2 วันนี้มีข่าวที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์อยู่ 2 เรื่องที่เด่นๆคือ
1 เรื่องแบบเรียนประวัติศาสตร์ที่จะลบชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ออกให้หมด
2 เรื่องผู้บริหาร ม.ธรรมศาสตร์ จะยกเลิกการจัดงานรำลึก 6 ตุลา 19 โดยจะ
ให้จัดกิจกรรมบางส่วนรวมกับงานรำลึก 14 ตุลา 16
อ่านข่าวแล้วสังเวชพร้อมกับสมเพช พวกผู้บริหารการศึกษาไทยจริงๆ แม่มจะเอาใจกันไปถึงไหน
ประวัติศาสตร์คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในอดีต ซึ่งถูกบันทึกโดยคนยุคสมัยนั้น เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจ และเป็น
บทเรียนให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นอีก
ตั้งแต่รัฐประหาร 22 พ.ค สังเกตุได้ว่า หน่วยงานการศึกษาได้เชลียร์ คสช อย่างออกนอกหน้า เริ่มตั้งแต่
สมุดพกความดี (ซึ่งความจริงก็คือ สอนให้รู้จักโกหกตั้งแต่เด็ก คน here อะไรสามารถทำความดีได้ทุกวัน)
นี่ยังจะมาแก้แบบเรียนไม่ให้มีคำว่าทักษิณ แต่ที่ จขกท เห็นว่าเลวร้ายที่สุดยังคงเป็น การที่ไม่ยอมให้จัด
กิจกรรมรำลึก 6 ตุลา 19 โดยให้ไปรวมกับ งานรำลึก 14 ตุลา 16
เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 กับเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 เป็นคนละเหตุการณ์ นัยสำคัญก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง แล้วจะมา
จัดรวมกันได้อย่างไร ยิ่งมีคนพูดว่า วันสองวันนี้ใกล้กัน เลยมีความคิดจัดรวมกัน ถ้าอย่างนั้นอีกหน่อยก็จัดงาน
แรงงานแห่งชาติไปรวมกับงานพืชมงคล งานสงกรานต์ไปรวมกับงานเช็งเม้ง เพราะวันใกล้กันเหมือนกัน
ความจริงประวัติศาสตร์ ไม่ใช่สิ่งน่าอาย เกือบทุกประเทศล้วนผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาแล้วทั้งสิ้นไม่เว้นแม้แต่
ประเทศมหาอำนาจอย่าง สหรัฐอมริกา ก็ผ่านสงครามกลางเมืองถึง 4 ปี (ค.ศ 1861-1865)
อังกฤษ ประเทศที่มีระบอบกษัตริย์ที่แข็งแกร่งมาก แต่เชื่อหรือไม่ ว่าครั้งหนึ่งอังกฤษเคยปกครอง
ระบอบสาธารณะรัฐ และเกิดสงครามกลางเมืองถึง 3 ครั้ง ระหว่างฝ่ายนิยมกษัตริย์ กับ ฝ่ายรัฐสภา (ค.ศ 1642-1653)
เยอรมัน การเข่นฆ่าชาวยิว ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเผด็จการนาซี อด็อฟ ฮิตเล่อร์
ก็ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์อย่างตรงไปตรงมา และปัจจุบันนี้ คนเยอรมันก็ได้อาศัยบทเรียนนี้สร้างตัว
เองจนได้ชื่อว่ามีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป
ญี่ปุ่น ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก ก็เคยถูกบันทึกประวัติศาสตร์ความโหดเหี้ยมเมื่อคราว
บุกรุกเมือง หนานจิง (นานกิง) เมื่อปี ค.ศ 1937 โดยสังหาร ข่มขืน ชาวเมืองนานกิงอย่างอำมหิต
(กล่าวกันว่ามีคนตายประมาณ 3 แสนคนในเหตุการณ์ครั้งนั้น) ต่อมา ประมาณปี ค.ศ 2001-2005
ญี่ปุ่นมีความคิดบิดเบือนประวัติศาสตร์การรุกราน จีน กับ เกาหลี ผ่านแบบเรียนประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น
แต่ก็โดนทั้ง จีน และเกาหลี ประท้วงจนเหตุการณ์เกือบบานปลาย สุดท้ายญี่ปุ่นต้องยอมแก้ไขบทเรียนให้
ตรงกับประวัติศาสตร์ความเป็นจริง
สรุปได้ว่า ประเทศมหาอำนาจทุกประเทศก็ผ่านบทเรียนที่เจ็บปวดทางประวัติศาสตร์มาแล้วทั้งสิ้น
แต่ประเทศไทย กำลังจะบิดเบือนประวัติศาสตร์ โดยพวกที่ได้ชื่อว่ามีดีกรีระดับดอกเตอร์ เป็นครูบาอาจารย์
ที่มีประสบการณ์ในแวดวงการศึกษา เพียงเพื่อจะเอาใจผู้มีอำนาจ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้สังเวชประเทศไทยได้อย่างไร
ป.ล ไอ้พวกที่คิดจะบิดเบือนไม่รู้ แม่มโง่ หรือ งั่ง คิดว่าถ้าแก้ประวัติศาสตร์แล้ว เด็กก็จะเชื่อตามแบบเรียน
พวกมันไม่คิดว่า ตอนนี้ ในเน็ตสามารถหาข้อมูลได้ทุกเรื่องแล้ว มีประโยชน์อะไรกับการที่จะมาบิดเบือน
