ช่วงเวลาดีๆ ที่ได้เป็นครู

ตั้งกระทู้นี้ไม่มีคำถามอะไรมาถามพวกท่านหรอกครับ เพียงแค่เหงาๆ อยากระบายความรู้สึกแก้เครียดบ้าง เพราะ 2-3 วันที่ผ่านมาร้องไห้มาเรื่อยๆ ไม่รู้เมื่อไรจะรู้สึกดีขึ้น

จขกท. เคยทำงานเป็นครูพิเศษครับ สอนเด็กนักเรียนในโรงเรียนทหารและมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง แต่จู่ๆ เส้นทางชีวิตก็นำพาให้ต้องหางานประจำ พอได้งานประจำเป็นนักวิชาการศึกษาในมหาวิทยาลัยอีกแห่งก็ต้องจำใจลาจากสถานที่ที่ผูกพันมา 7 ปีและที่สำคัญก็ต้องลาจากลูกศิษย์ที่รักทุกคน ตอนนี้ผมร้องไห้มา 2-3 วันแล้วครับ เพื่อไม่ให้ตัวเองเครียดเกินไปเลยระบายความรู้สึกในเฟซบุ๊ค นอกจากนี้เลยเอามาระบายในพันทิพด้วย ไม่รู้จะมีใครอยากอ่านหรือเปล่านะ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"ช่วงเวลาดีๆ ที่ได้เป็นครู"
September 18, 2014 at 10:00pm

แล้วก็มาถึงวันนี้จนได้ วันที่เรามีความรู้สึกหลายอย่างระคนกัน ใจหนึ่งก็ดีใจที่ได้งานประจำทำเสียที แม้จะเป็นการจ้างภายใต้สัญญาที่จำกัดช่วงเวลา แต่ก็ทำให้เรามีรายได้ทุกเดือน แต่อีกใจหนึ่งก็เศร้ามากเพราะคิดถึงอาชีพที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาทำ แต่ก็ทำและหลงรักไปเรียบร้อยแล้ว

ย้อนไปตอนเด็กๆ เราเป็นเด็กขี้เกียจ เหลวไหลมาก การบ้านไม่ทำ หนังสือไม่อ่าน ทำให้สอบตกและถูกครูทำโทษอยู่บ่อยๆ บางครั้งครูนำเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อ เลยรู้สึกรำคาญคนเป็นครู และคิดว่าชีวิตนี้จะไม่ขอทำอาชีพนี้อีก

จนในที่สุดก็ได้เข้ามาทำ ตอนปี 2550 ตอนแรกก็เข้ามาแบบไม่คาดหวังอะไร คิดว่าทำเพื่อให้มีรายได้ส่งตัวเองเรียนต่อ เราทำงาน จ-ศ ส่วน เสาร์-อาทิตย์ ก็ไปเรียน ตั้งใจว่าเรียนจบเมื่อไรคงได้หางานใหม่ตามสาขาวิชาที่ตัวเองจบมา แต่ทำไปได้ไม่กี่เดือนก็สนุก ผูกพันและหลงรักอาชีพนี้ไปโดยไม่รู้ตัว เพราะมีโอกาสได้ถ่ายทอดความรู้ที่มีให้คนอื่น เราได้เจอทั้งเด็กช่างที่ใฝ่ฝันว่าอยากพูดภาษาอังกฤษให้เก่งๆ, เด็กที่อยากเก่งภาษาอังกฤษเพราะอยากสอนแฟนทำการบ้านได้, เด็กที่ไม่เต็มใจเข้ามาเรียนแต่พ่อแม่บังคับให้มา, เด็กมีปัญหานั่นนี่สารพัด, เด็กถูกพักการเรียนเพราะปัญหาเรื่องยาเสพติด, เด็กโดดเรียนคาบของเราออกไปเล่นการพนัน-เล่นยา, ท้องในวัยเรียน, เด็กเสียชีวิต ฯลฯ เจอปัญหาปวดหัวก็ต้องหาทางแก้ พอเราเรียนจบก็หันไปเรียนต่อให้ตรงกับสาขาวิชาที่ตัวเองสอนอยู่ ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ช่วงหลังๆ เจออุปสรรคอยู่เนืองๆ กับการจ้างงานและรายได้ เพราะเราเป็นแค่ครูพิเศษไม่ใช่ข้าราชการ ทางหน่วยงานเลยเพ่งเล็งกับการใช้เงินที่การจ้างเราทุกเดือนๆ แต่ก็อยู่รอดมาได้ตลอดเพราะความช่วยเหลือของผู้หลักผู้ใหญ่ในแผนก

ไม่ทันไรเวลาก็ผ่านไปเจ็ดปี เรารู้สึกได้ถึงสถานการณ์ทางการเงินที่ไม่มั่นคง และภาวะต่างๆ ที่บีบคั้นให้ต้องหาทางรอด เลยจำใจต้องมองหาลู่ทางเพื่อให้ได้รายได้เสริม จนมีโอกาสได้เข้าไปสอนในมหาวิทยาลัยด้วยความช่วยเหลือของพี่สาวใจดีที่คอยฝักดันและให้โอกาส ไม่ว่าจะสอนที่ไหนก็สนุกกับงานสอนอยู่เสมอ แต่กระนั้นความไม่มั่นคงก็คอยบีบคั้นให้ต้องหางานประจำให้ได้ ในที่สุดเลยลองไปสอบที่นั้นที่นี่และก็ได้งานที่หนึ่ง

