คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
ของผมนี่โดนของจริงเลย อารมณ์เจ้าของบริษัทฯล้วนๆบวกกับลมปากของพี่ๆน้องๆเขา คือบริษัทฯที่ผมทำเป็นเหมือนบริษัทฯครอบครัวคนจีนนั่นแหละครับ แต่ก็เข้าใจและผมก็ไม่ขอโอกาสด้วย
โชคดี ที่คนรอบๆข้างผมรู้นิสัยและมองเห็นความสามารถของผมตรงความต้องการของผู้ประกอบการ รายอื่นๆ พอรู้ว่าผมโดนไล่ออกก็มาทาบทาม
หลายราย แต่ผมมีข้อแม้คือ ไม่เป็นพนักงานประจำอีกแล้ว (พอดีงานผมเป็นงานวิชาชีพ) ก็เลยไม่ได้กระทบอะไรมาก
ประกอบกับ ก่อนที่จะถูกไล่ออก ผมเริ่มทำธุรกิจเล็กๆขึ้นมา(ทำสนุกๆไม่ได้คาดหวังรายได้จากตรงนี้)
ทำให้ทุกวันนี้ รู้สึกมีความสุขมากกว่าก่อน เดินเที่ยวห้างวันธรรมดา ติดต่อราชการโดยไม่ต้องลางาน ไม่ต้องหงุดหงิดกับพวกพี่น้องเจ้าของบริษัทฯ
ที่ทำงานไม่เป็น แต่หาเรื่องจับผิดคนอื่นเป็นงานหลัก
สิ่งที่อยากจะบอกกับทุกๆคนคือ อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง คนเราต้องหาความรู้เพื่อเพิ่มทักษะในอาชีพ ที่ตัวเองทำอยู่ ตอนที่ผมทำกับ บริษัทฯ
ผมทำทุกอย่างทุกหน้าที่ ยิ่งงานที่ผมไม่เคยทำผมยิ่งอยากทำ เพราะมันเป็นโอกาสในการเพิ่มความสามารถของตัวเอง แล้วโอกาสดีๆ จะเข้ามาหา
เราเองครับ
โชคดี ที่คนรอบๆข้างผมรู้นิสัยและมองเห็นความสามารถของผมตรงความต้องการของผู้ประกอบการ รายอื่นๆ พอรู้ว่าผมโดนไล่ออกก็มาทาบทาม
หลายราย แต่ผมมีข้อแม้คือ ไม่เป็นพนักงานประจำอีกแล้ว (พอดีงานผมเป็นงานวิชาชีพ) ก็เลยไม่ได้กระทบอะไรมาก
ประกอบกับ ก่อนที่จะถูกไล่ออก ผมเริ่มทำธุรกิจเล็กๆขึ้นมา(ทำสนุกๆไม่ได้คาดหวังรายได้จากตรงนี้)
ทำให้ทุกวันนี้ รู้สึกมีความสุขมากกว่าก่อน เดินเที่ยวห้างวันธรรมดา ติดต่อราชการโดยไม่ต้องลางาน ไม่ต้องหงุดหงิดกับพวกพี่น้องเจ้าของบริษัทฯ
ที่ทำงานไม่เป็น แต่หาเรื่องจับผิดคนอื่นเป็นงานหลัก
สิ่งที่อยากจะบอกกับทุกๆคนคือ อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง คนเราต้องหาความรู้เพื่อเพิ่มทักษะในอาชีพ ที่ตัวเองทำอยู่ ตอนที่ผมทำกับ บริษัทฯ
ผมทำทุกอย่างทุกหน้าที่ ยิ่งงานที่ผมไม่เคยทำผมยิ่งอยากทำ เพราะมันเป็นโอกาสในการเพิ่มความสามารถของตัวเอง แล้วโอกาสดีๆ จะเข้ามาหา
เราเองครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 23
เคยโดนของจริงกะตัวเองค่ะ สิ่งแรกที่ต้องทำคือตั้งสติ และหาทางต่อรองค่าชดเชยให้มากที่สุด (หากคุณโดนไล่ออกแบบไม่มีความผิดนะคะ)
คำนวนเงินชดเชย และค่าตกใจ อย่าอายที่จะคุยค่ะ อย่าได้คิดว่าเค้าจะหาว่าเรางกหรือเห็นแก่ได้ ตั้งสติให้มาก สอบถามข้อมูลจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นกรมแรงงาน หรือนักกฎหมาย รวมทั้งคนที่เคยเจอสถานการณ์เดียวกัน
จากนั้นกลับมามองสิ่งที่มีอยู่ในมือ หยุดหาเหตุผลว่าทำไม เพราะอะไรเค้าถึงให้เราออก มันไม่มีประโยชน์และเสียสุขภาพจิตค่ะ
