<<::<<@ เมื่อเราข้ามดวงดาวมารักกัน @>>::>> ตอนที่ 1

กระทู้สนทนา

พลุพลุพลุพลุพลุพลุพลุพลุพลุ

..............

ในเวลานี้ไม่มีฉัน....

..... ณ เวลานั้นก็ไม่มีเธอ

แต่ชะตาลิขิตให้สองเรามาพบเจอ

เรียกหาฉันและเธอ.. ข้ามดวงดาวมารักกัน

..................


พลุพลุพลุพลุพลุพลุพลุพลุพลุ




ดอกไม้ (1)


               หรือนี่คือความฝัน ?

               ทุกอย่างมันช่างดูเลือนลางและสับสน รอบข้างแม้สว่างจ้าแต่มองไปทางไหนล้วนเป็นสีขาว
ขาวราวกับอยู่ท่ามกลางกลุ่มควันอันหนาทึบ มัวมิดจนมองไม่เห็นอะไรสักอย่างเดียว

               ในโสตประสาทได้ยินแต่เสียงหึ่งๆดังขึ้นมาหลายครั้ง แทรกปนมาด้วยเสียงสนทนาของคนสองคน
มีทั้งเสียงผู้ชายและเสียงผู้หญิง  กระแสเสียงบางครั้งอยู่ห่างไกล บางครั้งก็ดังอยู่ใกล้ๆ ราวกับคนพูดเดินมาคุยกัน
ข้างเตียงที่เธอนอนอยู่นี้เอง แต่พวกเขาคุยอะไรกันเธอก็ฟังไม่ออก

               มันเป็นภาษาแปลกๆไม่คุ้นหู ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน

               พวกเขาเป็นใคร แล้วที่นี่เป็นที่ไหนกันหนอ

               ทำไมเธอถึงรู้สึกง่วงเหลือเกิน เปลือกตาหนักอึ้งจนหรี่ลืมไม่ขึ้น

               แล้วก่อนที่สติสัมปชัญญะจะค่อยๆเลือนหายไปอีกครั้ง ..เด็กสาวก็รู้สึกว่ามีมือเรียวเล็กข้างหนึ่ง
ยื่นเข้ามาบีบมือเธอไว้เบาๆ บางสิ่งที่ถ่ายทอดส่งผ่านมาจากมือข้างนั้น อบอวลไปด้วยมิตรภาพและความ
เอื้ออาทร หลั่งไหลเข้าสู่หัวใจของเธอจนรู้สึกอุ่นอิ่มอย่างบอกไม่ถูก

               เดียร์ ?

               นั่นเดียร์ใช่ไหม… ดีใจจังเดียร์กลับมาหาษิราแล้ว

               ใบหน้ายิ้มตายิบหยีน่ารักของเพื่อนสนิทข้างบ้าน ซึ่งเติบโตมาด้วยกัน นั่งเรียนโต๊ะเดียวกันมา
ตั้งแต่ป.1 ปรากฏรางๆขึ้นในมโนภาพดั่งความฝัน ไม่ว่ามีอะไรเกิดขึ้น เดียร์ไม่เคยทิ้งษิราแม้แต่สักครั้งเดียว
จนกระทั่ง..ความตายได้พรากเดียร์ให้ไปจากษิราในที่สุด

               เมื่อนึกขึ้นมาได้ถึงตรงนี้ กษิราก็รู้สึกเจ็บแปลบเข้าไปลึกๆในหัวใจราวกับถูกใครแทงมีดใส่กลางอก

               ยังดีที่ความเจ็บปวดนั้น แผ่ซ่านขึ้นมาแค่ไม่กี่วินาทีก็ดับหายไปพร้อมกับสติสัปชัญญะทั้งหมดของเธอ

               

               หึ่ง หึ่ง..

               ทิ้งช่วงไปนานแสนนานในความรู้สึก เสียงนั่นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง แถมยังดังใกล้ๆราวอยู่ในหัว
มันจึงก่อกวนจนเธอรู้สึกหูอื้ออึงสมองมึนงงไปหมด

               “ เมื่อไหร่เธอจะฟื้นล่ะท่านรามอส …”

               “  ต้องใจเย็นรอขอรับ “

               “  แล้วต้องใจเย็นรออีกถึงเมื่อไหร่ ? “

               “  สักอีกครู่ขอรับ “

               สุ้มเสียงอันคุ้นหูดังขึ้นที่ข้างเตียงอีกแล้ว  เป็นเสียงผู้หญิงกับผู้ชายคาดว่าคงเป็นคนเดิม
กับที่กษิราเคยได้ยินก่อนหลับไป

