“งานไม่ประจำทำเงินกว่า” หนังสือของคุณบอย วิสูตร แสงอรุณเลิศ ... ไม่รู้ผมไปอยู่ไหนมา ทำไมถึงไม่ได้อ่านหนังสือดีๆแบบนี้ ปล่อยให้เนิ่นช้ามานาน แต่ก็ยังดีที่ยังได้อ่านและไม่พลาด... ในบทหนึ่งของหนังสือคุณบอยได้กล่าวถึงเรื่องความเสี่ยงของการมีรายได้ช่องทางเดียว
คุณบอยเปรียบเปรยว่า แม่น้ำเสมือนประหนึ่งสายธารของรายได้ ถ้าวัดใดวันหนึ่งเมื่อแม่น้ำสายเดียวที่เป็นรายได้หลักของเรากำลังแห้งเหือดลง!!! เราจะทำอย่างไร!!!
ผมเห็นด้วยมากกับประเด็นนี้เพราะผมเองก็เคยผ่านจุดนั้นมา และยิ่งถ้าเรามองลึกๆลงไปในในแง่ของการแข่งขั้นในโลกธุรกิจ หน้าเดิมที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย หน้าใหม่ที่เข้ามาแย่งชิงก้อนเค้ก จากสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจที่เปลี่ยนไป
ผมขอยกตัวอย่าง แนวโน้มความความเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจสักนิด ... เมื่อครั้งสมัยอดีตนั้นวงจรธุรกิจอาจจะยาวนานหลายสิบปีกว่าจะครบรอบวัฎจักร เกิดขึ้น ขยายตัว ตกต่ำ และ ดับไป ... แต่โลกปัจจุบันนั้นหมุนเร็วขึ้นมากจากเดิมวงจรที่ต้องใช้เวลาหลายสิบปีในวันก่อนวันนี้หลายๆธุรกิจวงจรของมันอาจจะเพียงแค่ไม่กี่ปี
ในยุคสมัยที่ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นรวดเร็วขนาดนี้ มีอะไรการันตรีหรือไม่ว่า บริษัทใหญ่โตมั่นคงหน้าเชื่อถือที่เราทำกันอยู่วันนี้ จะไม่ล้มลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หรือถ้า วันใดในหนึ่งเขาจะไม่ปลดพนักงาน คำถาม คือ ถ้าคนคนนั้นเป็นคุณ คุณจะทำอย่างไร? ... หรือ ถ้าคุณทำธุรกิจ แต่ธุรกิจที่คุณทำอยู่ล้มลงหรือไปต่อไม่ได้ คุณจะทำอย่างไร?
ผมเองก็ได้ตระหนักถึงเรื่องความเสี่ยงเหล่านี้อย่างจริงจังก็เมื่อผมเจอเข้ากับตัวเองแบบจังเมื่อปี 51-52 จากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ธุรกิจครอบครัวที่เป็นร้านขายของเล็กๆพนักงานสิบคนกับหนี้สูญหลายล้านบาท!!!! กำไรสะสมที่ทำมาหลายปีหมดไปในพริบตา และ กำลังจะถูกฟ้องยึดทรัพย์โดยเจ้าหนี้!!! ... ทั้งๆที่ธุรกิจกำลังไปได้สวยแต่เพียงแค่พริบตาเดียวทุกอย่างก็เปลี่ยนไป!!!
“โชคยังดี” ที่เรารอดมาได้ ไม่ล้มหายตายจากไป …
วงจรธุรกิจที่หมุนเร็วกระทบต่อผู้เล่นหน้าเก่าผมยกตัวอย่าง เช่น ธุรกิจแนวพ่อค้าคนกลางที่นำเข้าสินค้าของจากต่างประเทศมาขายในประเทศ เมื่อสักสิบยี่สิบปีก่อนธุรกิจเปล่านี้กำลังรุ่งเรื่อง แต่วันนี้ธุรกิจเปล่านี้กำลังถูกท้าทายจากผู้เล่นหน้าใหม่ที่กำลังตบเท้าเข้าสู่ธุรกิจอย่างมากมาย จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี โลกที่ไร้พรมแดนเช่นทุกวันนี้ เราสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว มีข้อมูลมากมายที่เปิดกว้างและเราสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ทำให้
“นักธุรกิจหน้าใหม่” ก้าวสู่โลกธุรกิจได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
จากเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนที่เป็นบทเรียนชีวิตครั้งนั้น และจากความพยายามตลอดหลายปีที่ผ่านมาปัจจุบันผมมีช่องทางที่มาของรายได้มากมากมายหลายช่องทาง ... เงินเดือนจากงานประจำ รายได้จากธุรกิจอสังหาฯ รายได้จากบ้านเช่า รายได้จากธุรกิจร้านเครื่องเขียน รายได้จากเงินปันผล หรือแม้แต่รายได้จากลิขสิทธิ์งานเขียน … วันนี้ผมพูดได้อย่างเต็มปากว่าถ้าวันใดวันหนึ่งธุรกิจใดๆของผมเกิดล้มขึ้นมา ... วันนั้นผมก็ยังอยู่ได้ เพราะ วันนี้ผมมีแม่น้ำหลายสายที่เป็นแหล่งรายได้ของผม!!!
ถ้าท่านใดที่มีรายได้เพียงช่องทางเดียว ผมอยากฝากข้อคิดไว้ว่า ... รายได้เพียงหนึ่งเดียวในวันนี้ ... มันไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าเรามีรายได้นี้ต่อไปในอนาคต ... และเมื่อเป็นเช่นนั้น มันจำเป็นด้วยหรือ? ที่เราจะนำชีวิตของเราไปแขวนไว้กับรายได้ทางเดียว?
