โดย ลม เปลี่ยนทิศ 15 ก.ย. 2557 05:00
ผมไม่รู้ว่าการต่อสู้ระหว่าง ช่อง 3 อะนาล็อก กับ 3 บอร์ด กสท. ที่ใช้อำนาจบีบบังคับให้ ช่อง 3 อะนาล็อก ต้องเปลี่ยนเป็นทีวีดิจิตอล ทันที ทั้งที่ยังมีสัมปทานกับ อสมท.อีกหลายปี ฝ่ายไหนจะเป็นผู้ชนะ รู้แต่ว่าถ้าช่อง 3 อะนาล็อกจอดำ ประชาชนทั้งประเทศ23 ล้านครัวเรือน 65 ล้านคน จะได้รับผลกระทบแน่นอน
เกมนี้ ไม่เพียงมีเรื่อง การเปลี่ยนผ่านไปสู่ทีวีดิจิตอล เท่านั้น แต่ยังมีเบื้องลึกที่เป็นเกมการต่อสู้ระหว่างทีวีดิจิตอลด้วยกัน เพราะ กสท.เปิดประมูลช่องมากเกินไป ทำให้รายการทีวีดิจิตอลส่วนใหญ่ไม่น่าสนใจ ไม่มีคนดู ไม่มีโฆษณา
ผมไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเลือกยืนอยู่ข้างไหนระหว่าง กสทช. ที่ทำงานล้มเหลวซ้ำซาก ตั้งแต่การประมูลโทรศัพท์ 3 จี จนถึงทีวีดิจิตอล 24 ช่อง กับการคืนความสุขให้ประชาชน 65 ล้านคน ที่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่งเพลงตอกย้ำกับประชาชนตลอดเวลา เพราะช่อง 3 อะนาล็อก เป็นความสุขอย่างหนึ่งของประชาชน ที่มีผู้ชมวันละ 40–50 ล้านคน มากเป็นอันดับ 2 รองจากช่อง 7
นับตั้งแต่มี กสทช.ชุดนี้ ระบบโทรคมนาคมการสื่อสารของไทย มีแต่ปัญหากับปัญหาเพราะผู้ที่ได้รับการคัดเลือกมา ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญจริง ส่วนใหญ่ เป็นทหาร เป็นหมอ เป็นเอ็นจีโอ
เริ่มตั้งแต่ การประมูลคลื่นโทรศัพท์ 3 จี ที่มีเรื่องอื้อฉาวจนมีการฟ้องร้อง คลื่นมี 3 ชุด มีผู้ประมูล 3 ราย ไม่รู้เรียกว่าประมูลได้ยังไงในขณะที่เทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่โลกก้าวหน้าไปสู่ระบบ 5 จีแล้ว การประมูลระบบ 3 จี จึงถือว่าค่อนข้างล้าหลัง ทั้งที่ควรจะประมูล 4 จี ทำให้ต้องเร่งประมูล 4 จี หลังจากที่ประมูล 3 จี ไปแค่ปีกว่า เสาสัญญาณใหม่ 3 จี ยังปักไม่ครบด้วยซ้ำ ทำให้ คสช.ต้องสั่งระงับการประมูล 4 จี ออกไปก่อน
การประมูล ทีวีดิจิตอล 24 ช่อง ก็เหมือนกัน พอเปิดประมูลเสร็จก็ เกิดคำถามขึ้นทันทีว่า ใครจะเจ๊งก่อน เพราะ กสท.เปิดประมูลช่องมากเกินไป นี่ยังไม่รวม ทีวีดิจิตอลช่องสาธารณะอีก 12 ช่อง และ ทีวีดิจิตอลช่องบริการชุมชนอีก 12 ช่อง รวมเป็น 48 ช่อง และยังไม่นับรวม เคเบิลทีวี และโทรทัศน์ดาวเทียม อีกหลายร้อยช่อง แล้วจะหาผู้ชมจากที่ไหนมาชมรายการ บางช่องอาจไม่มีผู้ชมเลย ก็อาจเป็นไปได้
วันนี้เริ่มมีข่าวแพลมออกมาแล้ว มีทีวีดิจิตอลบางช่อง เริ่มไม่จ่ายค่าตัวดารา ไม่จ่ายค่าผลิตรายการ เพราะขาดเงินทุนหมุนเวียน อาจต้องบ๊ายบายแท้งไปก่อนเกิด