- ให้ต่อรองเงินชดเชยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำทุกอย่างอย่างมีสติและรอบคอบ คุยทุกครั้งให้มีบุคคลที่ 3,4 เป็นพยาน เราเจอตัว วันที่คุยกะนาย เจ้านายบอกว่าจะจ่ายค่าชดเชยให้เป็นเงินก้อน เท่ากับ 12 เดือน, พอคุบครั้งต่อมาเค้าบอกว่าจะทะยอยจ่ายเป็นรายเดือน เพราะกลัวเราเสียภาษีเยอะ ซึ่งจริงๆแล้วมันคนละเรื่องกันค่ะ ไปศึกษาเรื่องการจ่ายภาษีเงินได้ ในกรณีโดนเลิกจ้างด้วยนะคะ
- ให้เค้าทำหนังสือเลิกจ้างด้วยค่ะ พร้อมใส่เหตุผลที่ทำให้เราไม่หางานยากในอนาคต เช่น ปรับปรุงโครงสร้างบริษัท
- จำกัดค่าใช้จ่าย และพยายามลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลดค่ะ พร้อมกับเดินหน้าหางานอย่างจริงจัง ทิ้งใบสมัครตามเวปและ recruit
อย่าเสียเวลากับการนั่งเศร้านะคะ เอาใจช่วยค่ะ เมื่อผ่านตรงนี้ไปคุณจะเข้มแข็งและแกร่งขึ้นค่ะ ^^
คำนวนเงินชดเชย และค่าตกใจ อย่าอายที่จะคุยค่ะ อย่าได้คิดว่าเค้าจะหาว่าเรางกหรือเห็นแก่ได้ ตั้งสติให้มาก สอบถามข้อมูลจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นกรมแรงงาน หรือนักกฎหมาย รวมทั้งคนที่เคยเจอสถานการณ์เดียวกัน
จากนั้นกลับมามองสิ่งที่มีอยู่ในมือ หยุดหาเหตุผลว่าทำไม เพราะอะไรเค้าถึงให้เราออก มันไม่มีประโยชน์และเสียสุขภาพจิตค่ะ
- ให้ต่อรองเงินชดเชยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำทุกอย่างอย่างมีสติและรอบคอบ คุยทุกครั้งให้มีบุคคลที่ 3,4 เป็นพยาน เราเจอตัว วันที่คุยกะนาย เจ้านายบอกว่าจะจ่ายค่าชดเชยให้เป็นเงินก้อน เท่ากับ 12 เดือน, พอคุบครั้งต่อมาเค้าบอกว่าจะทะยอยจ่ายเป็นรายเดือน เพราะกลัวเราเสียภาษีเยอะ ซึ่งจริงๆแล้วมันคนละเรื่องกันค่ะ ไปศึกษาเรื่องการจ่ายภาษีเงินได้ ในกรณีโดนเลิกจ้างด้วยนะคะ
- ให้เค้าทำหนังสือเลิกจ้างด้วยค่ะ พร้อมใส่เหตุผลที่ทำให้เราไม่หางานยากในอนาคต เช่น ปรับปรุงโครงสร้างบริษัท
- จำกัดค่าใช้จ่าย และพยายามลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลดค่ะ พร้อมกับเดินหน้าหางานอย่างจริงจัง ทิ้งใบสมัครตามเวปและ recruit
อย่าเสียเวลากับการนั่งเศร้านะคะ เอาใจช่วยค่ะ เมื่อผ่านตรงนี้ไปคุณจะเข้มแข็งและแกร่งขึ้นค่ะ ^^
ความคิดเห็นที่ 16
เคยโดนไล่ออก ตอนทำงานที่แรก ตอนนั้นยังเรียนไปจบเหลืออีกเทอม
เลยไปสมัครทำงานที่เอเจนซี่เล็กๆ ไว้ก่อน เจ้าของเป็นครอบครัวคนจีน
เอาพี้น้อง นัองเขย นัองสะใภ้มาทำ แนวครอบครัวมากๆ
เราเพิ่งเริ่มทำงาน ตั้งใจมาก ไม่เคยมาสาย เลิกคนหลังสุดทุกวัน
ออฟฟิตอยู่บางนา หออยู่อโศก สมัยนั้นรถไฟฟ้ายังไม่ถึง นั่งรถเมลล์ไปกลับสุดๆ
วันที่โดนไล่ออกอาตได ไม่พูดกับเราตั้งแต่เช้า ทำนิ่งๆ แล้วก้ให้เออีเสริชหาคนใหม่ต่อหน้าเรา
จนพี่สาวเขาเรียกเราแล้วเอาเงินวางบนโต๊ะ เชิญออก แล้วก็สะบัดบ๊อบ
เรานี่ตัวชาทั้งร่าง แต่ก้พยายามบอกตัวเองให้คุมสติให้ดี อย่าร้องไห้
เราถามว่า ไล้เราออกเพราะอะไร เขาตอบว่า เราไม่มีศักยภาพพอสำหรับเขา บลาๆ
เราก็โอเคในเมื่อไม่ต้องการก้ไม่ง้อเว้ย.
