สวัสดีวันเสาร์ค่ะ เมื่อวานเราก็ไปโพสใน facebook ของที่นี่ แต่วันนี้เข้าไปดูก็ไม่มีแล้ว น่ารักมากเลยเนอะ วันนี้จะมาเล่าแบบละเอียดเลยนะคะ
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 4 ได้ไปเที่ยวที่นี่ ได้ซื้อตั๋วราคา 280 บาท 2 ใบกับคุณแฟน ตอนแรกว่าจะเข้าไปถ่ายรูปที่ 3D ก่อน แต่พนักงานบอกว่าคนเยอะ ถ่ายน่าจะไม่สวย แนะนำให้ไปทำกิจกรรมอื่นๆก่อน เราสองคนก็โอเค ไปทำนู้นนี่นั่นก่อน พอเริ่มเย็นเลยจะมาถ่ายรูปที่ 3D แล้วจะกลับเลย เพราะเหนื่อยและหิวมากแล้ว
เรื่องเริ่มตรงนี้แหละค่ะ คือต้องถอดรองเท้าก่อนขึ้นไปถ่ายรูป เราก็มองที่ชั้นวางรองเท้าก็เห็นรองเท้าคู่นึงรุ่นเดียว สีเดียวกับเราเลย เราก็กลัวว่าเขาจะหยิบผิดไป เราเลยไปวางให้ไกลกับเขามากที่สุด คือสุดชั้นวางรองเท้าเลยอะค่ะ คนละฝั่งกับรองเท้าคู่นั้น เรากับแฟนก็วางรองเท้าไว้ใกล้ๆกัน ตรงมุมนั้นจะมีแค่รองเท้าเรากับแฟนเท่านั้น เพราะเย็นแล้ว เริ่มไม่ค่อยมีคน ตอนแรกเราคิดว่าจะบอกให้พนักงานว่าให้ช่วยดูรองเท้าให้เราหน่อย เพราะมีคู่ที่เหมือนกัน กลัวเขาจะหยิบผิด แต่ก็ไม่ได้บอกเพราะไม่อยากให้พนักงานคิดว่าเรื่องมาก กะอีแค่รองเท้า และเราก็เอาไปวางไกลแล้ว คงไม่มีทางหยิบผิดหรอก เพราะรองเท้าคู่นั้นก็ว่าอยู่ใกล้ๆคู่อื่นซึ่งน่าจะมาด้วยกัน คงวางไว้ใกล้กัน คงไม่เดินอีกหลายก้าวเพื่อไปหยิบคู่ที่ไกลกว่าและวางไว้กับคู่อื่น แต่เราก็มิวายบอกแฟนว่ากลัวรองเท้าหายจังเลย แฟนก็บอกว่าไม่หายหรอกน่า แค่รองเท้าเอง เราเลยไม่ได้ว่าอะไรต่อ พอถ่ายรูปได้ซักพักก็ลงมา สายตาก็เหลือบไปเห็นรองเท้าคู่นั้นซึ่งไม่ใช่ของเรานอนแน่นิ่งอยู่ที่ชั้น ใจตกไปอยู่ตาตุ่มเลยค่ะ เพราะเราสองคนเป็นคู่สุดท้ายที่อยู่ข้างบน เลยรีบเบนสายตาไปตำแหน่งที่เราวางรองเท้าอยู่ ก็เจอแต่รองเท้าแฟนนอนอ้างว้างไร้คู่อยู่ตรงมุมนั้นลำพัง แค่นั้นแหละ เราก็พูดขึ้นมาว่า "Baby!!!! Where is my shoes?" ด้วยเสียงอันดัง และรีบปี่ไปที่รองเท้าคู่นั้น "It's not my shoes" เลยหันไปบอกพนักงานที่เคาน์เตอร์
เรา - พี่ค่ะ มีคนสลับรองเท้าไปค่ะ
พนักงาน A - จริงเหรอคะ
เรา - จริงค่ะ รองเท้าหนูวางไว้กันแฟนที่มุมนี้ (ชี้ไปตรงจุดๆนั้น) แต่มันไม่มีแล้ว แต่เหลือคู่นี้ (ชี้ไปที่รองเท้าเจ้าทุกข์) ซึ้งไม่ใช่ของหนู รองเท้าหนูไม่สกปรกขนาดนี้ และไม่ใช่ไซร์นี้ แต่ใกล้เคียง