               พวกเขายังคงสนทนากันโดยใช้ภาษาพูดแบบเดิม

               แต่น่าแปลก..ที่คราวนี้พอได้ยิน เธอก็สามารถเข้าใจในสิ่งที่ทั้งคู่สนทนากัน ในตอนแรก
อาจใช้เวลาตั้งหลักปรับตัวอยู่สักเล็กน้อย แต่พอตั้งใจฟังไปสองสามประโยค สมองค่อยจูนติด
สื่อรับกับภาษาที่พวกเขาพูดอย่างอัตโนมัติราวกับว่าคุ้นเคยกับภาษานี้มาตั้งแต่แรกเกิด

               “  อีกสักครู่ของคุณทำไมมันนานจัง นี่ก็ผ่านมาสามสี่ชั่วโมงแล้วนะ ยาสลบแค่นิดเดียว
ทำไมออกฤทธิ์กับเธอนานขนาดนั้น ? เธอจะเป็นอะไรอย่างอื่นรึเปล่า ? “

               กระแสเสียงหวานใสดังเจื้อยแจ้วเจือแววร้อนรุ่มแบบนี้ คนพูดคงยังเป็นเด็กสาววัยแรกรุ่น

               “ ยาสลบคงหมดฤทธิ์นานแล้วล่ะขอรับ ….”

               ฝ่ายบุรุษตอบด้วยเสียงสุขุมเยือกเย็น  ฟังจากน้ำเสียงก็พอประมาณออกว่าเขาน่าจะสูงวัย
กว่าหลายปี แต่คาดว่าเด็กสาวคงมีศักดิ์ฐานะซึ่งสูงกว่าเขา ดังนั้นคำพูดที่ใช้จึงแฝงแววเกรงใจและ
ให้เกียรติตลอดเวลา  

               “ กระผมคิดว่า เวลานี้เธอคงหลับไปเพราะอาการสมองอ่อนล้า …จากการโอนถ่ายข้อมูล
ผ่านคลื่นสมองมากกว่า “

               กษิรารู้สึกปวดมึนศีรษะและเปลือกตาหนักอึ้งเกินกว่าจะลืมขึ้นมองพวกเขาไหว จึงได้แต่
นอนหลับตาฟังนิ่งๆ แล้วจับใจความในสิ่งที่ได้ยินอย่างงุนงง

               นี่เธอหมดสติไปสามสี่ชั่วโมงเองจริงหรือ แต่ทำไมกลับรู้สึกราวกับหลับใหลไปเป็นวันๆ
ก็ไม่ปาน หลับนานจนมึนหัวกล้ามเนื้อทั่วร่างกายอ่อนเปลี้ยเพลียง่อยไปหมดทีเดียว

               แล้วการโอนถ่ายข้อมูลผ่านคลื่นสมองอะไรนั่นอีก มันคืออะไร ?

               คนพวกนี้เป็นใคร หรือว่าเป็นพวกผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ  พวกเขากำลังโอนถ่าย “ข้อมูล” อะไร
ใส่เข้ามาในสมองของเธอ  นี่คือการ “ล้างสมอง” ใช่รึเปล่า?

               “  แต่เราใส่ข้อมูลปริมาณนิดหน่อยเองนะ  มีแค่พวกภาษาพูดภาษาเขียนเฉพาะที่เป็นภาษาหลัก
กับข้อมูลพื้นฐานบางอย่างเพื่อให้สะดวกรวดเร็วกับการปรับตัว  อะไรกันแค่นี้ถึงกับทำให้สมองเธอล้าเชียวหรือ
แสดงว่าพวกมนุษย์ดาวโลก สมองส่วนเก็บข้อมูลคงจะเล็กเอามากๆเลยสินะ “

               กษิรากระตุกหัวคิ้วเข้าหากันอย่างรู้สึกขัดหู  สมองเล็กหรือ ? ความหมายของอีกฝ่ายกำลังจะบอก
ว่าเธอโง่สินะ ? แต่ชั่วอึดใจหลังจากนั้นค่อยนึกสะดุดกับคำพูดบางคำ

               พวกมนุษย์ดาวโลก ?

               ทำไมอีกฝ่ายถึงเรียกเธอว่าเป็นพวกมนุษย์ดาวโลก หรือว่าพวกเขาไม่ใช่ ?

               ไม่มั้ง ! อย่าบอกนะว่าคนพวกนี้มาจากต่างดาว นี่เธอกำลังถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวมาบนยานหรือ ?

               บ้าไปแล้ว…ษิรา.. นี่เธอต้องกำลังฝันอยู่แน่ๆ ..เมื่อไหร่จะตื่นขึ้นมาเสียทีนะ ?

               แต่ว่าเธอจะตื่นได้อย่างไร ในเมื่อเธอยังไม่ได้หลับ ทุกอย่าง ณ ที่นี่ และเวลานี้ล้วนไม่ใช่ความฝัน
หากแต่เป็นความจริง ความจริงที่ว่า..เธอกำลังเผชิญหน้ากับเอเลี่ยนต่างดาว !



               …………………………..



.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่