปัญหาหรอก แต่ฝรั่งที่มาพักถึงกับทำหน้างงๆ และกินไปแค่ 2-3คำ แล้วก็ยกไปคืน แล้วบอกว่า "It's spicy."
The church of Assumtion
Museum & Art gallery
หอนาฬิกายามเช้า
Fort Cornwallis
อิ่มท้องแล้ว ก็พร้อมเที่ยวต่อ แต่เราขอฝากกระเป๋ากับที่พักแล้วกลับมาเอาตอนเย็นๆตามเดิม ที่แรก ที่จะไปถ่ายรูป คือ Cheong Fatt Tze Mansion หรือ Blue mansion เดินทะลุถนน Muntri ไปนิดเดียวก็ถึง แต่ที่ที่2 ที่จะไปกันเนี่ยซิ วัดพระนอนของไทยเราเนี่ยแหละ ถามชื่อเต็มๆ "วัดไชยมังคลาราม" คนไม่ค่อยรู้จัก แต่ถ้าบอกว่า Sleeping buddha คนที่นี่เค้ารู้จักกัน ตอนแรกได้ข้อมูลมาว่าวัดตั้งอยู่บนถนน Burmar มีวัดพม่าตั้งอยู่ติดๆกัน คิดว่าเดินไม่ไกลมาก เพราะเห็นว่าถนน Burmar ในแผนที่ก็แค่เนี่ย แต่เข้าใจผิดอย่างแรง แนะนำให้ขึ้นรถเมล์เลยจ้า สาย 101 จากท่ารถ Weld Quay เหมือนเดิม ไม่ต้องเดินไกลให้เมื่อย เพราะจริงๆวัดอยู่บน Lorong Burmar เป็นคล้ายๆซอยตัดระหว่างถนน Burmar และ ถนน Kelawei (เชื่อมต่อมาจากถนน Sultan Ahmad Shah) แต่ถ้าเดิน ให้เดินไปตามถนน Sultan Ahmad Shah น่าใกล้กว่า แต่นั่งรถก็สบายเท้า แถมราคาก็แค่ 1.4RM เท่านั้น
พระพุทธรูปในวัดพม่า
พระพุทธไสยาสน์ ในวัดไทย
พอเยี่ยมชมวัดไทย และพม่าเรียบร้อยก็ต้องเดินหาป้ายรถเมล์กันหน่อย เพราะถนนเป็นวัน-เวย์ ขากลับนั่ง 103 เพราะจะไปลงKomtar แล้วเดินเล่น ถ่ายรูปตามกำแพง ผนังไปเรื่อยๆ จนครบ ก็ยังเหลือเวลา ก่อนจะนั่งเรือ ไปขึ้นรถไฟที่Butterworth เลยนั่ง shuttle bus หรือ CAT ที่เป็นรถฟรีเล่นชมเมืองอีกรอบ รถจะวิ่งจาก Weld Quay ไปถึง Komtar และวนกลับ ใช้เวลาแค่ประมาณ 40นาที-1ชม.เอง ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะ ดังนั้นจริงๆแล้ว เราไม่ต้องเดินเยอะแยะเหมือนทริปนี่ก็ได้ อาศัย CAT เอา แต่ต้องรู้นิดนึงว่าป้ายไหนใกล้อะไร ส่วนทริปนี้จบตบท้ายที่ปีนัง ด้วยการลงรถเมล์ ที่ป้าย Fort cornwallis อีกครั้ง เพราะตอนเช้าในตัวป้อมยังไม่เปิดให้เข้าชม แต่น่าจะเปิดช่วง 9.00 ถึง 19.00น. ค่าเข้าชมก็ไม่แพงนะ แค่ 2RMเท่านั้น ผลาญเวลา จนควรแก่เวลาไปเอากระเป๋า ก็กลับไปที่ที่พัก หอบหิ้วกระเป๋าไปท่าเรือ ไปห้องน้ำก็เพิ่งทราบว่าเค้ามีห้องให้อาบน้ำด้วย เสร็จเราเลย แต่มีแค่ห้องเดียวนะ ต้องรีบอาบหน่อย เนื่องจากดูเวลาขึ้นรถไฟผิดไป แถมต้องรอรอบเรือเฟอร์รี่อีก 20 นาที ทำให้ความเหลือแหล่ เป็นความฉิวเฉียดไปเลย พอไปถึงฝั่ง ก็วิ่งเลยค่ะ ถึงสถานีรถไฟพอดีเวลาเป๊ะ แต่เจ้าหน้าที่รถไฟบอกไม่ต้องรีบ รถไฟจะออกช้า ครึ่งชม. เหอะๆ อุตส่าห์วิ่งซะ แต่นะ ยังดีมาถึงก็สบายใจแล้ว ขึ้นรถไฟแล้วก็จบภารกิจวันนี้จ้า
ตอนที่ 5 วันที่4ของการเดินทาง http://ppantip.com/topic/32624254/