พนักงาน A - งั้นรอสักครู่นะคะ จะให้คนไปดู CCTV ให้ค่ะ แต่ไม่แน่ว่าจะเห็นหรือเปล่านะคะ เพราะรองเท้าอยู่ใต้กล้องพอดี
แล้วนางก็ออกไป
รหว่างนั้นเราก็คุยกะแฟน พนักงาน B ก็พูดขึ้นมาว่า"ไม่เคยเกิดเคสนี้มาก่อนนะคะ" เราก็นึกฉุนแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรไป ยังคงคุยกับแฟนต่อ
เวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที พนักงาน A ก็เดินเข้ามาพร้อมกับคุณลุงรปภคนนึง
ลุงรปภ 1 - ทำไมทำหายละเนี่ย
เรา - หนูก็ไม่อยากให้หายหรอกค่ะ และไม่คิดว่าจะหายด้วย
ลุงรปภ1 - ทำไงล่ะทีนี้ รองเท้าหนูแพงไหม
เรา - แพงค่ะ หนูจำได้ไม่แน่นอน แต่น่าจะประมาณ 5000
ลุงรปภ 1 - ทำไมต้องซื้อรองเท้าแพงด้วยล่ะ ทำไมไม่ใส่ถูกๆ
เรา - คือมันใส่สบายอะค่ะ (มันก็เรื่องของหนูปะคะคุณลุง)
ลุงแกก็ถ่ายรูปรองเท้าเราไป แล้วเราก็รอต่อไปแบบไม่รู้ว่ารออะไร
พนักงาน B - ไม่เคยเกิดเคสนี้มาก่อนเลยนะ (พูดซ้ำรอบที่ 2 )
เรา - หนูก็ไม่เคยเกิดเคสแบบนี้เหมือนกันค่ะ ครั้งแรกเหมือนกัน ใครจะคิดละคะ ว่าจะหาย ค่าเข้าหรือก็แพง พนักงานก็มีอยู่ตั้ง 2 คน
นางก็เงียบไป
ผ่านไป 10 นาที ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเราเลยเดินไปตรงทางเข้า (เดินเท้าเปล่า)
เรา - พี่คะ คนกลับไปเยอะยังอะคะ
พี่รปภ 2 - เยอะละครับ
เรา - มีทางออกกี่ทางคะ
พี่รปภ 2 - 4 ทางครับ
เราก็เลยบ่นๆ และบอกว่าพนักงาน B พูดยังไง พี่แกก็บอกว่าให้เล่าให้ผู้จัดการฟังให้หมดเลยนะ เราพูดอะไรก็พูดแค่ว่าให้เราบอกผู้จัดการ คือไม่ต้องบอกตรู อะไรทำนองนี้ เราเลยไม่พูดอะไรต่อ เปลืองน้ำลาย เราเลยนั่งจุมปุกตรงทางออกนั่นแหละ
25 นาทีผ่านไป
มีพี่ผู้หญิงคนนึงเดินมา ตอนแรกเราคิดว่าเป็นผู้จัดการ เขาก็พูดดีนะว่าเดี๋ยวเขาจะชดใช้ค่าเสียหายที่ทำให้เสียความรู้สึกให้ และบอกว่าเข้าใจเราทุกอย่าง คือคุยกันแบบโอเคอะค่ะ เราก็คิดว่าเรื่องผ่านไปได้ด้วยดีละ พี่เขาก็เดินกลับไปในที่เกิดเหตุ เราก็เลยชวนแฟนเดินไป พี่เขาก็คุยอะไรก็ไม่รู้แล้วบอกให้เรารอซักพัก เราก็รอต่อไป ซักพักพี่เขาก็คุยโทรศัพท์กับอีกคนนึง น่าจะเป็นผู้จัดการ ในใจก็คิดว่าอ้าว