ถ้าแม่น้ำสายเดียวที่เป็นรายได้หลักของเราแห้งเหือดลง!?!
คุณบอยเปรียบเปรยว่า แม่น้ำเสมือนประหนึ่งสายธารของรายได้ ถ้าวัดใดวันหนึ่งเมื่อแม่น้ำสายเดียวที่เป็นรายได้หลักของเรากำลังแห้งเหือดลง!!! เราจะทำอย่างไร!!!
ผมเห็นด้วยมากกับประเด็นนี้เพราะผมเองก็เคยผ่านจุดนั้นมา และยิ่งถ้าเรามองลึกๆลงไปในในแง่ของการแข่งขั้นในโลกธุรกิจ หน้าเดิมที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย หน้าใหม่ที่เข้ามาแย่งชิงก้อนเค้ก จากสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจที่เปลี่ยนไป
ผมขอยกตัวอย่าง แนวโน้มความความเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจสักนิด ... เมื่อครั้งสมัยอดีตนั้นวงจรธุรกิจอาจจะยาวนานหลายสิบปีกว่าจะครบรอบวัฎจักร เกิดขึ้น ขยายตัว ตกต่ำ และ ดับไป ... แต่โลกปัจจุบันนั้นหมุนเร็วขึ้นมากจากเดิมวงจรที่ต้องใช้เวลาหลายสิบปีในวันก่อนวันนี้หลายๆธุรกิจวงจรของมันอาจจะเพียงแค่ไม่กี่ปี
ในยุคสมัยที่ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นรวดเร็วขนาดนี้ มีอะไรการันตรีหรือไม่ว่า บริษัทใหญ่โตมั่นคงหน้าเชื่อถือที่เราทำกันอยู่วันนี้ จะไม่ล้มลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หรือถ้า วันใดในหนึ่งเขาจะไม่ปลดพนักงาน คำถาม คือ ถ้าคนคนนั้นเป็นคุณ คุณจะทำอย่างไร? ... หรือ ถ้าคุณทำธุรกิจ แต่ธุรกิจที่คุณทำอยู่ล้มลงหรือไปต่อไม่ได้ คุณจะทำอย่างไร?
ผมเองก็ได้ตระหนักถึงเรื่องความเสี่ยงเหล่านี้อย่างจริงจังก็เมื่อผมเจอเข้ากับตัวเองแบบจังเมื่อปี 51-52 จากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ธุรกิจครอบครัวที่เป็นร้านขายของเล็กๆพนักงานสิบคนกับหนี้สูญหลายล้านบาท!!!! กำไรสะสมที่ทำมาหลายปีหมดไปในพริบตา และ กำลังจะถูกฟ้องยึดทรัพย์โดยเจ้าหนี้!!! ... ทั้งๆที่ธุรกิจกำลังไปได้สวยแต่เพียงแค่พริบตาเดียวทุกอย่างก็เปลี่ยนไป!!! “โชคยังดี” ที่เรารอดมาได้ ไม่ล้มหายตายจากไป …
วงจรธุรกิจที่หมุนเร็วกระทบต่อผู้เล่นหน้าเก่าผมยกตัวอย่าง เช่น ธุรกิจแนวพ่อค้าคนกลางที่นำเข้าสินค้าของจากต่างประเทศมาขายในประเทศ เมื่อสักสิบยี่สิบปีก่อนธุรกิจเปล่านี้กำลังรุ่งเรื่อง แต่วันนี้ธุรกิจเปล่านี้กำลังถูกท้าทายจากผู้เล่นหน้าใหม่ที่กำลังตบเท้าเข้าสู่ธุรกิจอย่างมากมาย จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี โลกที่ไร้พรมแดนเช่นทุกวันนี้ เราสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว มีข้อมูลมากมายที่เปิดกว้างและเราสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ “นักธุรกิจหน้าใหม่” ก้าวสู่โลกธุรกิจได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
จากเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนที่เป็นบทเรียนชีวิตครั้งนั้น และจากความพยายามตลอดหลายปีที่ผ่านมาปัจจุบันผมมีช่องทางที่มาของรายได้มากมากมายหลายช่องทาง ... เงินเดือนจากงานประจำ รายได้จากธุรกิจอสังหาฯ รายได้จากบ้านเช่า รายได้จากธุรกิจร้านเครื่องเขียน รายได้จากเงินปันผล หรือแม้แต่รายได้จากลิขสิทธิ์งานเขียน … วันนี้ผมพูดได้อย่างเต็มปากว่าถ้าวันใดวันหนึ่งธุรกิจใดๆของผมเกิดล้มขึ้นมา ... วันนั้นผมก็ยังอยู่ได้ เพราะ วันนี้ผมมีแม่น้ำหลายสายที่เป็นแหล่งรายได้ของผม!!!
ถ้าท่านใดที่มีรายได้เพียงช่องทางเดียว ผมอยากฝากข้อคิดไว้ว่า ... รายได้เพียงหนึ่งเดียวในวันนี้ ... มันไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าเรามีรายได้นี้ต่อไปในอนาคต ... และเมื่อเป็นเช่นนั้น มันจำเป็นด้วยหรือ? ที่เราจะนำชีวิตของเราไปแขวนไว้กับรายได้ทางเดียว?