นี่อายถึงขั้นจะบิดเบือนประวัติศาสตร์เลยหรือครับ.........โอ้ พระเจ้า
1 เรื่องแบบเรียนประวัติศาสตร์ที่จะลบชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ออกให้หมด
2 เรื่องผู้บริหาร ม.ธรรมศาสตร์ จะยกเลิกการจัดงานรำลึก 6 ตุลา 19 โดยจะ
ให้จัดกิจกรรมบางส่วนรวมกับงานรำลึก 14 ตุลา 16
อ่านข่าวแล้วสังเวชพร้อมกับสมเพช พวกผู้บริหารการศึกษาไทยจริงๆ แม่มจะเอาใจกันไปถึงไหน
ประวัติศาสตร์คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในอดีต ซึ่งถูกบันทึกโดยคนยุคสมัยนั้น เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจ และเป็น
บทเรียนให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นอีก
ตั้งแต่รัฐประหาร 22 พ.ค สังเกตุได้ว่า หน่วยงานการศึกษาได้เชลียร์ คสช อย่างออกนอกหน้า เริ่มตั้งแต่
สมุดพกความดี (ซึ่งความจริงก็คือ สอนให้รู้จักโกหกตั้งแต่เด็ก คน here อะไรสามารถทำความดีได้ทุกวัน)
นี่ยังจะมาแก้แบบเรียนไม่ให้มีคำว่าทักษิณ แต่ที่ จขกท เห็นว่าเลวร้ายที่สุดยังคงเป็น การที่ไม่ยอมให้จัด
กิจกรรมรำลึก 6 ตุลา 19 โดยให้ไปรวมกับ งานรำลึก 14 ตุลา 16
เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 กับเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 เป็นคนละเหตุการณ์ นัยสำคัญก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง แล้วจะมา
จัดรวมกันได้อย่างไร ยิ่งมีคนพูดว่า วันสองวันนี้ใกล้กัน เลยมีความคิดจัดรวมกัน ถ้าอย่างนั้นอีกหน่อยก็จัดงาน
แรงงานแห่งชาติไปรวมกับงานพืชมงคล งานสงกรานต์ไปรวมกับงานเช็งเม้ง เพราะวันใกล้กันเหมือนกัน
ความจริงประวัติศาสตร์ ไม่ใช่สิ่งน่าอาย เกือบทุกประเทศล้วนผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาแล้วทั้งสิ้นไม่เว้นแม้แต่
ประเทศมหาอำนาจอย่าง สหรัฐอมริกา ก็ผ่านสงครามกลางเมืองถึง 4 ปี (ค.ศ 1861-1865)
อังกฤษ ประเทศที่มีระบอบกษัตริย์ที่แข็งแกร่งมาก แต่เชื่อหรือไม่ ว่าครั้งหนึ่งอังกฤษเคยปกครอง
ระบอบสาธารณะรัฐ และเกิดสงครามกลางเมืองถึง 3 ครั้ง ระหว่างฝ่ายนิยมกษัตริย์ กับ ฝ่ายรัฐสภา (ค.ศ 1642-1653)
เยอรมัน การเข่นฆ่าชาวยิว ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเผด็จการนาซี อด็อฟ ฮิตเล่อร์
ก็ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์อย่างตรงไปตรงมา และปัจจุบันนี้ คนเยอรมันก็ได้อาศัยบทเรียนนี้สร้างตัว
เองจนได้ชื่อว่ามีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป
ญี่ปุ่น ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก ก็เคยถูกบันทึกประวัติศาสตร์ความโหดเหี้ยมเมื่อคราว
บุกรุกเมือง หนานจิง (นานกิง) เมื่อปี ค.ศ 1937 โดยสังหาร ข่มขืน ชาวเมืองนานกิงอย่างอำมหิต
(กล่าวกันว่ามีคนตายประมาณ 3 แสนคนในเหตุการณ์ครั้งนั้น) ต่อมา ประมาณปี ค.ศ 2001-2005
ญี่ปุ่นมีความคิดบิดเบือนประวัติศาสตร์การรุกราน จีน กับ เกาหลี ผ่านแบบเรียนประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น
แต่ก็โดนทั้ง จีน และเกาหลี ประท้วงจนเหตุการณ์เกือบบานปลาย สุดท้ายญี่ปุ่นต้องยอมแก้ไขบทเรียนให้
ตรงกับประวัติศาสตร์ความเป็นจริง
สรุปได้ว่า ประเทศมหาอำนาจทุกประเทศก็ผ่านบทเรียนที่เจ็บปวดทางประวัติศาสตร์มาแล้วทั้งสิ้น
แต่ประเทศไทย กำลังจะบิดเบือนประวัติศาสตร์ โดยพวกที่ได้ชื่อว่ามีดีกรีระดับดอกเตอร์ เป็นครูบาอาจารย์
ที่มีประสบการณ์ในแวดวงการศึกษา เพียงเพื่อจะเอาใจผู้มีอำนาจ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้สังเวชประเทศไทยได้อย่างไร
ป.ล ไอ้พวกที่คิดจะบิดเบือนไม่รู้ แม่มโง่ หรือ งั่ง คิดว่าถ้าแก้ประวัติศาสตร์แล้ว เด็กก็จะเชื่อตามแบบเรียน
พวกมันไม่คิดว่า ตอนนี้ ในเน็ตสามารถหาข้อมูลได้ทุกเรื่องแล้ว มีประโยชน์อะไรกับการที่จะมาบิดเบือน