สรุปผู้จัดการเพิ่งรู้เหรอ ผ่านมาชั่วโมงกว่าละนะ คือพี่เขาก็คุยดังอะนะ น่าจะสื่อให้เราได้ยิน ทำนองว่าไม่สามารถจะชดใช้เป็นเงินได้ เราก็บอกแฟนในสิ่งที่เราได้ยิน แฟนเป็นคนต่างชาติน่ะ ฟังไทยไม่รู้เรื่อง ^^ (เราก็ไม่ได้คิดจะให้เขาชดใช้เป็นเงิน เราแค่อยากได้รองเท้าเราคือ หรือไม่เขาก็ต้องรับผิดชอบอะไรซักอย่างที่สมเหตุสมผล ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าอะไรเหมือนกัน)
พอพี่เขาคุญโทรศัพท์เสร็จก็มาคุยกะเราว่า " ทางเราไม่สามารถชดใช้ให้เป็นเงินสนได้ไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม แต่เราจะหารองเท้ามาให้คุณลูกค้าใส่กลับบ้าน แต่อาจจะไม่ใช่รองเท้าแบรนด์เนมเหมือนรองเท้าของคุณลูกค้านะคะ ทางเรามีรองเท้าอยู่คู่นึงค่ะ มีลูกค้าซื้อแล้วลืมไว้ และไม่ได้กลับมาเอา ใหม่เอี่ยมเลยนะคะ" พูดแล้วก็เดินไปเอารองเท้ามาให้เราลอง เราก็ลองแบบอึ้งๆ (ที่ลองเพราะอี่งค่ะ ทำอะไรไม่ถูก) แต่รองเท้าไม่พอดีกับเท้าเรา รองเท้าใหญ่แต่เท้าเราเล็ก เขาก็คุยกันว่าใส่ไม่ได้อะ ร้านรองเท้าก็ปิดหมดแล้ว พูดง่ายๆคือเราไม่มีทางเลือกนะ พอเราได้สติเท่านั้นแหละ
"
พี่คะ หนูก็ไม่ได้เป็นคนเรื่องมากอะไร หนูก็อยากจะบอกว่า'โอเคค่ะ' แล้วก็กลับบ้านไป เพราะตอนนี้หนูก็ทั้งเหนื่อยและก็หิวมาก เที่ยวมาอาทิตย์นึงแล้ว อยากกลับไปหาไรอร่อยๆ ทาน นอนแช่น้ำอุ่นๆ และนอนพักผ่อนเพื่อพรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยวที่อื่นต่อ แต่พี่ Fitflop เลยนะพี่ คุ่นึงครึ่งหมื่น มันไม่สามารถพูดว่าโอเคได้ง่ายๆ หนูไม่ได้ร่ำรวยอะไร ไม่สามารถจะใส่ทิ้งๆขว้างๆได้ แต่พี่พูดมาขนาดนี้ และปล่อยให้หนูรอเกือบ 2 ชั่วโมงโดยที่ไม่ได้อะไรจากพี่เลยนอกจากรองเท้าที่ลูกค้าท่านอื่นซื้อแล้วลืมไว้ นี่เหรอคะ การแสดงความรับผิดชอบของที่นี่ ไม่เป็นไรค่ะ คงเป็นคราวซวยของหนูเองที่เลือกมาเที่ยวสถานที่ห่วยๆ เจอพนักงานห่วยๆ ลาละค่ะ" แล้วก็เดินออกไปเลย พี่คนนี้ก็เดินตามโดยเรียกตามหลังว่า"คุณลูกค้าคะๆๆๆๆๆๆๆ" เราก็เดินแบบไม่หันหลังไมองเลย จนมาถึงถนน เพื่อจะข้ามไปฝั่งนู้น (นั่งรถตู้โดยสารมาค่ะ) พี่เขาเลยตามมาทันและบอกว่า"เดี๋ยวให้รถไปส่งค่ะ" เราก็บอกว่า"ไม่จำเป็นค่ะ"