ปัญหาของทีวีดิจิตอลในวันนี้ ไม่ใช่เพราะช่อง 3 อะนาล็อกไม่ยอมเปลี่ยนผ่าน ต่อให้ช่อง 3 อะนาล็อกยอมเปลี่ยนผ่าน ก็ไม่ได้ช่วยให้ฐานะทีวีดิจิตอลดีขึ้น เพราะต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น คุณภาพรายการแต่ละช่อง อย่าง ช่องเวิร์คพ้อยท์ ช่อง 8 อาร์เอส ช่องไทยรัฐ แม้จะมีช่อง 3 อะนาล็อก ทั้งสามช่องนี้ก็มีผู้ชมมากจนติดอันดับที่โฆษณาจะไหลเข้า ไปจนถึงคู่แข่งที่เป็น เคเบิลทีวี และ ทีวีดาวเทียม อีกหลายร้อยช่อง หลายช่องก็ออกอากาศในระบบ HD ที่มีความคมชัดสูง ไม่แพ้ทีวีดิจิตอล
ทีวีดิจิตอล จึงไม่เพียงต้องแข่งขันกันเอง แต่ยังต้องแข่งกับ เคเบิลทีวี ทีวีดาวเทียม อีกหลายร้อยช่อง มิหนำซ้ำ ทีวีดิจิตอลยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก มีผู้คำนวณว่า ทีวีดิจิตอลแต่ละช่อง มีค่าใช้จ่ายอย่างต่ำปีละ 1,000 ล้านบาท ตั้งแต่ ค่าประมูล ค่าเช่าระบบออกอากาศ ค่าธรรมเนียมรายปี ไปจนถึงค่าผลิตรายการ ค่าจ้างพนักงานที่ซื้อตัวกันมาแพงลิ่ว แต่ละช่องจะต้องมีกำไรอย่างต่ำปีละ 1,000 ล้านบาท จึงจะคุ้มทุน เห็นตัวเลขนี้แล้ว ช่องที่จะอยู่รอดได้น่าจะไม่เกิน 10 ช่องจาก 24 ช่อง
เห็น ความหายนะ ของ ทีวีดิจิตอล จาก ผลงาน กสท. หรือยัง
ความจริง การเปลี่ยนผ่านสู่ทีวีดิจิตอล ประเทศอื่นก็ใช้เวลากันหลายปี เช่น ญี่ปุ่น เจ้าของเทคโนโลยีทีวีดิจิตอล ก็ใช้เวลาถึง 11 ปี ปีหน้า 2015 จึงจะเลิกระบบอะนาล็อกโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่ใช้อำนาจและอารมณ์เปลี่ยนผ่านกันง่ายๆไม่กี่เดือน.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
http://www.thairath.co.th/content/450078
ทีวีดิจิตอล ความล้มเหลวครั้งใหญ่ของ กสทช.
ผมไม่รู้ว่าการต่อสู้ระหว่าง ช่อง 3 อะนาล็อก กับ 3 บอร์ด กสท. ที่ใช้อำนาจบีบบังคับให้ ช่อง 3 อะนาล็อก ต้องเปลี่ยนเป็นทีวีดิจิตอล ทันที ทั้งที่ยังมีสัมปทานกับ อสมท.อีกหลายปี ฝ่ายไหนจะเป็นผู้ชนะ รู้แต่ว่าถ้าช่อง 3 อะนาล็อกจอดำ ประชาชนทั้งประเทศ23 ล้านครัวเรือน 65 ล้านคน จะได้รับผลกระทบแน่นอน
เกมนี้ ไม่เพียงมีเรื่อง การเปลี่ยนผ่านไปสู่ทีวีดิจิตอล เท่านั้น แต่ยังมีเบื้องลึกที่เป็นเกมการต่อสู้ระหว่างทีวีดิจิตอลด้วยกัน เพราะ กสท.เปิดประมูลช่องมากเกินไป ทำให้รายการทีวีดิจิตอลส่วนใหญ่ไม่น่าสนใจ ไม่มีคนดู ไม่มีโฆษณา
ผมไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเลือกยืนอยู่ข้างไหนระหว่าง กสทช. ที่ทำงานล้มเหลวซ้ำซาก ตั้งแต่การประมูลโทรศัพท์ 3 จี จนถึงทีวีดิจิตอล 24 ช่อง กับการคืนความสุขให้ประชาชน 65 ล้านคน ที่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่งเพลงตอกย้ำกับประชาชนตลอดเวลา เพราะช่อง 3 อะนาล็อก เป็นความสุขอย่างหนึ่งของประชาชน ที่มีผู้ชมวันละ 40–50 ล้านคน มากเป็นอันดับ 2 รองจากช่อง 7
นับตั้งแต่มี กสทช.ชุดนี้ ระบบโทรคมนาคมการสื่อสารของไทย มีแต่ปัญหากับปัญหาเพราะผู้ที่ได้รับการคัดเลือกมา ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญจริง ส่วนใหญ่ เป็นทหาร เป็นหมอ เป็นเอ็นจีโอ
