“ออฟ”เห็น“อ๊อด”ถนัดโรแมนติก เลยให้กำกับ “สิงห์” ซีรีส์ "เลือดมังกร"
เปิดตัวไปแล้วอย่างยิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง ถ้าไม่นับนักข่าว-แฟนคลับ-ผู้มาร่วมงาน เฉพาะนักแสดงที่มาบวงสรวง ก็แทบจะไม่มีที่อยู่ที่ยืนกันแล้ว เพราะหนาแน่นเหลือเกิน
ซีรีส์"เลือดมังกร"คือละคร 5 เรื่อง "เสือ สิงห์ กระทิง แรด หงส์" มีพระเอกนางเอกไล่เรียงดังนี้ "อนันดา-คิมเบอร์ลี่, ติ๊ก เจษฎาภรณ์-มิว นิษฐา, เคน ธีรเดช-เชอรี่ เข็มอัปสร, แอนดริว-แต้ว ณฐพร, บอย ปกรณ์-เจนี่" เดิมทีมีผู้กำกับ 5 คน 5 เรื่อง แต่แล้วความไม่ลงตัวทำให้เหลือผู้กำกับเพียงสองท่าน คือ “ออฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง” เป็นทั้งผู้จัดและผู้กำกับ และ...
“อ๊อด บัณฑิต ทองดี” ผู้กำกับเรื่อง “สิงห์”
“โปรเจ็คนี้แรกเริ่มทีเดียวมีผู้กำกับ 5 คน ประชุมกัน 5 ทีม แต่ด้วยคิวดารา คิวผู้กำกับ ที่วางไว้ไม่ตรง ทำให้แตกกระจาย เหลือผมกับพี่ติ๊กที่คิวลงตัวพอดีก็เลยมาเจอกัน ตอนแรกพี่ออฟให้ทำเรื่อง “สิงห์” แล้วก็ “แรด” แต่ผมติด พี่ออฟเลยทำคนเดียวเพราะว่าซีรีส์มันต่อเนื่องจะรอไม่ได้
ความยาวแต่ละเรื่องจะน้อยกว่าปกติ ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ เรื่องราวจะไม่ต่อเนื่อง แต่อาจจะทับซ้อนกัน มาร่วมเหตุการณ์กัน เหมือนเรื่อง "คุณชายจุฑาเทพ" และ "สามทหารเสือสาว"
ทำงานกันอย่างไร ผู้กำกับ 2 คน 5 เรื่อง
“เราต้องดูแนวทางของพี่ออฟด้วย ต้องไปในทิศทางเดียวกัน ไม่งั้นมันจะโดด แต่การนำเสนอวิธีการถ่ายทำจะเป็นลายมือเรา แต่ต้องให้คล้ายกัน โชคดีว่าทีมงานบางคนเป็นคนเดียวกัน สามารถปรึกษาได้ พี่ออฟจะละเอียดกว่าผมนิดหนึ่ง
เท่าที่ถ่ายทำมาก็เหนื่อยเหมือนกันเพราะว่าต้องคิดเยอะขึ้น ละครย้อนยุค ต้องทำการบ้านเยอะ ถ่ายยังไงให้สวย หลบมุมยังไง ไม่ให้ผิดยุคผิดสมัย ต้องหาโลเคชั่นที่เข้ายุคเข้าสมัย”
เนื้อเรื่องเกี่ยวกับประเพณีวัฒนธรรมจีนด้วย
"เรื่องพิธีจีน ทั้งสาร์ทจีน ไหว้เจ้า แต่งงาน เพราะว่าเราไม่ใช่คนจีน เราก็ปรึกษา "เฮียเม้ง" (อาเม้ง ป.ปลา) จะมีพิธีแต่งงานตอนกลางๆ เรื่องด้วย หรืออย่างพิธีไหว้พระจันทร์ ต้องไหว้กลางแจ้ง ต้องมีของไหว้อะไรบ้าง ก็ปรึกษาเขา
