ก่อนหน้านี้ อ่านรีวิวคนอื่นไปเที่ยวกัน เราก็อยากจะไปเที่ยวบ้าง มีความฝันว่า สักครั้งหนึ่งต้องไปให้ได้ ก็เลยเริ่มเก็บเงินซะ จริงๆก็เป็นติ่งด้วย แต่ว่าทริปนี้ไม่มีตามรอยซีรี่ย์ไรงี้นะ หลังจากเก็บเงินมาเกือบปี ทริปเกาหลีในฝันก็เริ่มขึ้นค่ะ

โดยเริ่มแรก โชคดีของโชคดี มีโปรไปเกาหลีของ TAAX ในราคาย่อมเยาว์ เรียกว่า ประหยัดเงินไปได้เยอะมากจริงๆ
โดยเราจองตั๋วไป-กลับ วันที่ 11 กันยายน ถึง 17 กันยายน รวมเป็นเวลา 7 วัน 6 คืน ทั้งเลือกที่นั่ง ซื้ออาหาร แล้วก็รวมถึงซื้อนน.กระเป๋าด้วย จ่ายไปในราคาสุทธิแล้ว 6937 บาทถ้วน



หลังจากจองตั๋วเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มหาที่พักค่ะ แต่เพราะว่าไปคนเดียว จะจองเป็นห้องก็จะแพงเกินไป ก็เลยมองหาที่พักที่เป็นนอนรวม ในราคาที่ย่อมเยา มองๆหาอยู่หลายที่ ก็มาตกลงปลงใจกับที่ 24 Guesthouse Hongdae ในราคา 25000 won ต่อ 1 คืน คิดเป็นเงินไทยราคาโดยประมาณ 790 บาทต่อคืนค่ะ ส่งเมล์ไปคอนเฟริม์อะไรให้เรียบร้อย ก็นิ่งนอนใจไปค่ะ มีตั๋วไปแล้ว ที่พักให้ซุกหัวนอนก็มีแล้ว..

Website ที่พักค่ะ : http://hongdae.24guesthouse.co.kr

และแล้วววววววว... ก็มาถึงวันบิน ซึ่งไม่ได้ขึ้นเครื่องบินมาเป็น 10 ปี และไม่เค๊ยยยย ไม่เคยบินไปไหนคนเดียวมาก่อน

มาถึงสนามบินดอนเมือง 6 โมงเช้า โดยที่ Check-in มาจากที่บ้าน พร้อมปริ๊นใบมาเรียบร้อย ก็เริ่มความเอ๋อตั้งแต่ตอนนั้นเลยค่ะ ไม่รู้ค่ะว่า เคาเตอร์เชคอินเนี่ย มันแยกกัน คิดว่าอันไหนเป็น Air Asia เชคอินได้หมดแหละ แล้วก็ถามเพื่อนว่า เห้ย เราต้องไปไหนอะ เราเชคอินมาแล้วนะเห้ยย เพื่อนก็ แกต้องไป drop bag นะ เราเห็นปั๊บบบ ก็ไปต่อแถวเลยค่ะ ไม่ได้ดูเลยว่า จริงๆตัวเองต้องเข้าช่องไหน พอถึงคิวตัวเอง ยื่นกระดาษที่ปริ๊นไปให้ พนง.ก็บอกเลยค่ะ ว่าต้องไปอีก เคาเตอร์นะค่ะ ก็เดินหาไปค่ะ ว่าเคาเตอร์ที่แท้จริงของเรานั้นอยู่ที่ใด สรุปเราก็ได้ส่งกระเป๋าขึ้นเครื่องอย่างปลอดภัย

**ขอแนะนำให้ Check-in ไปจากที่บ้านค่ะ เรียกว่า ประหยัดเวลาได้เยอะมากจริงๆ ถ้าเทียบกับต้องไปต่อแถว เพราะว่าคนค่อนข้างเยอะ เอาเวลาไปยืนต่อแถวผ่านตม.ดีกว่า

เนื่องจากอยู่ข้างนอก ก้ไม่ได้ทำอะไรค่ะ ก็เลยเข้า Gate ไป คือต้องเข้าอันไหนไม่รู้แหละ แต่มีให้เข้าก้เข้าไปเลยค่ะ พอเข้าไปปุ๊บ จะเจอประชากร อย่างมากมายมหาศาลล้านแปดรอท่านอยู่ ก้เลือกสักแถว ถ้าไปคนเดียว หรือ ไปเอง ก็อย่าลืมขอใบตรวจคนเข้า-ออกเมือง(เรียกยังไงไม่รู้) แล้วก็เขียนข้อมูลให้เรียบร้อยค่ะ รอขึ้นเครื่อง







