กลุ่มเพื่อนๆได้รวมตัวกัไปไหว้พระทาง อิสาน เลยเลือกกันไปไหว้พระธาตุประจำวันเกิดกัน

12-14 กันยายน  จากดอนเมือง สู่สนามบิน สกลนคร  และใช้บริการ ทัวร์ ท้องถิ่นของ  อุ้มรักทัวร์

เดินทางไฟลท์เช้า โดย นกแอร์  ชั่วโมงนิดๆ ถึงสนามบิน สกลนคร มีทางบริษัทฯ ทัวร์  มารับครับ









กับอาหารเช้าประจำถิ่น ในตัวเมืองสกลนคร





หลังจากทานอาหารเช้า ชาวคณะก็ มุ่งสู่พระธาตุ  ประจำวันเกิดกันเลยครับ

ลุงคงไม่ลงรายละเอียดอะไรมาก ทัวร์ทริปนี้. ใช้เวลา 3 วัน ไหว้พระอย่างเดียวเลยครับ ไม่ได้มีเที่ยวเลย





ระยะการเดินทางจาก สกลนคร เข้าสู่นครพนม ไหว้พระธาตุ เสร็จเกือบ บ่ายโมง เราแวะกินข้าวเที่ยงกัน ที่ร้านริมโขงครับ









กินกันเสร็จ ก็เดินทางไหว้พระธาตุพนม  องค์ที่บูรณะใหม่เรียบร้อย หลังจากการล้มเมื่อหลายๆปีก่อน







คณะใช้เวลาอยู่ที่นี่นานพอควร จนไดเวลาอาหารเย็น  ร้านในเมืองนครพนม ริมนำ้โขง







กินมื้อเย็นเสร็จ พลบค่ำ เข้าสู่ที่พัก สี่ดาว ริมโขงครับ



คืนนี้เพลีย พักผ่อนตามอัธยาศรัย  ราตรีสวัสดิ์ ครับ

........................................................................

วันที่สองคณะเรามีโปรแกรมข้าวไปฝั่งลาวทางสพานมิตรภาพแห่งที่สาม ด่านท่าแขกครับ

เช้าวันที่สองกับห้องอาหารโรงแรม





ซึ่งเช้านั้น ทาง ททท. ได้ใช้สถานที่ริมน้ำโขงของโรงแรม เป็นสถานที่บวงสรวงพญานาค ตามความเชื่อและประเพณีของท้องถิ่น



เติมพลังงานกันเรียบร้อย ชาวคณะมุ่งสู่ สพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ห่างจากตัวนครพนม สิบกว่ากิโล

พวกเราใช้พาสปอร์ต ในการข้ามแดน ซึ่งทางบริษัทฯ ทัวร์ นำลงไป ประทับตรา ที่ด่าน  ตม. ตามปกติแต่ได้รับความสดวกมากครับ

สพานข้ามโขง และด่าน ตม. ทางฝั่งลาว (เค้าบอกมา.. ไทยเป็นผูสร้างให้ทั้งหมด)





และทางผ่านไปพระธาตุ มีกำแพงหินยักษ์ สูงกว่า 20 เมตร และหนา 2 เมตร ยาวกว่า 10 กิโลเมตร ซึ่งเป็น กำแพงที่รายล้อม อาณาจักรศรีโคตรบูรณ์

เป็นที่ๆชาวลาวหวาดกลัวในคำสาบ  และเป็นที่ที่พระเทพฯเคยเสด็จ และพระราชทานนามว่า "กำแพงหินยักษ์"





และเดินทางสู่พระธาตุคู่บ้านคู่เมือง ของชาวลาวแขวงคำม่วน  พระธาตุศรีโคตรตะบอง





ครั้งแรกทางบริษัททัวร์ จะนำคณะกลับมากินมื้อเที่ยงฝั่งไทย เพราะฝั่งลาวไม่มีร้านอาหารที่จะรองรับได้ ทางทัวร์เลยพาไปร้านที่ดีที่สุด(คิดเอาเอง) ในท่าแขก

เป็นร้านอาหารตามสั่ง คนแน่นร้าน  รสชาติ โอเคเลยครับ สำหรับในเวลานั้น





อิ่มท้อง ก็เข้าไปแวะ "ร้าน"  DUTY FREE  ที่มีแห่งเดียว ในเมืองนี้



ได้เวลาพอสมควร เราข้ามกลับฝั่งไทย



และมุ่งสู่ตลาด อินโดจีน (สภาพเดียวกับตลาดคลองเตย ตรงทางรถไฟ ที่ขายของ จีนแดง)



มามื้อเย็นวันที่ 2 ลุงแยกตัวจากทัวร์  มีเพื่อนมารับไปกินมื้อเย็น ย่านถนนคนเดิน ที่มีเฉพาะคืนศุกร์เสาร์

เพื่อนคนท้องถิ่นบอก ในมุกดาหาร ถ้าเทียบครอบครัว ตามทะเบียนบ้าน เป็นเวียตนาม 80%  จีน 20 % ครับ

เพราะฉนั้นผู้คนที่นี่ จากการสังเกตุดู(หญิง)ผิวพรรณดี สวย บ้านเมือง สอาดมาก อากาศดี

และร้านอาหารที่พาไปคิดว่าเป็นร้านที่ดีที่สุดใน นครพนม(จากการที่ร้านนำ ภาพมาฉายมีแต่ แขกระดับ เจ้าสัว และผู้มีชื่อเสียงมากินกันที่ร้านนี้)









เป็นร้านอาหารที่อร่อย สอาด สมคำเล่าลือ ครับ

กลับที่พักคืนที่สอง

.................................................

วันที่  สาม. อาหารเช้า โรงแรม เช็คเอ้าท์ เช้านี้เลยครับ



วัดวัดแรกกันก่อน



ตลาดสดเทศบาลเพื่อแวะซื้อของฝาก หมูยอ เป็นส่วนใหญ่



วัดอีก วัดนี้ยังเป็นที่เก็บศพของหลวงปู่ดัง แห่งลุ่มโขงอีกด้วยครับ





มื้อเที่ยงอีกแล้ว ทางผ่านที่จะไป สกลนคร. เพื่อขึ้นเครื่องกลับ คืนนี้









แวะไหว้พระ



และเข้าสู่ตัวเมืองสกลนคร

พิพิทธภัณฑ์หลวงปู่มั่น







และวัดสุดท้ายในทริปนี้ พระธาตุเชิงชุม





และมื้อเย็นที่คิดว่าดีสุดใน สกลนคร(จากคำบอกของไกด์)









กินเสร็จมุ่งสู่สนามบิน ไฟลท์ออกจากสกล สามทุ่มครึ่งครับ



เวลามันเปลี่ยนไป ร่างกายสุขภาพล่วงเลยไปตามกาลเวลา

แต่ก่อนทริปเหล่านี้ ทั่วประเทศจะขับรถเองตลอด และบางทริปไม่ไกลนักก็ บิ้คใบค์ กับชมรมต่างๆ(กลุ่ม JUMBO) ครับ

แต่ตอนนี้ ร่างกายไม่ค่อยพร้อม ต้องพึ่งบริการทัวร์ครับ

ทริปนี้ โอเค อาหารดีตามสภาพท้องถิ่นนั้น(หาได้แค่นั้น)  

ทริปหน้ามาดูกันจะไปไหนอีก ตอนนี้กลับไป กิน ก่อนละกันครับ