เรื่องก็จบแค่นี้ค่ะ โดยที่ไม่มีคำว่าขอโทษจากทางนั้นเลยซักคำ
รองเท้าเจ้าทุกข์
ความห่วยแตกของ The Venezia Huahin
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 4 ได้ไปเที่ยวที่นี่ ได้ซื้อตั๋วราคา 280 บาท 2 ใบกับคุณแฟน ตอนแรกว่าจะเข้าไปถ่ายรูปที่ 3D ก่อน แต่พนักงานบอกว่าคนเยอะ ถ่ายน่าจะไม่สวย แนะนำให้ไปทำกิจกรรมอื่นๆก่อน เราสองคนก็โอเค ไปทำนู้นนี่นั่นก่อน พอเริ่มเย็นเลยจะมาถ่ายรูปที่ 3D แล้วจะกลับเลย เพราะเหนื่อยและหิวมากแล้ว
เรื่องเริ่มตรงนี้แหละค่ะ คือต้องถอดรองเท้าก่อนขึ้นไปถ่ายรูป เราก็มองที่ชั้นวางรองเท้าก็เห็นรองเท้าคู่นึงรุ่นเดียว สีเดียวกับเราเลย เราก็กลัวว่าเขาจะหยิบผิดไป เราเลยไปวางให้ไกลกับเขามากที่สุด คือสุดชั้นวางรองเท้าเลยอะค่ะ คนละฝั่งกับรองเท้าคู่นั้น เรากับแฟนก็วางรองเท้าไว้ใกล้ๆกัน ตรงมุมนั้นจะมีแค่รองเท้าเรากับแฟนเท่านั้น เพราะเย็นแล้ว เริ่มไม่ค่อยมีคน ตอนแรกเราคิดว่าจะบอกให้พนักงานว่าให้ช่วยดูรองเท้าให้เราหน่อย เพราะมีคู่ที่เหมือนกัน กลัวเขาจะหยิบผิด แต่ก็ไม่ได้บอกเพราะไม่อยากให้พนักงานคิดว่าเรื่องมาก กะอีแค่รองเท้า และเราก็เอาไปวางไกลแล้ว คงไม่มีทางหยิบผิดหรอก เพราะรองเท้าคู่นั้นก็ว่าอยู่ใกล้ๆคู่อื่นซึ่งน่าจะมาด้วยกัน คงวางไว้ใกล้กัน คงไม่เดินอีกหลายก้าวเพื่อไปหยิบคู่ที่ไกลกว่าและวางไว้กับคู่อื่น แต่เราก็มิวายบอกแฟนว่ากลัวรองเท้าหายจังเลย แฟนก็บอกว่าไม่หายหรอกน่า แค่รองเท้าเอง เราเลยไม่ได้ว่าอะไรต่อ พอถ่ายรูปได้ซักพักก็ลงมา สายตาก็เหลือบไปเห็นรองเท้าคู่นั้นซึ่งไม่ใช่ของเรานอนแน่นิ่งอยู่ที่ชั้น ใจตกไปอยู่ตาตุ่มเลยค่ะ เพราะเราสองคนเป็นคู่สุดท้ายที่อยู่ข้างบน เลยรีบเบนสายตาไปตำแหน่งที่เราวางรองเท้าอยู่ ก็เจอแต่รองเท้าแฟนนอนอ้างว้างไร้คู่อยู่ตรงมุมนั้นลำพัง แค่นั้นแหละ เราก็พูดขึ้นมาว่า "Baby!!!! Where is my shoes?" ด้วยเสียงอันดัง และรีบปี่ไปที่รองเท้าคู่นั้น "It's not my shoes" เลยหันไปบอกพนักงานที่เคาน์เตอร์
เรา - พี่ค่ะ มีคนสลับรองเท้าไปค่ะ
พนักงาน A - จริงเหรอคะ
เรา - จริงค่ะ รองเท้าหนูวางไว้กันแฟนที่มุมนี้ (ชี้ไปตรงจุดๆนั้น) แต่มันไม่มีแล้ว แต่เหลือคู่นี้ (ชี้ไปที่รองเท้าเจ้าทุกข์) ซึ้งไม่ใช่ของหนู รองเท้าหนูไม่สกปรกขนาดนี้ และไม่ใช่ไซร์นี้ แต่ใกล้เคียง