พอไปเก้บของที่โต๊ะ อาตไดที่เป้นเจ้านาย ก้เหน็บเราให้ลูกน้องคนอื่นให้เราได้ยินว่า
"เด้กเอนท์ติดมหาวิทยาลัยรัฐบาลใช่จะเพอเฟค ออกจากที่นี่ไปก้ยากและชีวิต ถ้าไม่รู้จักใช้สมองทำงาน"
เรานี่เลือดขึ้ดหน้าแต่ก้หัวหด คอตกกลับบ้านร้องไห้ จะไปไงตีอดีชีวิต
ทำงานที่แรกไม่กี่เดือนก้โดนไล่ออก เพิ่งย้ายหอ ค่าใช้จ่ายเรีองเรียน
โทรหาแม่ ร้องไห้ๆๆ จนแม่พูดว่า เราต้องพิสูจน์ตัวเราเองว่าเรามีศักยภาพ และเขามองเราผิดไป
คิดได้เราก้เริ่มหางานใหม่ และชีวิตก้ดีขึ้น เราพยาขามพัฒนาตัวเอง ตรงต่อเวลา ทำตัวเป็นเพีอนร่วมงานที่ดี
ชีวิตดีขึ้นเรีอยๆ เจ้านายเพื่อนร่วมงานยอมรับความสามารถมาโดยตลอด จนที่ทำงานสุดท้ายเราตัดสินใจลาออกเอง
เพราะการเป็นลูกจ้างเขา เราจะตันในจุดๆ หนึ่ง ต้องงออกไปโตเอง
โดนไล่ออกจากงาน ถ้าคนโสดไม่มีภาระทางการเงิน ก้หายใจเข้าออก หางานใหม่ พาตัวเองกชับมาแอคทีฟให้เร็ว
คนมีครออบครัว มีภาระก็เพลาๆ บัตรเครดิต ซื้อผ่อนโน้นนี้เกินตัวเนอะ ออมเงินไว้ยามฉุกเฉิน
ทุกครั้งที่เคยเล่าให้ใครฟังว่า เคยโดนไล่ออกจากงานที่แรก มีแต่คนแปลกใจและแทบไม่เชื่อว่าเราจะมีโมเม้นท์นั้น
( * ก่อนโดนไล่ออกครั้งนั้น เราอยู่ทำงานดึกคนเดียวเพร่ะอยากให้จบโปรเจค แต่เราถูกเจ้านายเมาๆ มาที่ออฟฟิตและมาเหวี่ยงใส่. โยนงานลงพื้นแล้วเหยียบ เราก้เก็บนะ
แล้วก้ไม่ได้มีปากเสียงด้วย เขาคงยิ่งไม้พอใจเที่เราเฉยๆ เลยกระชากคอเสื้อเราขึ้นมาทั้งที่เตาเป็น ผญ
เราดกใจก้ผลักเขาออก เขาเลยเซล้มไปที่โต้ะ เรารีบวิ่งออกจากออฟิตเลย เขาก็ตระโกนด่า บลาๆๆๆ รุ่งขึ้นเราว่าจะกลับมรแก้งาน เขาเลยหาเรีองที่งานไม่เสร็จไบ่เราออก)
เลยไปสมัครทำงานที่เอเจนซี่เล็กๆ ไว้ก่อน เจ้าของเป็นครอบครัวคนจีน
เอาพี้น้อง นัองเขย นัองสะใภ้มาทำ แนวครอบครัวมากๆ
เราเพิ่งเริ่มทำงาน ตั้งใจมาก ไม่เคยมาสาย เลิกคนหลังสุดทุกวัน
ออฟฟิตอยู่บางนา หออยู่อโศก สมัยนั้นรถไฟฟ้ายังไม่ถึง นั่งรถเมลล์ไปกลับสุดๆ
วันที่โดนไล่ออกอาตได ไม่พูดกับเราตั้งแต่เช้า ทำนิ่งๆ แล้วก้ให้เออีเสริชหาคนใหม่ต่อหน้าเรา
จนพี่สาวเขาเรียกเราแล้วเอาเงินวางบนโต๊ะ เชิญออก แล้วก็สะบัดบ๊อบ
เรานี่ตัวชาทั้งร่าง แต่ก้พยายามบอกตัวเองให้คุมสติให้ดี อย่าร้องไห้
เราถามว่า ไล้เราออกเพราะอะไร เขาตอบว่า เราไม่มีศักยภาพพอสำหรับเขา บลาๆ
เราก็โอเคในเมื่อไม่ต้องการก้ไม่ง้อเว้ย.
พอไปเก้บของที่โต๊ะ อาตไดที่เป้นเจ้านาย ก้เหน็บเราให้ลูกน้องคนอื่นให้เราได้ยินว่า
"เด้กเอนท์ติดมหาวิทยาลัยรัฐบาลใช่จะเพอเฟค ออกจากที่นี่ไปก้ยากและชีวิต ถ้าไม่รู้จักใช้สมองทำงาน"
เรานี่เลือดขึ้ดหน้าแต่ก้หัวหด คอตกกลับบ้านร้องไห้ จะไปไงตีอดีชีวิต
ทำงานที่แรกไม่กี่เดือนก้โดนไล่ออก เพิ่งย้ายหอ ค่าใช้จ่ายเรีองเรียน
โทรหาแม่ ร้องไห้ๆๆ จนแม่พูดว่า เราต้องพิสูจน์ตัวเราเองว่าเรามีศักยภาพ และเขามองเราผิดไป
คิดได้เราก้เริ่มหางานใหม่ และชีวิตก้ดีขึ้น เราพยาขามพัฒนาตัวเอง ตรงต่อเวลา ทำตัวเป็นเพีอนร่วมงานที่ดี
ชีวิตดีขึ้นเรีอยๆ เจ้านายเพื่อนร่วมงานยอมรับความสามารถมาโดยตลอด จนที่ทำงานสุดท้ายเราตัดสินใจลาออกเอง
เพราะการเป็นลูกจ้างเขา เราจะตันในจุดๆ หนึ่ง ต้องงออกไปโตเอง
โดนไล่ออกจากงาน ถ้าคนโสดไม่มีภาระทางการเงิน ก้หายใจเข้าออก หางานใหม่ พาตัวเองกชับมาแอคทีฟให้เร็ว
คนมีครออบครัว มีภาระก็เพลาๆ บัตรเครดิต ซื้อผ่อนโน้นนี้เกินตัวเนอะ ออมเงินไว้ยามฉุกเฉิน
ทุกครั้งที่เคยเล่าให้ใครฟังว่า เคยโดนไล่ออกจากงานที่แรก มีแต่คนแปลกใจและแทบไม่เชื่อว่าเราจะมีโมเม้นท์นั้น
( * ก่อนโดนไล่ออกครั้งนั้น เราอยู่ทำงานดึกคนเดียวเพร่ะอยากให้จบโปรเจค แต่เราถูกเจ้านายเมาๆ มาที่ออฟฟิตและมาเหวี่ยงใส่. โยนงานลงพื้นแล้วเหยียบ เราก้เก็บนะ
แล้วก้ไม่ได้มีปากเสียงด้วย เขาคงยิ่งไม้พอใจเที่เราเฉยๆ เลยกระชากคอเสื้อเราขึ้นมาทั้งที่เตาเป็น ผญ
เราดกใจก้ผลักเขาออก เขาเลยเซล้มไปที่โต้ะ เรารีบวิ่งออกจากออฟิตเลย เขาก็ตระโกนด่า บลาๆๆๆ รุ่งขึ้นเราว่าจะกลับมรแก้งาน เขาเลยหาเรีองที่งานไม่เสร็จไบ่เราออก)
แสดงความคิดเห็น
ถ้าเกิดคุณถูกไล่ออกกระทันหัน คุณมีแผนรับมือหรือไม่ และจะทำอย่างไรกับภาระ คชจ. ของชีวิต ???