http://www.visalo.org/QA/index.htm
https://th-th.facebook.com/visalo
ปุจฉา
กราบนมัสการครับ ท่านพระอาจารย์ไพศาล ผมมีงานประจำเกี่ยวกับทางด้านเทคโนโลยี่ซึ่งบางอย่าง
และหลาย ๆ ด้านมีความตรงกันข้ามกับงานอนุรักษ์ต่าง ๆ ที่ผมได้เข้าไปมีส่วนร่วม อาทิเช่น green peace และชมรมอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับมลภาวะของโลก
บ่อยครั้งผมมีความหดหูใจและท้อแท้ใจต่อสิ่งต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ และความรู้สึกนั้นยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณจนเกิดเป็นทุกข์
มีความรู้สึกเกลียดเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน มัวแต่หาความสุขไปวัน ๆ โดยไม่สนใจที่จะร่วมแก้ปัญหา
ทราบว่าท่านเคยเป็น NGO เก่าก่อนที่จะมาครองสมณเพศ ผมกราบขอคำแนะนำด้วยครับว่าควรจะทำอย่างไร
พระส่วนใหญ่จะแนะนำให้ปล่อยวางครับ แต่ผมว่าไม่ถูกต้อง ถามคนรอบข้างก็บอกจะไปสนใจอะไรกับสิ่งต่าง ๆ มาก เพราะก็คงทำอะไรมากไม่ได้
วิสัชนา
มนุษย์ทุกคนไม่ว่าเป็นพระหรือฆราวาส ควรสำนึกในบุญคุณของธรรมชาติ หรืออย่างน้อยก็พึงมีความรับผิดชอบต่อธรรมชาติ
เมื่อเห็นธรรมชาติถูกทำลาย ก็ควรหาทางป้องกันและแก้ไข ขณะเดียวกันก็ควรดูแลให้เจริญงอกงาม
การทำเช่นนั้นถือว่าเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง ดังมีพุทธพจน์ว่า
“ชนเหล่าใดสร้างสวนปลูกป่า....บุญย่อมเจริญแก่ชนเหล่านั้น”
การดูแลและปกป้องธรรมชาติ ถือเป็นการบำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างหนึ่ง เป็นความดีที่พึงกระทำ
ขึ้นชื่อว่าความดีแล้ว พระพุทธองค์ทรงสอนว่าอย่าประมาทในความดีแม้เพียงเล็กน้อย เพราะความดีที่ทำแล้วไม่เกิดผล ย่อมไม่มี
ดังนั้นจึงขอให้คุณทำความดีดังกล่าวต่อไป อย่าท้อแท้
พึงตระหนักว่า การปล่อยวางนั้น ท่านหมายถึง “การทำจิต” ส่วน “การทำกิจ” นั้น ถ้าเป็นความดี ก็ควรทำไม่หยุด
พูดอีกอย่างคือ เมื่อทำดี ก็ควรทำเต็มที่ ด้วยใจที่ปล่อยวาง (คือปล่อยวางผล ผลจะออกมาอย่างไร ก็อย่าเพิ่งกังวล ขอให้ใส่ใจอยู่กับการกระทำนั้น ๆ)
ท่าทีที่ถูกต้องต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมของชาวพุทธ
http://www.visalo.org/QA/index.htm
https://th-th.facebook.com/visalo
ปุจฉา
กราบนมัสการครับ ท่านพระอาจารย์ไพศาล ผมมีงานประจำเกี่ยวกับทางด้านเทคโนโลยี่ซึ่งบางอย่าง
และหลาย ๆ ด้านมีความตรงกันข้ามกับงานอนุรักษ์ต่าง ๆ ที่ผมได้เข้าไปมีส่วนร่วม อาทิเช่น green peace และชมรมอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับมลภาวะของโลก
บ่อยครั้งผมมีความหดหูใจและท้อแท้ใจต่อสิ่งต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ และความรู้สึกนั้นยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณจนเกิดเป็นทุกข์
มีความรู้สึกเกลียดเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน มัวแต่หาความสุขไปวัน ๆ โดยไม่สนใจที่จะร่วมแก้ปัญหา
ทราบว่าท่านเคยเป็น NGO เก่าก่อนที่จะมาครองสมณเพศ ผมกราบขอคำแนะนำด้วยครับว่าควรจะทำอย่างไร
พระส่วนใหญ่จะแนะนำให้ปล่อยวางครับ แต่ผมว่าไม่ถูกต้อง ถามคนรอบข้างก็บอกจะไปสนใจอะไรกับสิ่งต่าง ๆ มาก เพราะก็คงทำอะไรมากไม่ได้
วิสัชนา
มนุษย์ทุกคนไม่ว่าเป็นพระหรือฆราวาส ควรสำนึกในบุญคุณของธรรมชาติ หรืออย่างน้อยก็พึงมีความรับผิดชอบต่อธรรมชาติ
เมื่อเห็นธรรมชาติถูกทำลาย ก็ควรหาทางป้องกันและแก้ไข ขณะเดียวกันก็ควรดูแลให้เจริญงอกงาม
การทำเช่นนั้นถือว่าเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง ดังมีพุทธพจน์ว่า
“ชนเหล่าใดสร้างสวนปลูกป่า....บุญย่อมเจริญแก่ชนเหล่านั้น”
การดูแลและปกป้องธรรมชาติ ถือเป็นการบำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างหนึ่ง เป็นความดีที่พึงกระทำ
ขึ้นชื่อว่าความดีแล้ว พระพุทธองค์ทรงสอนว่าอย่าประมาทในความดีแม้เพียงเล็กน้อย เพราะความดีที่ทำแล้วไม่เกิดผล ย่อมไม่มี
ดังนั้นจึงขอให้คุณทำความดีดังกล่าวต่อไป อย่าท้อแท้
พึงตระหนักว่า การปล่อยวางนั้น ท่านหมายถึง “การทำจิต” ส่วน “การทำกิจ” นั้น ถ้าเป็นความดี ก็ควรทำไม่หยุด
พูดอีกอย่างคือ เมื่อทำดี ก็ควรทำเต็มที่ ด้วยใจที่ปล่อยวาง (คือปล่อยวางผล ผลจะออกมาอย่างไร ก็อย่าเพิ่งกังวล ขอให้ใส่ใจอยู่กับการกระทำนั้น ๆ)