อาหารบนเครื่อง เราสั่งเป็น ข้าวกะเพราไก่สูตรหม่อมหลวงหน่อย ก็จะมีข้าว เค้กกล้วยหอม น้ำส้ม แล้วก็น้ำเปล่ามาให้ค่ะ



พอมาถึงสนามบินก็ลงจากเครื่องมารอขึ้น Shuttle Train ค่ะ ก็จะพาเราไปหาตม. ที่เขาว่าโหดมากมาย ซึ่งส่วนตัวก็คิดว่า ไม่มีอะไรนะ ไม่ได้ดูใจร้ายอะไรอะ เจอคนแถวข้างๆเป็นผู้หญิงสะพายเป้เล็กๆ แต่ในมือถือเบียร์มา 6 กระป๋องด้วย นางเท่มากจริงๆ



ก่อนลงจากเครื่อง ถ้าไปคนอื่น หรือ ไปเอง อย่าลืมขอใบตรวจคนเข้าเมือง (เรียกแบบนี้รึเปล่า) จะมีให้มา 2 ใบ กรอกให้เรียบร้อยซะ ตามนี้โล้ดดด





รายละเอียดเพิ่มเติมเข้าไปหาอ่านได้ที่นี่ : http://seoulcafe2013.blogspot.com/2013/06/blog-post_27.html

หลังจากผ่านตม.มาเรียบร้อยสิ่งที่ต้องทำคือ ตามหาบัตร T-money และไปรับ Pocket-wifi ค่ะ เราจองและจ่ายเงิน Pocket-wifi ไว้ตั้งแต่อยู่ที่ไทย เพราะงั้นไปรับอย่างเดียว แต่ว่าไม่ค่อยแนะนำของยี่ห้อนี้เท่าไหร่ รู้สึกว่าสัญญาณไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ที่สนามบินจะมีเคาเตอร์ของ LG U+ กับ Olleh ตั้งอยู่มากมายค่ะ ไม่ต้องกลัวหาไม่เจอเลย หลังจากรับ Pocket-wifi เรียบร้อยแล้ว เราก็ไปตามหาบัตร T-money ค่ะ

พอเห็น 7-11 เราก้รีบเข้าไปหาพนง.เลย ว่ามีบัตรขายมั้ย ปรากฏว่าาา พนง.บอกว่า บัตรหมด เราก็งงแล้ว บัตรหมดแล้วเราทำยังไงอะ มีที่ไหนขายอีก คิดว่าที่สนามบินต้องมีบูทของ T-money แน่ๆเลย เราเดินหา จากฝั่งนึงไปอีกฝั่งนึง หายังไงก็หาไม่เจอสักที ลากกระเป๋าไปมาอยู่นี่แหละ จนสุดท้ายก็ไปหา information ว่า เนี่ยจะไปที่นี่แหละ จะนั่งรถไฟใต้ดินไป แต่เราหาซื้อบัตร T-money ไม่ได้อะ ทำไงดี 7-11 เขาบอกว่า บัตรหมด เราซื้อที่ไหนได้อีก เขาก็ชี้ไปที่ GS25 ค่ะ เป็นร้านสะดวกซื้ออีกแบรนด์นึง ก็เลยได้บัตร T-money มาพร้อมเติมเงินมาด้วย แต่ที่เจ็บใจกว่านั้นนคือ กำลังเดินกลับไปที่ขึ้นรถไฟใต้ดิน เจอ GS25 อีก 1 ที่ และใกล้กว่า เดินผ่านไปผ่านมา โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด แต่.. มันยังไม่จบแค่นั้นนน พอลงมาข้างล่างค่ะ เจอ 7-11 ใหญ่อีก 1 ที่ และทางเข้ามีที่ซื้อตั๋วค่ะ