พนักงาน A - งั้นรอสักครู่นะคะ จะให้คนไปดู CCTV ให้ค่ะ แต่ไม่แน่ว่าจะเห็นหรือเปล่านะคะ เพราะรองเท้าอยู่ใต้กล้องพอดี
แล้วนางก็ออกไป
รหว่างนั้นเราก็คุยกะแฟน พนักงาน B ก็พูดขึ้นมาว่า"ไม่เคยเกิดเคสนี้มาก่อนนะคะ" เราก็นึกฉุนแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรไป ยังคงคุยกับแฟนต่อ
เวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที พนักงาน A ก็เดินเข้ามาพร้อมกับคุณลุงรปภคนนึง
ลุงรปภ 1 - ทำไมทำหายละเนี่ย
เรา - หนูก็ไม่อยากให้หายหรอกค่ะ และไม่คิดว่าจะหายด้วย
ลุงรปภ1 - ทำไงล่ะทีนี้ รองเท้าหนูแพงไหม
เรา - แพงค่ะ หนูจำได้ไม่แน่นอน แต่น่าจะประมาณ 5000
ลุงรปภ 1 - ทำไมต้องซื้อรองเท้าแพงด้วยล่ะ ทำไมไม่ใส่ถูกๆ
เรา - คือมันใส่สบายอะค่ะ (มันก็เรื่องของหนูปะคะคุณลุง)
ลุงแกก็ถ่ายรูปรองเท้าเราไป แล้วเราก็รอต่อไปแบบไม่รู้ว่ารออะไร
พนักงาน B - ไม่เคยเกิดเคสนี้มาก่อนเลยนะ (พูดซ้ำรอบที่ 2 )
เรา - หนูก็ไม่เคยเกิดเคสแบบนี้เหมือนกันค่ะ ครั้งแรกเหมือนกัน ใครจะคิดละคะ ว่าจะหาย ค่าเข้าหรือก็แพง พนักงานก็มีอยู่ตั้ง 2 คน
นางก็เงียบไป
ผ่านไป 10 นาที ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเราเลยเดินไปตรงทางเข้า (เดินเท้าเปล่า)
เรา - พี่คะ คนกลับไปเยอะยังอะคะ
พี่รปภ 2 - เยอะละครับ
เรา - มีทางออกกี่ทางคะ
พี่รปภ 2 - 4 ทางครับ
เราก็เลยบ่นๆ และบอกว่าพนักงาน B พูดยังไง พี่แกก็บอกว่าให้เล่าให้ผู้จัดการฟังให้หมดเลยนะ เราพูดอะไรก็พูดแค่ว่าให้เราบอกผู้จัดการ คือไม่ต้องบอกตรู อะไรทำนองนี้ เราเลยไม่พูดอะไรต่อ เปลืองน้ำลาย เราเลยนั่งจุมปุกตรงทางออกนั่นแหละ
25 นาทีผ่านไป
มีพี่ผู้หญิงคนนึงเดินมา ตอนแรกเราคิดว่าเป็นผู้จัดการ เขาก็พูดดีนะว่าเดี๋ยวเขาจะชดใช้ค่าเสียหายที่ทำให้เสียความรู้สึกให้ และบอกว่าเข้าใจเราทุกอย่าง คือคุยกันแบบโอเคอะค่ะ เราก็คิดว่าเรื่องผ่านไปได้ด้วยดีละ พี่เขาก็เดินกลับไปในที่เกิดเหตุ เราก็เลยชวนแฟนเดินไป พี่เขาก็คุยอะไรก็ไม่รู้แล้วบอกให้เรารอซักพัก เราก็รอต่อไป ซักพักพี่เขาก็คุยโทรศัพท์กับอีกคนนึง น่าจะเป็นผู้จัดการ ในใจก็คิดว่าอ้าว สรุปผู้จัดการเพิ่งรู้เหรอ ผ่านมาชั่วโมงกว่าละนะ คือพี่เขาก็คุยดังอะนะ น่าจะสื่อให้เราได้ยิน ทำนองว่าไม่สามารถจะชดใช้เป็นเงินได้ เราก็บอกแฟนในสิ่งที่เราได้ยิน แฟนเป็นคนต่างชาติน่ะ ฟังไทยไม่รู้เรื่อง ^^ (เราก็ไม่ได้คิดจะให้เขาชดใช้เป็นเงิน เราแค่อยากได้รองเท้าเราคือ หรือไม่เขาก็ต้องรับผิดชอบอะไรซักอย่างที่สมเหตุสมผล ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าอะไรเหมือนกัน)
พอพี่เขาคุญโทรศัพท์เสร็จก็มาคุยกะเราว่า " ทางเราไม่สามารถชดใช้ให้เป็นเงินสนได้ไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม แต่เราจะหารองเท้ามาให้คุณลูกค้าใส่กลับบ้าน แต่อาจจะไม่ใช่รองเท้าแบรนด์เนมเหมือนรองเท้าของคุณลูกค้านะคะ ทางเรามีรองเท้าอยู่คู่นึงค่ะ มีลูกค้าซื้อแล้วลืมไว้ และไม่ได้กลับมาเอา ใหม่เอี่ยมเลยนะคะ" พูดแล้วก็เดินไปเอารองเท้ามาให้เราลอง เราก็ลองแบบอึ้งๆ (ที่ลองเพราะอี่งค่ะ ทำอะไรไม่ถูก) แต่รองเท้าไม่พอดีกับเท้าเรา รองเท้าใหญ่แต่เท้าเราเล็ก เขาก็คุยกันว่าใส่ไม่ได้อะ ร้านรองเท้าก็ปิดหมดแล้ว พูดง่ายๆคือเราไม่มีทางเลือกนะ พอเราได้สติเท่านั้นแหละ
"พี่คะ หนูก็ไม่ได้เป็นคนเรื่องมากอะไร หนูก็อยากจะบอกว่า'โอเคค่ะ' แล้วก็กลับบ้านไป เพราะตอนนี้หนูก็ทั้งเหนื่อยและก็หิวมาก เที่ยวมาอาทิตย์นึงแล้ว อยากกลับไปหาไรอร่อยๆ ทาน นอนแช่น้ำอุ่นๆ และนอนพักผ่อนเพื่อพรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยวที่อื่นต่อ แต่พี่ Fitflop เลยนะพี่ คุ่นึงครึ่งหมื่น มันไม่สามารถพูดว่าโอเคได้ง่ายๆ หนูไม่ได้ร่ำรวยอะไร ไม่สามารถจะใส่ทิ้งๆขว้างๆได้ แต่พี่พูดมาขนาดนี้ และปล่อยให้หนูรอเกือบ 2 ชั่วโมงโดยที่ไม่ได้อะไรจากพี่เลยนอกจากรองเท้าที่ลูกค้าท่านอื่นซื้อแล้วลืมไว้ นี่เหรอคะ การแสดงความรับผิดชอบของที่นี่ ไม่เป็นไรค่ะ คงเป็นคราวซวยของหนูเองที่เลือกมาเที่ยวสถานที่ห่วยๆ เจอพนักงานห่วยๆ ลาละค่ะ" แล้วก็เดินออกไปเลย พี่คนนี้ก็เดินตามโดยเรียกตามหลังว่า"คุณลูกค้าคะๆๆๆๆๆๆๆ" เราก็เดินแบบไม่หันหลังไมองเลย จนมาถึงถนน เพื่อจะข้ามไปฝั่งนู้น (นั่งรถตู้โดยสารมาค่ะ) พี่เขาเลยตามมาทันและบอกว่า"เดี๋ยวให้รถไปส่งค่ะ" เราก็บอกว่า"ไม่จำเป็นค่ะ"
เรื่องก็จบแค่นี้ค่ะ โดยที่ไม่มีคำว่าขอโทษจากทางนั้นเลยซักคำ
รองเท้าเจ้าทุกข์