สัมมาทิฏฐิ และ มิจฉาทิฏฐิ น้อยคนนักยากจะเข้าใจ

เราได้ฟัง ได้ยิน คำ 2 คำนี้มานานมากตั้งแต่เด็กยันโตจนกระทั่งแก่ใกล้ตาย เราอาจเข้าใจถูกหรือผิดมาโดยตลอด หรือไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ 2 คำนี้เลย
แต่หารู้มั้ยว่าคำ 2 คำนี้ที่ดูเหมือนไม่มีใครสนใจ แต่มันคือจุดเริ่มต้นแห่งการเอาดีในศาสนาพุทธ

ผมจะอธิบายแต่เนื้อๆ ไม่เอาน้ำมากเกินไป เพื่อไม่ให้เยิ่นเย้อ
1. สัมมาทิฏฐิ หมายถึง เห็นชอบ ได้แก่ ความรู้อริยสัจ 4 หรือ เห็นไตรลักษณ์ หรือ รู้อกุศลและอกุศลมูลกับกุศลและกุศลมูล หรือเห็นปฏิจจสมุปบาท เป็นธรรมข้อแรกของมรรคมีองค์ 8
- สัมมาทิฏฐิ ที่เป็นเบื้องต้นของกุศลธรรมนั้น มี 10 ประการ ได้แก่
1.ทานที่ให้แล้วมีผล                              2.การสงเคราะห์กันมีผล
3.การยกย่องบูชาบุคคลที่ควรบูชามีผล       4.ผลแห่งกรรมดีและกรรมชั่วมีจริง
5.โลกนี้มี (ที่มา)                               6.โลกหน้ามี (ที่ไป)
7.แม่มี                                             8.พ่อมี
9.สัตว์ที่เกิดแบบโอปปาติกะมี ---> (เกิดได้เองโดยไม่ต้องมีพ่อแม่ เกิดแล้วโตทันที)
10.พระอรหันต์ผู้หมดกิเลสแล้วมี

สรุปสั้นๆ ถ้าคุณไม่เชื่อ 10 ข้อข้างต้นนี้(เชื่อด้วยใจ ไม่ใช่แค่ปากพูด) คุณจะไม่มีวันเข้าถึงปัญญาแห่งการดับทุกข์ได้เลย อริยสัจ 4 ก็ไม่ผ่าน มรรค 8 ก็ไม่ได้ครับ ไม่มีวันครับ สัมมาทิฏฐิ คือการมองเห็นและเข้าใจความจริงของธรรมชาติ แต่หลายๆคนกลับให้อคติและอัตตามาทำให้ตนเองตามืดบอดจากความเป็นจริงทั้งหลาย เพราะถ้าคุณมองไม่เห็นความจริงของธรรมชาติเป็นเบื้องต้นเสียก่อน คุณก็จะไม่สามารถเข้าถึงอริยสัจ 4 และเดินผิดทางจากมรรค 8

***สัมมาทิฏฐิ คือสิ่งที่หลายๆคนมองข้ามและไม่สนใจ ทั้งๆที่มันเป็นจุด start หรือกุญแจไขไปสู่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยแท้

2.มิจฉาทิฏฐิ คือความไม่เชื่อในกุศลธรรม 10 ประการของสัมมาทิฏฐินั่นแหละ คนเหล่านี้จะหลงทาง เพราะคิดว่าหนทางของตนเองถูก และคนเหล่านี้มักชอบบิดเบือนข้อมูลของศาสนาพุทธ โดยใช้อคติของตนเองเป็นที่ตั้ง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่