กังวลเรื่องทีมงานประกบ เราจะสู้เขาได้ไหม ดูแล้วจะยังไง จะออกมาเป็นยังไง จะด้อยกว่าเขาไหม อีกอย่างแม้เราจะรีเสิร์ชข้อมูลมาแต่ก็ไม่มีใครบอกได้ว่าอันนี้ถูกผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งเรื่องภาษาพูด เรื่องของประกอบฉาก สิ่งที่มีในยุคนั้น บางทีแปรงขัดรองเท้าอันหนึ่งก็ต้องคิดว่าในยุคนั้นมีหรือยัง"
ทำงานกับพี่ติ๊กกับน้องมิว เป็นอย่างไรบ้าง
"พระเอกถูกพ่อส่งไปอยู่เมืองนอกเพราะไม่อยากให้ยุ่งกับมาเฟีย ทำให้เป็นคนขี้งอน อยากเอาชนะ พอได้มาเจอนางเอก ทำให้เรียนรู้การมีชีวิตอยู่ ทำให้ลดทิฐิลงไป ความรักทำให้เขายอมอ่อนลงแล้วเปลี่ยนความคิดได้
น้องมิวเป็นลูกแม่ค้าที่มีมีน้ำใจกับคนด้อยโอกาส ทำให้โดนใจพี่ติ๊ก สาวชาวบ้านคนนี้มีความคิดที่ดี ถูกสั่งสอนมาอย่างดี ทำให้เขารู้จักรักและเปลี่ยนความคิดหลายๆ อย่าง จากดุดัน เอาชนะคนอื่น เป็นคนที่สงบลง
คู่นี้ตอนแรกก็คิดว่าจะเข้ากันไหม เพราะว่าพี่ติ๊กนิ่งๆ น้องมิวก็นิ่งๆ แต่พอมาเล่นด้วยกัน พี่ติ๊กเป็นคนสนุกสนาน ขี้เล่น ทำให้ไม่ติดขัด สองคนเข้ากันได้ดี น่ารัก เล่นกัน ปล่อยมุกกัน แหย่กัน
พี่ติ๊กจะมีวิธีเล่นในแบบของเขา ก็พูดคุยกัน แลกเปลี่ยน แชร์กัน มาบาลานซ์กัน พี่ติ๊กก็เข้าใจ ทำงานได้ราบรื่น
น้องมิว ส่วนมากได้รับใกล้เคียงกับตัวเอง บท "อาจู" จะนิ่ง สุขุม มีความคิด ไม่ใช่เด็กสาวสดใสร่าเริง ถ่ายทอดออกมาได้ไม่ยาก และค่อนข้างตรง พี่ติ๊กชอบแหย่น้องมิว ทำให้บรรยากาศในกองไม่เครียด สนุกสนานมาก แล้วเรื่องนี้โรแมนติกมากกว่าแอคชั่นด้วย"
โรแมนติกขนาดไหน
"ก็มีข้อจำกัดนะ ด้วยเป็นละครพีเรียด คำพูดคำจา มีกอด มีจับมือบ้าง แต่มากกว่านี้ หอมแก้มคงไม่มี คนในยุคนั้นเขาไม่ปฏิบัติอะไรแบบนั้น ไม่ทำอะไรกันได้ง่ายๆ หรือฉากในห้องนอนก็แค่กอดกันแล้วก็คุยกัน
เราจะเน้นโรแมนติกด้วยคำพูด อารมณ์ สายตา แฟนๆ จะได้เห็นพี่ติ๊กโรแมนติกเต็มที่ เพราะเราเน้นพาร์ทโรแมนติกมาก
ส่วนบู๊จะเน้นปืน พี่ติ๊กจะพกปืน 2 กระบอกตลอดเวลา เน้นแอคชั่นยิงปืน เท่ๆ ไม่ได้วินาศสันตะโรอะไรมาก ยิงเท่าที่จำเป็น
