ชวนวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้หนัง "ตุ๊กแกรักแป้งมาก" ไม่ทำเงิน (สปอยด์บ้าง)

เราเพิ่งไปดู"ตุ๊กแกฯ" มาเมื่อวานนี่เอง ทั้งที่ตั้งใจจะไปดูตั้งแต่เข้าโรงใหม่ๆ แต่ธุระยุ่งมาก หาเวลาไม่ได้เลย
ติดตามกระแสในช่วงต้นพบว่าแผ่วจนน่าตกใจ และเพิ่งมากระเตื้องขึ้น(บ้าง)ในสัปดาห์หลังนี้

(ขอออกตัวก่อนว่า กระทู้นี้ค่อนข้างยาวทีเดียว แต่อยากจะเขียน หลังจากได้ดูผู้กำกับในคลิปที่ออกเจาะข่าวตื้น
หลังจากที่เราไปดูหนังมา และพยายามหาเหตุผลว่าทำไมเรื่องนี้ไม่ทำเงิน)


สาเหตุที่เราตั้งใจจะไปดูเรื่องนี้ มีดังนี้
1. เราชอบหนังยุทธเลิศ
ตลอด20ปี ที่ผ่านมา ตั้งแต่ โอเนกาทีฟ ที่เรารู้จักกัน - ยุทธเลิศ มีเรื่องราวมาเล่าให้เราฟังเสมอ
มือปืนโลกพระจัน, บุปผาราตรี, สายล่อฟ้า , รักสามเศร้า , หมาแก่อันตราย เราอาจไม่ได้ดูหนังเขาครบทุกเรื่อง
แต่เราชอบเรื่องหลากหลายที่เขานำเสนอ คงเหมือนที่เขาบอกใน"ตุ๊กแกฯ "ว่า ผู้กำกับหนังต้องมี "เรื่องจะเล่า.."

2. เราชอบน้องเก้า จิรายุ
ข้อนี้คงไม่ต้องอธิบาย ชอบไง ชอบ!

3. หนังมีเนื้อหาเกี่ยวกับอดีต มีฉากหลังเป็นยุคประมาณ '80
ไม่ว่าทฤษฎีโหยหาอดีตจะอธิบายไว้อย่างไร แต่ เราคนนึงล่ะ (ซึ่งเป็นเด็กในยุคนั้น)
เกิดความรู้สึกแรกคือ.  เฮ้ย! มันต้องโดนว่ะ

เมื่อหาเหตุผลได้ 3 ข้อแล้ว เราก็เฝ้ารอวันที่มีเวลาว่างปลีกตัวไปยังโรงหนัง ระหว่างนั้นข่าวคราวต่างๆ
เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ ก็มีให้เห็น ให้ได้ยิน ให้อ่าน เป็นระยะ
- ในรถไฟฟ้า BTS โฆษณาหนังทำให้หลายคนยิ้มมุมปาก หลายคนหัวเราะ ตอนที่เฮียปล่อยมุก
เราได้ยินคนคุยกัน "หนังไรวะแก น่าดูนะ" - "ไม่เห็นน่าดูเลย มีตุ๊กแกด้วย " /
"น้องแม็คน่ารักจังเลย ไปดูเรื่องนี้กัน"-"ไม่เอา มีผีด้วย เดี๋ยวน้องแม็คจะตายกลายเป็นผีตุ๊กแก มาตามหาแฟนตอนเด็ก"
- ใน FB ส่วนใหญ่กระแสทางบวก จากคนที่ดูมาแล้ว
- ใน Pantip มีกระทู้ตั้งถึงพอสมควร แต่เราไม่อ่านทู้ที่มีสปอยด์ กระแสจากหัวข้อกระทู้ช่วงหลังดีขึ้นพอสมควร

วันฤกษ์ดี ฝ่าฝนตอนเย็นและการจราจรไปถึงโรงหนัง
เห็นป้าย "ตุ๊กแกฯ" ลดราคา100บาท ทุกที่นั่ง! เอิ่ม แม้พยายามเข้าใจการตลาดแบบนี้ แต่ก็แอบเศร้านิดๆ
ผ่าน 2 ชม.เต็ม (รวมโฆษณาและหนังตัวอย่าง)
กลับมายังอึ้งๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สรุป : จากความเห็นส่วนตัวล้วนๆ
- หนังน่ารักจริง
- หนังโหยหาอดีตจริง
- หนังสะท้อนแรงบันดาลใจจริง
- หนังโคตรเหงา ถ้าจะมองดีๆว่า หนังเล่าจากมุมมองตุ๊กแก คนที่เติบโตมาอย่างไม่มีต้นทุน ความเหงาตรงนี้เราให้ผ่าน
แม้แต่ความโล่งเหงาของเมืองเชียงคาน เราก็เข้าใจได้