ดูละม้ายคล้ายจะน่าดีใจ แต่อีกใจก็ใจหาย เพราะเจ็ดปีที่ผ่านมากับอาชีพครูก็ถึงจุดสิ้นสุด งานที่ได้ใหม่ยังคงข้องเกี่ยวกับการศึกษาและการอบรมภาษาอังกฤษ แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานสอนแล้วละ เป็นงานวางแผนโครงการ การอบรม การทำวิจัยเสียมากกว่า แน่นอนว่า อดไม่ได้แน่ๆ ที่จะต้องคิดถึงบรรยากาศเดิม ทั้งในโรงเรียนและในมหาวิทยาลัย ทั้งเพื่อนครูและลูกศิษย์ที่เคยเจอ

ขอบคุณอะไรๆ ที่ผลักดันให้เข้ามาทำอาชีพนี้, ขอบคุณพี่ๆ น้องๆ เพื่อนร่วมงานที่คอยให้กำลังใจ และขอบคุณหัวหน้าทุกท่านที่คอยช่วยเหลือกันมาตลอด แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีปัญหา มีความไม่เข้าใจกันเกิดขึ้นบ้าง, ขอบคุณเด็กๆ ที่คนที่เคยสอน ทั้งที่โรงเรียนและมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นศิษย์เก่าที่เคยเรียนกับครู หรือศิษย์ปัจจุบัน ไม่รู้สอนไปกี่ร้อยกี่พันคนแล้ว ครูอาจจำชื่อหรือจำหน้าพวกคุณไม่ได้ทุกคน แต่ยืนยันว่าครูรักพวกคุณทุกคนครับ ถ้าต้องการความช่วยเหลือก็ขอให้บอกนะครับ

และขอบคุณที่โลกนี้มีอาชีพครู อาชีพที่น่าแสนจู้จี้ ขี้บ่น และน่ารำคาญ แต่ก็ทำให้สุขใจและน้ำตาไหลทุกครั้งที่ได้นึกถึง (ขณะที่เขียนนี่ก็น้ำตาไหลอีกแล้ว)

ชีวิตเราคงต้องก้าวต่อไป ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะได้กลับมาทำอาชีพนี้อีกไหม

เฮ้อ ... รักอาชีพนี้นะครับ ขอให้ได้กลับมาทำอาชีพนี้อีกเถอะนะ เพี้ยง!!


--------------------------------------------------------

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- เราเข้ามาทำงานครั้งแรกในปี 2550 วันแรกที่เข้ามาทำงานได้สอนเด็กดื้อมาก พอออกจากห้องสอนวันนั้นก็กุมขมับ พร้อมกับมานั่งหน้าคอม เปิดเว็บเตรียมหางานใหม่
- ปกติเป็นคนพูดเสียงเบา พูดค่อยๆ พอได้มาทำอาชีพนี้ก็กลายเป็นคนพูดเสียงดังจนเพื่อนต้องบอกว่าพูดเบาๆ ก็ได้ เพราะเวลาคุยกันในร้านอาหาร โต๊ะข้างๆ หันมามองหมด นอกจากนั้นยังกลายเป็นคนด่าเก่งขึ้น ปากจัด ขี้บ่น ฯลฯ
- ตอนมาทำงานใหม่ๆ ควบคุมห้องไม่ได้ ผอ.กองฝึกช่วงนั้น ท่านมาเดินตรวจแล้วเห็นเด็กนั่งหลับในห้องเรียนก็เรียกเราไปเตือนว่าอย่าปล่อยให้เด็กหลับสิ !!
- ตอนแรกผมหงอกไม่ค่อยมี สอนหนังสือไปเจ็ดปี นี่ราวกับทำไฮไลท์มาเลย
- ระหว่างทำงานที่โรงเรียนก็ได้ทำงานบนอาคารที่ขึ้นชื่อว่าบรรยากาศน่ากลัวมากๆ ครั้งหนึ่งหลังจากสอนภาคค่ำเสร็จประมาณสองทุ่มก็เก็บข้าวเก็บของกลับบ้าน พอออกจากห้องปุ๊บก็ถึงกับสะดุ้งเพราะเห็นคนอีกคนอยู่ห่างออกไป พอมองดูให้ดีก็พบว่านี่มันเงาของเราเองนี่หว่า (- -") สรุปว่าตัวเองไม่เคยเจอผีบนตึกนี้ แต่คนที่เจอกลับเป็นนักเรียนสองคนที่เจอผีขณะเข้าห้องน้ำ รายหนึ่งวิ่งออกมาจากห้องน้ำทั้งๆ ที่ยังใส่บอกเซอร์อยู่ด้วยความตกใจ อีกรายเป็นเด็กผู้หญิง ตกใจจนร้องไห้ อาจารย์อีกท่านเลยปลอบว่าให้ไปทำบุญให้เขาแล้วกัน
-------------------------------------------------------------------------------

ขอบคุณที่อ่านความรู้สึกของครูขี้แยอย่างผมนะครับ เมื่อเช้าไปทำงานนั่งรถเมล์ผ่านโรงเรียนที่เคยสอนก็น้ำตาไหลอยู่บนรถเมล์นั่นละ ไม่รู้เมื่อไรจะเข้มแข็งขึ้นเสียทีนะ เฮ้อ ...

ใครพอจะมีข้อความให้กำลังใจผมก็พิมพ์มาได้เลยครับ ยินดีมากๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่