พี่ติ๊กฝึกซ้อมมาอย่างดี บางทียังสอนเราด้วยว่า ต้องจับอย่างนี้ ขึ้นนกอย่างนี้ เรื่องท่าทางไม่ต้องห่วง เขาชอบเรื่องบู๊แอคชั่นอยู่แล้ว ยังบ่นเลยว่าน่าจะแอคชั่นมากกว่านี้"
ได้ร่วมงานกับพี่ออฟ รู้สึกอย่างไร
“ได้ทำละครกับพี่ออฟ ดีใจอยู่แล้ว ในเรื่องของละครเขาเป็นผู้กำกับที่สุดยอดคนหนึ่งในวงการละคร ไม่ว่าวิธีคิดหรือผลงาน เรารู้สึกว่า เขาเป็นครูได้เลย ด้วยวิธีการเล่าเรื่อง วิธีการหลายอย่าง เขาสามารถให้ความรู้กับเราได้ ดีใจมากที่ได้ร่วมงานกันครับ
ผมเป็นคนชอบอะไรที่โรแมนติกอยู่แล้ว เมื่อก่อนทำ MV ก็ทำโรแมนติก เจอพาร์ทโรแมนติกดราม่าเยอะ พอเจอซีนโรแมนติกผมจะชอบ จริงๆ แล้วผมชอบแนวโรแมนติกคอมาดี้นะ พี่ออฟคงมองเห็นเลยเอาพาร์ทโรแมนติกส่งมาให้ผม”
ละครเรื่องนี้ให้อะไรกับคนดู
“ทั้ง 5 เรื่องมีแนวคิดของตัวเอง มีเรื่องคุณธรรมและความซื่อสัตย์ ของเราเน้นความมุ่งมั่น มีคุณธรรม ทำให้สามารถไปตามความฝันแล้วก็ไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้ ทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตได้
อยากฝากซีรีส์มาเฟียเลือดมังกรกับแฟนๆ ผู้ชม เรื่องนี้ผมตั้งใจทำมาก เป็นละครพีเรียดดราม่าจัดๆ เรื่องแรกที่ได้ทำก็อยากให้ทุกคนติดตามผลงาน”
เป็นละครซีรีส์ฟอร์มใหญ่ที่น่าดูอีกเรื่องหนึ่ง และคงได้ดูอย่างจุใจ เพราะมีถึง 5 เรื่องให้ได้รับชม
http://www.manager.co.th/Drama/ViewNews.aspx?NewsID=9570000105365
“ออฟ”เห็น“อ๊อด”ถนัดโรแมนติก เลยให้กำกับ “สิงห์” ซีรีส์ "เลือดมังกร"
เปิดตัวไปแล้วอย่างยิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง ถ้าไม่นับนักข่าว-แฟนคลับ-ผู้มาร่วมงาน เฉพาะนักแสดงที่มาบวงสรวง ก็แทบจะไม่มีที่อยู่ที่ยืนกันแล้ว เพราะหนาแน่นเหลือเกิน
ซีรีส์"เลือดมังกร"คือละคร 5 เรื่อง "เสือ สิงห์ กระทิง แรด หงส์" มีพระเอกนางเอกไล่เรียงดังนี้ "อนันดา-คิมเบอร์ลี่, ติ๊ก เจษฎาภรณ์-มิว นิษฐา, เคน ธีรเดช-เชอรี่ เข็มอัปสร, แอนดริว-แต้ว ณฐพร, บอย ปกรณ์-เจนี่" เดิมทีมีผู้กำกับ 5 คน 5 เรื่อง แต่แล้วความไม่ลงตัวทำให้เหลือผู้กำกับเพียงสองท่าน คือ “ออฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง” เป็นทั้งผู้จัดและผู้กำกับ และ...