เริ่มตั้งแต่ การประมูลคลื่นโทรศัพท์ 3 จี ที่มีเรื่องอื้อฉาวจนมีการฟ้องร้อง คลื่นมี 3 ชุด มีผู้ประมูล 3 ราย ไม่รู้เรียกว่าประมูลได้ยังไงในขณะที่เทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่โลกก้าวหน้าไปสู่ระบบ 5 จีแล้ว การประมูลระบบ 3 จี จึงถือว่าค่อนข้างล้าหลัง ทั้งที่ควรจะประมูล 4 จี ทำให้ต้องเร่งประมูล 4 จี หลังจากที่ประมูล 3 จี ไปแค่ปีกว่า เสาสัญญาณใหม่ 3 จี ยังปักไม่ครบด้วยซ้ำ ทำให้ คสช.ต้องสั่งระงับการประมูล 4 จี ออกไปก่อน
การประมูล ทีวีดิจิตอล 24 ช่อง ก็เหมือนกัน พอเปิดประมูลเสร็จก็ เกิดคำถามขึ้นทันทีว่า ใครจะเจ๊งก่อน เพราะ กสท.เปิดประมูลช่องมากเกินไป นี่ยังไม่รวม ทีวีดิจิตอลช่องสาธารณะอีก 12 ช่อง และ ทีวีดิจิตอลช่องบริการชุมชนอีก 12 ช่อง รวมเป็น 48 ช่อง และยังไม่นับรวม เคเบิลทีวี และโทรทัศน์ดาวเทียม อีกหลายร้อยช่อง แล้วจะหาผู้ชมจากที่ไหนมาชมรายการ บางช่องอาจไม่มีผู้ชมเลย ก็อาจเป็นไปได้
วันนี้เริ่มมีข่าวแพลมออกมาแล้ว มีทีวีดิจิตอลบางช่อง เริ่มไม่จ่ายค่าตัวดารา ไม่จ่ายค่าผลิตรายการ เพราะขาดเงินทุนหมุนเวียน อาจต้องบ๊ายบายแท้งไปก่อนเกิด
ปัญหาของทีวีดิจิตอลในวันนี้ ไม่ใช่เพราะช่อง 3 อะนาล็อกไม่ยอมเปลี่ยนผ่าน ต่อให้ช่อง 3 อะนาล็อกยอมเปลี่ยนผ่าน ก็ไม่ได้ช่วยให้ฐานะทีวีดิจิตอลดีขึ้น เพราะต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น คุณภาพรายการแต่ละช่อง อย่าง ช่องเวิร์คพ้อยท์ ช่อง 8 อาร์เอส ช่องไทยรัฐ แม้จะมีช่อง 3 อะนาล็อก ทั้งสามช่องนี้ก็มีผู้ชมมากจนติดอันดับที่โฆษณาจะไหลเข้า ไปจนถึงคู่แข่งที่เป็น เคเบิลทีวี และ ทีวีดาวเทียม อีกหลายร้อยช่อง หลายช่องก็ออกอากาศในระบบ HD ที่มีความคมชัดสูง ไม่แพ้ทีวีดิจิตอล
ทีวีดิจิตอล จึงไม่เพียงต้องแข่งขันกันเอง แต่ยังต้องแข่งกับ เคเบิลทีวี ทีวีดาวเทียม อีกหลายร้อยช่อง มิหนำซ้ำ ทีวีดิจิตอลยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก มีผู้คำนวณว่า ทีวีดิจิตอลแต่ละช่อง มีค่าใช้จ่ายอย่างต่ำปีละ 1,000 ล้านบาท ตั้งแต่ ค่าประมูล ค่าเช่าระบบออกอากาศ ค่าธรรมเนียมรายปี ไปจนถึงค่าผลิตรายการ ค่าจ้างพนักงานที่ซื้อตัวกันมาแพงลิ่ว แต่ละช่องจะต้องมีกำไรอย่างต่ำปีละ 1,000 ล้านบาท จึงจะคุ้มทุน เห็นตัวเลขนี้แล้ว ช่องที่จะอยู่รอดได้น่าจะไม่เกิน 10 ช่องจาก 24 ช่อง
เห็น ความหายนะ ของ ทีวีดิจิตอล จาก ผลงาน กสท. หรือยัง
ความจริง การเปลี่ยนผ่านสู่ทีวีดิจิตอล ประเทศอื่นก็ใช้เวลากันหลายปี เช่น ญี่ปุ่น เจ้าของเทคโนโลยีทีวีดิจิตอล ก็ใช้เวลาถึง 11 ปี ปีหน้า 2015 จึงจะเลิกระบบอะนาล็อกโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่ใช้อำนาจและอารมณ์เปลี่ยนผ่านกันง่ายๆไม่กี่เดือน.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
http://www.thairath.co.th/content/450078