คุณพ่อ คุณแม่ จะปรับเปลี่ยนตัวเองยังไรหลังจากลูกเข้าโรงเรียนแนวทางเลือกไม่ได้ และต้องมาเรียนโรงเรียนปกติ

ค้ือส่วนตัวแฟนผมข้องข้างจะหาข้อมูลและคาดหวังจะให้ลูกเรียนในโรงเรียนแนวทางเลือกอยู่แล้ว (และใกล้บ้านด้วย)  และหลังจากโนมน้าวผมได้แฟนก็เริ่มซื้อหนังสือมาศีกษาอ่าน , ดู youtube เพื่อฟังการเสวนาเกี่ยวกับโรงเรียนแนวทางเลือก   เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะต้องเข้าไปสัมภาษณ์กับทางโรงเรียนแนวทางเลือก  แต่สรุปสุดท้ายผลที่ได้กับผิดหวัง   ความเข้าใจของครอบครัวผมในการสัมภาษณ์ครั้งแรก มันอาจจะมองไว้สูงจึงอาจจะผิดพลาดในการสื่อให้กับทางโรงเรียนฟัง   มาวันนี้มันกับหวังไว้แค่ว่าจะเข้าในโรงเรียนแนวทางเลือกเพื่อ ลูกจะได้เรียนผ่านการเล่น สนุกกับการเรียนรู้ เข้าใจและสามารถนำเอาไปปฏิบัติได้จริงในชีวิตประจำวัน แต่มันก็สายเสียแล้วเพราะกว่าจะสามารถเข้าไปสัมภาษณ์อีกได้ก็ปีหน้า  จำเป็นต้องเข้าโรงเรียนที่เน้นวิชาการ (จริงมองโรงเรียนสองภาษาไว้ แต่ก็ไกลพอสมควร)

ที่นี้มันก็เป็นคำถามล่ะ แล้วเราจะรับมือยังไรกับการเรียนที่เน้นวิชาการ เด็กอนุบาล 3 ตั้งอ่านหนังสือออก พอเขียนได้ มีการบ้านทุกวัน แถมบางครอบครัวก็ยังพาไปกวดวิชา วันเสาร์อาทิตย์อีก มันเหมือนกับการแข่งขันกลัวลูกจะกดดัน ซึ่งตรงนี้ครอบครัวผมพึ่งจะทราบผลสอบสัมภาษณ์เมื่อวานเองจึงทำตัวไม่ถูก  คุณพ่อคุณแม่ท่านไหนที่เคยผ่านเหตุการณ์ แบบนี้ หรือคุณพ่อ คุณแม่ท่านไหนปฏิบัติกับลูกๆยังไร ให้ลูกๆได้สนุกในการเรียนแบบเน้นวิชาการแบบนี้บางครับ

ต้องบอกอีกว่า ผมกับแฟนทำงานใกล้บ้านมากเช้า 7.00 น.ไปทำงานกลับ 19.00-20.00 เป็นยังต่ำทุกวันกลับไม่มีเวลาสอนการบ้านลูกเป็นห่วงเรื่องนี้พอสำควร ครั้งจะย้ายมาทำงานใกล้บ้านมันก็ยาก เพราะรายได้ที่ได้รับจากบริษัทที่ทำงานอยู่สูงพอสมควร
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
ขอบคุณสำหรับทุกๆ comment นะคะ
ก่อนอื่นขอตอบคำถามว่าทำไมถึงต้องโรงเรียนทางเลือกโรงเรียนอื่นไม่ได้หรอ
คุณแม่ไม่ได้ศึกษามาในแนวทางเลือกตั้งแต่แรก บอกเลยว่าไม่รู้จักด้วยซ้ำ การเลือกโรงเรียนให้ลูกมันมีหลายปัจจัย แต่ขอพูดถึงปัจจัยหลักๆนะค่ะ
1. ดูจากสิ่งที่ลูกถนัด อะไรที่ลูกอยู่แล้วมีความสุข สนุก ที่จะเรียนรู้กับมัน ซึ่งเราเลยรู้ว่าลูกไม่ได้ถนัดวิชาการ และเด็กแต่ละคนต่างกัน เด็กต้องไม่ใช่ผลผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรม ผ่านกระบวนการในแบบเดียวกัน และสุดท้ายต้องผ่านการ QC ด้วยการแข่งขันว่าแต่ละคนเกรด A B C หรือไม่ผ่าน ตัวอย่างง่ายๆ ของลูกตัวเอง การสอนเรื่องสี ในขณะที่เด็กทั่วๆไป สอนแบบนึง แต่สำหรับลูกเรา ต้องสอนเพียงสีเดียวเท่านั้นเป็นระยะเวลานึง เค้าถึงจะรู้ว่าสีนี้คือสีอะไร ถึงจะข้ามไปสอนสีอื่น เพราะฉะนั้นการเรียนการสอนที่ยึดเด็กเป็นศูนย์กลางมากกว่าการสอนตามตำราจึงเหมาะกับน้องมากกว่า  
2. ความใกล้และไกลของสถานที่
3. ค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าเทอม