“อ๊อด บัณฑิต ทองดี” ผู้กำกับเรื่อง “สิงห์”
“โปรเจ็คนี้แรกเริ่มทีเดียวมีผู้กำกับ 5 คน ประชุมกัน 5 ทีม แต่ด้วยคิวดารา คิวผู้กำกับ ที่วางไว้ไม่ตรง ทำให้แตกกระจาย เหลือผมกับพี่ติ๊กที่คิวลงตัวพอดีก็เลยมาเจอกัน ตอนแรกพี่ออฟให้ทำเรื่อง “สิงห์” แล้วก็ “แรด” แต่ผมติด พี่ออฟเลยทำคนเดียวเพราะว่าซีรีส์มันต่อเนื่องจะรอไม่ได้
ความยาวแต่ละเรื่องจะน้อยกว่าปกติ ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ เรื่องราวจะไม่ต่อเนื่อง แต่อาจจะทับซ้อนกัน มาร่วมเหตุการณ์กัน เหมือนเรื่อง "คุณชายจุฑาเทพ" และ "สามทหารเสือสาว"
ทำงานกันอย่างไร ผู้กำกับ 2 คน 5 เรื่อง
“เราต้องดูแนวทางของพี่ออฟด้วย ต้องไปในทิศทางเดียวกัน ไม่งั้นมันจะโดด แต่การนำเสนอวิธีการถ่ายทำจะเป็นลายมือเรา แต่ต้องให้คล้ายกัน โชคดีว่าทีมงานบางคนเป็นคนเดียวกัน สามารถปรึกษาได้ พี่ออฟจะละเอียดกว่าผมนิดหนึ่ง
เท่าที่ถ่ายทำมาก็เหนื่อยเหมือนกันเพราะว่าต้องคิดเยอะขึ้น ละครย้อนยุค ต้องทำการบ้านเยอะ ถ่ายยังไงให้สวย หลบมุมยังไง ไม่ให้ผิดยุคผิดสมัย ต้องหาโลเคชั่นที่เข้ายุคเข้าสมัย”
เนื้อเรื่องเกี่ยวกับประเพณีวัฒนธรรมจีนด้วย
"เรื่องพิธีจีน ทั้งสาร์ทจีน ไหว้เจ้า แต่งงาน เพราะว่าเราไม่ใช่คนจีน เราก็ปรึกษา "เฮียเม้ง" (อาเม้ง ป.ปลา) จะมีพิธีแต่งงานตอนกลางๆ เรื่องด้วย หรืออย่างพิธีไหว้พระจันทร์ ต้องไหว้กลางแจ้ง ต้องมีของไหว้อะไรบ้าง ก็ปรึกษาเขา
กังวลเรื่องทีมงานประกบ เราจะสู้เขาได้ไหม ดูแล้วจะยังไง จะออกมาเป็นยังไง จะด้อยกว่าเขาไหม อีกอย่างแม้เราจะรีเสิร์ชข้อมูลมาแต่ก็ไม่มีใครบอกได้ว่าอันนี้ถูกผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งเรื่องภาษาพูด เรื่องของประกอบฉาก สิ่งที่มีในยุคนั้น บางทีแปรงขัดรองเท้าอันหนึ่งก็ต้องคิดว่าในยุคนั้นมีหรือยัง"
ทำงานกับพี่ติ๊กกับน้องมิว เป็นอย่างไรบ้าง
"พระเอกถูกพ่อส่งไปอยู่เมืองนอกเพราะไม่อยากให้ยุ่งกับมาเฟีย ทำให้เป็นคนขี้งอน อยากเอาชนะ พอได้มาเจอนางเอก ทำให้เรียนรู้การมีชีวิตอยู่ ทำให้ลดทิฐิลงไป ความรักทำให้เขายอมอ่อนลงแล้วเปลี่ยนความคิดได้
น้องมิวเป็นลูกแม่ค้าที่มีมีน้ำใจกับคนด้อยโอกาส ทำให้โดนใจพี่ติ๊ก สาวชาวบ้านคนนี้มีความคิดที่ดี ถูกสั่งสอนมาอย่างดี ทำให้เขารู้จักรักและเปลี่ยนความคิดหลายๆ อย่าง จากดุดัน เอาชนะคนอื่น เป็นคนที่สงบลง
คู่นี้ตอนแรกก็คิดว่าจะเข้ากันไหม เพราะว่าพี่ติ๊กนิ่งๆ น้องมิวก็นิ่งๆ แต่พอมาเล่นด้วยกัน พี่ติ๊กเป็นคนสนุกสนาน ขี้เล่น ทำให้ไม่ติดขัด สองคนเข้ากันได้ดี น่ารัก เล่นกัน ปล่อยมุกกัน แหย่กัน