***ส่วนที่เราว่ามันไม่สุด คือพวกรอยต่อต่างๆ เช่น
-  ตุ๊กแกเรียนช่างศิลป์ เคยทำงานกองถ่ายเป็นคนตีสเลท เขียนการ์ตูนขายหัวเราะด้วย ทุกอย่างถูกเล่าแค่จากบทสนทนา
เราไม่อินตรงจุดนี้เลย  มันไม่เห็นมีตรงไหน ชี้ให้เห็นว่า ทำไมถึงคิดว่าตุ๊กแกจะกำกับหนังได้ (เคร เพราะตุ๊กแกมีเรื่องจะเล่าไง ยุทธเลิศกล่าวไว้ -
แต่มันง่ายที่จะเชื่อ และเอาใจช่วยตัวละคร ตุ๊กแกคือยุทธเลิศ ที่เรียนศิลป์ ไม่รู้จัก treatment ในตอนนั้น แล้วเป็นไง
ทุกวันนี้ยุทธเลิศก็กำกับหนังมาได้ตั้งเกือบ10 เรื่อง ในเวลา20 ปี )
- พี่โขม อยู่เคียงข้างตลอด เป็นตัวละครที่น่ารัก แต่พี่โขมเป็นใคร? ทำไมถึงรักและเชื่อมั่นในตุ๊กแกขนาดนั้น
- แป้ง ตอนเด็กแป้งบอกอยากเป็นดารา ตอนโตได้เป็นแบบฟลุ๊กๆ โด่งดังแบบถูกเขียนบทว่าดังข้ามคืน คือเราไม่เห็นอะไรตรงนั้น เราถูกกำหนดให้เชื่อแบบนั้น
ครอบครัวแป้งตอนโตไม่โอเค แป้งมีปม แต่ตอนนี้เราไม่รู้จักแป้งแล้ว แป้งเป็นใคร? เอะอะแป้งก็จะไปเรียนต่อชิคาโก
- ยาย เป็นอัลไซเมอร์  คือยังไง เป็น Gimmick งั้น ว่าตุ๊กแกก็ช่างจำนั่นนี่ เลยให้ยายลืมซะเลย โห... เศร้านะ  เก็บยายไว้สักคนเถอะ

สรุป( อีกครั้ง)
ยุทธเลิศ พาเราเข้าไปในเรื่องที่อยากเล่าของเค้า (ที่เราก็อยากฟัง) เรื่องของคนเล็กๆที่ทะเยอทะยาน บรรยากาศบางช่วง
แอบรู้สึกเหมือนหนังญี่ปุ่นที่ละมุนละไม(เช่นฉากเข็นรถริมโขง) บางครั้งก็พาเรากลับมาในบรรยากาศแบบไทย(เฮียปลา /ครูเป็นลมเห็นเลือด)
เราเสียดายบางช่วง ที่เพลงสกอร์ น่าจะช่วยดึงอารมณ์ได้มากกว่านี้ (เพลงประกอบดีงามแล้ว มาถูกที่ ตรึงใจ)
และอีกอย่างคือ ภาษาภาพยนตร์และการถ่ายภาพ ที่น่าจะช่วยในเรื่องเนื้อหาและชั้นเชิงได้มากกว่าแค่การใส่มาในบทพูด
( ส่วนงานออกแบบภาพ production designให้ผ่านหมด)

ส่วนปัจจัยที่ทำให้หลายคนไม่ตัดสินใจไปดู เราคิดว่า
1. หน้าหนัง - มันทำให้เดาทางไม่ออกจริงๆ ว่าจะเป็นหนังแนวรัก แนวผี แนวฮา ( อาจกลัวจะเป็นแนวแอ็บแตร็ครึป่าว
ก็ภาพในตัวอย่างที่มีกองถ่าย ในหนังอ่ะ เราว่ามีคนกลัวอันนี้นะ ว่ามันจะแอ็บแตร็ค เอ้า!จริงๆ)
2. กลุ่มเป้าหมาย - ในเจาะข่าวตื้น ยุทธเลิศย้ำว่า เป็นหนังวัยรุ่นตลกฮาแน่ - เราว่าไม่ใช่ละ
(เมื่อวานที่เราไปดู ในโรงมี 12 คน ผู้ใหญ่วัย 28-40 ประมาณ 6 คน วัยทำงานต้นๆ 1 คู่ นักศึกษา 1 คู่ แม่-ลูกวัยรุ่น 1 คู่
หนังฉายไปได้สัก 40 นาที คู่แม่- ลูก เดินออก และไม่กลับมาอีกเลย!)
3. ค่ายหนัง - ทรานฟอร์เมอร์ฟิล์ม โปรโมทมาในทีเซอร์ คือ?  อ่อ..คือค่ายใหม่ เข้าใจว่าอยากสร้างการรับรู้ แต่... คุณไม่มีโปรไฟล์มาก่อนนะ
ค้นๆดู จึงเห็นว่า เป็นการรวมตัวกันของ เมเจอร์+ ทรู+ +แมชชิ่ง+ ฟิล์มบางกอก(2 อันหลังเนี่ย หายไปนานมาก จนแทบต่อไม่ติด)
ตรงนี้เราว่าพลาด น่าจะมีการโปรโมทการเป็นค่ายมาก่อน ไม่ใช่มาเปิดพร้อมวันเปิดตัวหนัง มันไม่ทัน!
ก็ออกตัวก่อนว่า เราไม่ได้เป็นติ่งค่ายไหน แต่เท่าที่สังเกต คือ คนสมัยนี้ดูหนังไทย ก็ดูชื่อค่ายด้วยนะ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

คุณๆที่ไปดูมาแล้ว หรือที่ไม่คิดจะไปดู ลองมาแสดงความคิดเห็นกันนะคะ
เผื่อจะสะท้อนไปถึงผู้สร้างหนังไทยต่างๆ ให้ได้มีแนวทาง หรือกำลังใจในการผลิตหนังหลากหลายมาให้พวกเรา ได้ดูกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่