จากที่กล่าวมา จริงๆ น้องจะไปโรงเรียนไหนก็ได้ แต่จะดีกว่าไหมที่เราจะหาโรงเรียนที่เหมาะกับตัวเค้า ครั้งแรกคณแม่เลือกที่จะให้น้องเรียนโรงเรียนสองภาษา และทุกอย่างกำลังเข้าที่แต่มาตกม้าตายเพราะการเดินทางไกล น้องต้องรอเพื่อนๆเรียนพิเศษจบรถตู้คันที่น้องนั่งถึงจะออกจากโรงเรียน รวมกับการเดินทาง สรุป 3 ชั่วโมง ทำให้ที่วางแผนไว้เป็นอันจบ

เลยหันมาหาโรงเรียนแถวบ้าน ใกล้บ้านมันมี 3 ตัวเลือก โรงเรียนวิชาการจ๋า โรงเรียนทางเลือก โรงเรียนปกติกลางๆ ก่อนอื่นตัดโรงเรียนปกติก่อนเลย อายุเข้าไม่ได้ ไม่ถึง 4 ขวบเพราะเกิดปลายปี ส่วนโรงเรียนวิชาการจ๋า ก็แพงแสนแพง เพราะเหตุนี้เลยได้มีโอกาสเข้าไปศึกษาในโรงเรียนทางเลือก แม้อาจจะไม่ลึกซึ้งแต่ก็เข้าใจในวิถีการเรียนการสอน โรงเรียนยึดเด็กเป็นศูนย์กลางในการเรียนการสอน เพราะเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน เรียนรู้จากสิ่งใกล้ตัวไปไกลตัว เรียนรู้จากประสบการณ์จริง จนเค้ารู้สึกรักที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเค้าเอง ทำให้เด็กคิดเป็น คุณแม่อยากเห็นน้องคิดเก่งมากกว่าเรียนเก่ง และเค้าจะได้เรียนรู้ทักษะชีวิต ที่ที่โรงเรียนปกติอาจไม่ได้สอน เค้าจะได้ใช้มันไปจนโต ได้รู้จักคิด และประยุกต์ไปใช้กับชีวิต  ซึ่งมันต่างจากโรงเรียนในทุกวันนี้ โรงเรียนที่สอนให้เด็กเก่งที่จะอ่านได้ เขียนเป็น บางครั้งเด็กอาจมีความสุข เพราะได้เล่นบ้าง แต่ก็ต้องกลับหันไปนั่งคัดลายมือ ท่องตำรา ตั้งแต่อายุเพียง 3 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงที่กล้ามเนื้อมือเค้ายังไม่แข็งแรงด้วยซ้ำ สุดท้ายเด็กๆ ต้องแข่งขันกันเพื่อให้ได้เกรด ซึ่งข้อสอบมันก็มาจากตำราที่เรียนเดิมๆ ในขณะที่เทคโนโลยีพัฒนาไปไกลแล้ว
คำตอบทั้งหมดอาจจะยังตอบคำถามในใจของใครหลายๆคนไม่ได้ แต่ก็ต้องขอบคุณทุกความคิดเห็นที่บอกว่า สิ่งที่เรากำลังคิดมันจะย้อนกลับไปทำให้ลูกกดดันในสิ่งที่เราหวัง แต่ขอบอกตรงๆ ว่าเราแค่เพียงอยากให้ลูกมีความสุขจริงๆ แต่สุดท้ายนี้ลูกจะอยู่ที่ไหน คุณแม่รู้ว่าคุณแม่ควรทำตัวยังไง เพราะทั้งหมดที่พูดมา พ่อและแม่สำคัญมากกว่าโรงเรียน มีโรงเรียนดีแต่พ่อแม่ไม่เอาใจใส่ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร

อยากให้ลองดู  Link นี้ แล้วจะรู้ว่าทำไมวันนี้ จึงมีคนสมัครเพื่อเข้ามาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปด้านการศึกษามากที่สุด เพราะเราต้องสร้างเด็กที่มีคุณภาพตั้งแต่เล็ก และสร้างให้ถูกวิธี แล้วจะเข้าใจว่าทำไมคุณแม่ถึงเลือกโรงเรียนทางเลือก
http://www.youtube.com/watch?v=Pr_bG72nBpk
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่