พี่ติ๊กจะมีวิธีเล่นในแบบของเขา ก็พูดคุยกัน แลกเปลี่ยน แชร์กัน มาบาลานซ์กัน พี่ติ๊กก็เข้าใจ ทำงานได้ราบรื่น
น้องมิว ส่วนมากได้รับใกล้เคียงกับตัวเอง บท "อาจู" จะนิ่ง สุขุม มีความคิด ไม่ใช่เด็กสาวสดใสร่าเริง ถ่ายทอดออกมาได้ไม่ยาก และค่อนข้างตรง พี่ติ๊กชอบแหย่น้องมิว ทำให้บรรยากาศในกองไม่เครียด สนุกสนานมาก แล้วเรื่องนี้โรแมนติกมากกว่าแอคชั่นด้วย"
โรแมนติกขนาดไหน
"ก็มีข้อจำกัดนะ ด้วยเป็นละครพีเรียด คำพูดคำจา มีกอด มีจับมือบ้าง แต่มากกว่านี้ หอมแก้มคงไม่มี คนในยุคนั้นเขาไม่ปฏิบัติอะไรแบบนั้น ไม่ทำอะไรกันได้ง่ายๆ หรือฉากในห้องนอนก็แค่กอดกันแล้วก็คุยกัน
เราจะเน้นโรแมนติกด้วยคำพูด อารมณ์ สายตา แฟนๆ จะได้เห็นพี่ติ๊กโรแมนติกเต็มที่ เพราะเราเน้นพาร์ทโรแมนติกมาก
ส่วนบู๊จะเน้นปืน พี่ติ๊กจะพกปืน 2 กระบอกตลอดเวลา เน้นแอคชั่นยิงปืน เท่ๆ ไม่ได้วินาศสันตะโรอะไรมาก ยิงเท่าที่จำเป็น
พี่ติ๊กฝึกซ้อมมาอย่างดี บางทียังสอนเราด้วยว่า ต้องจับอย่างนี้ ขึ้นนกอย่างนี้ เรื่องท่าทางไม่ต้องห่วง เขาชอบเรื่องบู๊แอคชั่นอยู่แล้ว ยังบ่นเลยว่าน่าจะแอคชั่นมากกว่านี้"
ได้ร่วมงานกับพี่ออฟ รู้สึกอย่างไร
“ได้ทำละครกับพี่ออฟ ดีใจอยู่แล้ว ในเรื่องของละครเขาเป็นผู้กำกับที่สุดยอดคนหนึ่งในวงการละคร ไม่ว่าวิธีคิดหรือผลงาน เรารู้สึกว่า เขาเป็นครูได้เลย ด้วยวิธีการเล่าเรื่อง วิธีการหลายอย่าง เขาสามารถให้ความรู้กับเราได้ ดีใจมากที่ได้ร่วมงานกันครับ
ผมเป็นคนชอบอะไรที่โรแมนติกอยู่แล้ว เมื่อก่อนทำ MV ก็ทำโรแมนติก เจอพาร์ทโรแมนติกดราม่าเยอะ พอเจอซีนโรแมนติกผมจะชอบ จริงๆ แล้วผมชอบแนวโรแมนติกคอมาดี้นะ พี่ออฟคงมองเห็นเลยเอาพาร์ทโรแมนติกส่งมาให้ผม”
ละครเรื่องนี้ให้อะไรกับคนดู
“ทั้ง 5 เรื่องมีแนวคิดของตัวเอง มีเรื่องคุณธรรมและความซื่อสัตย์ ของเราเน้นความมุ่งมั่น มีคุณธรรม ทำให้สามารถไปตามความฝันแล้วก็ไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้ ทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตได้
อยากฝากซีรีส์มาเฟียเลือดมังกรกับแฟนๆ ผู้ชม เรื่องนี้ผมตั้งใจทำมาก เป็นละครพีเรียดดราม่าจัดๆ เรื่องแรกที่ได้ทำก็อยากให้ทุกคนติดตามผลงาน”
เป็นละครซีรีส์ฟอร์มใหญ่ที่น่าดูอีกเรื่องหนึ่ง และคงได้ดูอย่างจุใจ เพราะมีถึง 5 เรื่องให้ได้รับชม
http://www.manager.co.th/Drama/ViewNews.aspx?NewsID=9570000105365