อืม... เราจะเดินหาทำไมตั้งนานนะ

ทางเลือกเข้าเมืองมีหลายทางมากมาย รถไฟจะแบ่งเป็น 2 อย่างคือ แบบแวะทุกสถานนี กับ ตรงดิ่งไปที่ Seoul Station เลยค่ะ เราเลือกที่จะไปแบบแวะทุกสถานนี เพราะประหยัดกว่า ลงที่สถานนี Hongik Univ ตามหาที่พัก ระหว่างที่ตามหาที่พัก เราก็ได้เจอกับคุณป้าคนนึง กะลังเดินหา ลากกระเป๋าๆ แกร๊ก แกร๊ก
คุณป้าก้เรียกค่ะ เหมือนจะคิดว่าเราเป็นคนเกาหลี เขามาคุยรัวเกาหลีใส่เบาๆ ได้แต่ทำหน้างงๆ แล้วสุดท้ายก็บอกเขาไปว่า ไม่ใช่คนเกาหลีนะตัวเอง เราก็คิดว่า ป้าแกจะแยกทางกับเราค่ะ แบบคิดว่า แค่มาทักทายคนเดินมาทางเดียวกัน แต่พอเราข้ามถนน ป้าก็ข้ามมากับเราด้วยค่ะ สรุปมาส่งถึงที่พักกันเลยแหละ จุดนี้ประทับใจมากจริงๆ

เราก็เข้าไปเชคอิน จ่ายเงินเรียบร้อย พาเข้าไปดูที่นอน มีล๊อคเกอร์และที่เก็บรองเท้าให้ค่ะ แล้วเราก็รีบออกมาดู Nanta Cookin' Show เดินทางไปที่มยองดงกัน ด้วยความที่รีบ ก็เลยอดถ่ายรูปกับคุณป้าคนนั้นเลย เพราะเหลือเวลาอีก 1 ชม.ก่อนที่จะถึงเวลาโชว์

จองตั๋วล่วงหน้า แล้วก็เลือก Discount จ่ายเงิน แล้วเราก็ไปรับบัตรที่หน้าเคาเตอร์ได้เลยค่ะ เราเลือก Discount  เป็นคอมเม้นใน FB จาก 60000 won เหลือ 48000 won เลือกที่นั่งได้ตรงกลางด้วย คุ้มสุดๆ เขาก็จะขอดูค่ะ พอดูเรียบร้อยแล้วก็ยื่นบัตรให้ พร้อมเข้าไปดูการแสดงแล้วว ใช้เวลาแสดง 90 นาที



Nanta Cookin' Website : http://nanta.i-pmc.co.kr/Nanta/en/ticket/ticketing.aspx

ออกจาก Nanta Theatre มาก็หิวเลยค่ะ เนื่องจากมาสาย ก็เลยไม่มีเวลาหาอะไรกินก่อน ออกมาก็ดึกแล้ว ก็มีแต่ร้านข้างทาง และ 7-11นี่แหละ ที่จะช่วยชีวิตเราได้

นมกล้วยราคา 1300 won


ขนมปังหน้าไข่ (เขาว่าขึ้นชื่อ ก็ลองสักหน่อย) ราคา 1500 won มีหลายร้าน และ ราคาไม่เท่ากัน มีตั้งแต่ 1500-2000 won



ตอนที่ดู Nanta show เสร็จเป็นเวลา สามทุ่มเกือบสี่ทุ่มของเกาหลีแล้ว แต่ยังครึกครื้นมากมายอยู่ค่ะ





ร้านที่มยองดงส่วนใหญ่แล้วจะปิดตอน ห้าทุ่ม และร้านข้างทางจะเริ่มเก็บของตอนห้าทุ่มกว่าๆค่ะ

กินอิ่มแล้ว ของก็มาสำรวจราคาเอาไว้ก่อน... แล้วก็กลับที่พักได้ จบวันแรกด้วยประการฉะนี้

คำแนะนำ: ควรโหลด App ชื่อว่า Jihachul เอาไว้ มีทั้ง Android และ iOS
แอพนี้จะให้เราเลือกสถานนีที่เราขึ้นและสถานนีปลายทาง แล้วจะมีบอกเวลาที่รถไฟจะมา แล้วก็บอกอีกว่า ถ้าต้องเปลี่ยนสาย เปลี่ยนที่สถานนีไหนค่ะ



ปล. ไม่เคยตั้งกระทู้ ไม่เคยเขียนรีวิว ไม่เคยทำอะไรเลย ถ้าผิดพลาดตรงไหนอะไรยังไง แนะนำกันด้วยเนอะ :]