[CR] ประสบการณ์ เก็บเงินแสน...Work and Travel,Branson Missouri

สวัสดีค่ะ   ยิ้มอยากจะมาแชร์ประสบการณ์การ W&T สี่เดือนครึ่ง ที่ได้ไปในปีที่ผ่านมาให้ฟังค่ะ
เป็นกระทู้แรกที่มาเล่าเรื่องมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ มาเริ่มกันเลยดีกว่า
      
     เราได้ยินชื่อโครงการนี้มานานมากแล้วค่ะ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมา จนมีเพื่อนคนหนึ่งมาชวนว่า ปิดเทอมตั้งห้าเดือนไปเวิร์กกัน อะไรทำนองนั้น ก็เลยได้ไปสมัครที่เอเจนซี่ที่ชื่อว่า Kool world ค่ะ เข้าไปครั้งแรกทางเอเจนซี่จะวัดระดับภาษาเราก่อนเลยค่ะ โดยการถามคำต่างๆทั่วไป ประมาณว่า ชื่ออะไร เรียนที่ไหน เรียนคณะอะไร ทำไมถึงเรียนคณะนี้ ฯลฯ เรามีหน้าที่ตอบคำถามให้ดีที่สุดค่ะ รอไม่นานผลการวัดระดับก็จะออก ระดับที่ผ่านแล้วเลือกงานได้ คือ A B+ B C+ และ C  เมื่อระดับภาษาของเราออกมาแล้วเราก็จะได้เลือกงานค่ะ โดยมีค่าจอง 4500 บาท เมื่อเลือกงานแล้วถ้ามีงานใหม่เข้ามาแล้วต้องการเปกลี่ยนสามารถเปลี่ยนได้เลยค่ะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เปลี่ยนได้ตลอดจนเราได้รับการสัมภาษณ์งานจากนายจ้าง
    เราเลือกงานของ Chateau on the lake hotel , Branson Missouri  นายจ้างสัมภาษณ์ เราประมาณเดือนตุลาคม(ของเราเป็นเอเจนซี่ทางอเมริกาสัมภาษณ์)โดยการสัมภาษณ์จะคุยทาง skpye  หลังจากนั้นก็รอค่ะ รอผลประมาณ สามวันเาก็ตอบรับกลับมาว่าเราสามารถทำงานนี้ได้
   ขั้นต่อไปก็เป็นขั้นตอนของการทำวีซ่า ขั้นตอนนี้ทางเอเจนซี่จะจัดการเอกสารให้เราทุกอย่างค่ะ เราแค่รอวันนัดสัมภาษณ์จากทางสถานฑูตเท่านั้น
ตอนนั้นช่วงประมาณเดือน กุมภาฯ ทางสถานฑูตมีการเปลี่ยนระบบใหม่ จำได้ว่าเราเครียดพอสมควรเพราะว่าเขาปิดการให้คนเข้าทำวีซ่า แล้วเราจะไปตอนมีนานี้แล้ววววว..... ทำไงดี จำได้ว่าตอนนนั้น เข้าไป Koolworld ทุกวันค่ะ ถามนู้นนี่ตลอด พี่เขาใจดีทุกคนถามไรตอบหมดมีปัญหาอะไรตามให้หมด จนเราได้สัมภาษณ์วีซ่า
   การสัมภาษณืวีซ่าไม่ยากค่ะ แค่ตอบคำถามให้ได้ แต่ที่หินสุดคือ มาให้ไว ไม่งั้นคุณจะได้ต่อแถวยาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ..... มากๆๆๆ แน่ๆ   ตอนนั้นเราไปกับเพื่อนเราจำได้เลยว่าเพื่อนยืนจนเกือบจะเป็นลม ร้องไห้
     หลังจากได้วีซ่าเป็นที่เรียบร้อยเรื่องต่อมาคือการหาตั๋วเครื่องบิน อันนี้แนะนำว่าให้ ลองหาเองด้วย แล้วก็ให้ทางเอเจนซี่หาด้วยก็ได้แล้วเอาราคามาเทียบกัน ทางเอเจนซี่ไม่ว่าอะไรค่ะ ถ้าเราหาตั๋วเอง เราได้ราคาตั๋ว 43500 บาท จากกรุงเทพ ไปถึง Branson เลย แต่ขากลับต้องหาตั๋ว จากเมืองเราไปขึ้นที่ ซานฟรานซิสโก
     ตอนนั้นวุ่นวายมากค่ะ เพราะมีเรื่องมากมายที่ไทย ทำให้ต้องเลื่อนสอบนู่นนี้ นั่นลุ้นใจตุ่มๆต่อมๆ ว่าจะต้องเสียเงินเลื่อนไฟท์ไหม เรื่องสอบก็ต้องจัดการเรื่องเตรียมของก็ต้องเตรียมวุ่นวายมากๆค่ะ การสอบผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ เรามีเวลาประมาณ เกือบสัปดาห์ในการเตรียมของไปอเมริกาโชคดีที่คุณแม่ เตรียมชื้อของให้บางส่วนแล้ว เรื่องเตรียมของเราเตรียมไปเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มากๆจริงๆกะว่าไปนู้นจะไม่ซื้ออะไรอีกเลย ซึ้งเป็นความคิดที่โคตรจะผิด อยากจะบอกน้องๆที่จะไปในปีหน้านะคะว่า ข้าวไม่ต้องเอาไป ที่นู้นมีขายค่ะข้าวหอมมะลิไทยอร่อย มาม่าไม่ต้องเอาไปมีขายที่นู้นและส่วนตัวชอบมาม่าเกาหลีที่นู้นมากๆ อร่อยๆเสื้อผ้าเอาไปเท่าที่จำเป็นค่ะ เดี๋ยวอยู่ไปอยู่มามันจะงอกมากเองมากมายก่ายกอง
     17 มีนาคม 2557 เป็นวันที่ต้องออกเดินทางจากไทย ใจหายมากๆค่ะ นี่เราต้องจากบ้านไปไกลครึ่งค่อนโลกนานเกือบห้าเดือนเลยนะเนี่ย
ขึ้นเครื่องบินรอบแรกคือ ขึ้นจากสุวรรณภูมิไปนาริตะ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง

ระหว่างทางก็จะมีอาหาร เครื่องดื่มให้รับประทานกัน รสชาติก็กินให้อิ่มได้ แฮะๆๆ...


ลงนาริตะ ก็ไปต่อเครื่องต่อคราวนี้บินไปอเมริกา ไปลง Dallas ,Texas เป็นการนั่งเครื่องที่ทรหดอดทนมากๆ 16 ชั่วโมง ทุกๆสี่ชั่วโมงจะมีอาหารของว่างมาเสริฟตลอด มีหนังให้ดู มีเกมส์ให้เล่น จำได้ว่าตอนนั้นหนังเรื่อง Frozen กำลังดัง เราดูไปประมาณสามรอบได้ มีหนังเรื่องไรดูหมดเลย มีไรให้กินกินหมด.... ถ้าไม่มีอะไรทำก็นอน ลงเครื่องที่ Texas มีเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งให้การตรวจคนเข้าเมือง และ ตรวจตั๋วเข้าเครื่องต่างๆ ......
ตกเครื่องค่ะ!!!!!!!!!!!! เราช้าไปห้านาที....... เครื่องยังอยู่แต่ไม่ให้ขึ้นแล้ว ร้องไห้ ในใจตอนนั้นนี้เสียวแวบเลย คิดอย่างเดียวทำไงดีๆๆๆๆๆๆๆ
ภาษาอังกฤษก็งูๆปลาๆ จะคุยกับเค้ารู้เรื่องมั้ยเนี่ย แต่ยังไงก็ต้องเสี่ยง เราไปเวิร์กกับเพื่อ 1 คนค่ะ แต่มีอีกสองคนเพิ่งมารู้จักกันตกเครื่องเป็นเพื่อน ก็เลยลากกันไปคุยกับพนักงานว่า ช่วยอะไรเราได้บ้าง พนังงานก็ใจดีมาก เปลี่ยนตั๋วให้ทันทีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพราะเขาบอกว่าเป็นความผิดของสายการบินที่ให้เวลาต่อเครื่องน้อยเกินไป โชคดีไปหนึ่งอย่าง อีกอย่างก็คือ ต้องโทรไปบอกคนที่จะมารับที่สนามบินว่าเราจะไปถึงไม่ตรงเวลา ตอนนั้นเราซื้อซิมมาจากไทยก็เลยควักออกมาใช้ซะเลยยยย.......โทรไม่ได้ ร้องไห้ ยังไม่มีสัญญาณ ทำไงดี ยังจำได้ว่ามี skype นายจ้าง เลยโทรไปทางนั้นเลยค่ะ ครั้งแรกนางไม่รับ โอ้ยยยยย !!! จะบ้าตายและ จะรอดมั้ยเนี่ย โอ๊ะโทรไปเรื่อยๆนางรับแล้วค่ะ ก็คุยกับแบบไม่รู้เรื่องนั้นแหละสื่อสารกันงงๆ บอกไปว่าเราจะถึงช้าอะไรทำนองนั้น เรื่อราวผ่านไปด้วยดีเราจะถึงเมืองนั้นแน่นอนค่ะ

     ตอนนั้นเวลาเหลือเยอะเหลือเกินทำไงดี หิวแล้วไปหาอะไรกินดีกว่า มาหาร้านรอบๆ ก็ไปสะดุดตากับ Subway ที่ดูจะคุ้นตาที่สุดและน่าจะพอสั่งได้ เดินเข้าไปต่อแถวค่ะแถวค่อนข้างยาวระหว่างยืนต่อแถวตื่นเต้นมากๆเลยเป็นมื้อแรกใน อเมริกาเมนูที่เห็นเป็นภาษาอังกฤษหมด แล้วเราจะสั่งกับเขารู้เรื่องไหม คิดอะไรมากมาย เมื่อถึงคิวเรา เราจำได้แม่นว่าเราสั่ง Spicy Tuna 6" ราคา 4$ เขาก็ถามเราประมาณว่า จะอบไหม แตาเราฟังไม่รู้เรื่อง เลยตอบ No ไป เซงเลยจริงๆอยากกินแบบอบด้วยชีสจะได้ละลาย ร้องไห้ เอาน่าถือว่าครั้งแรกสั้งแล้วได้กินถือว่าโอเค แหะๆๆๆ
     นั่งเครื่องมาถึงเมืองนี้สักที +_____+ หนทางช่างยาวไกลเหลือเกิน ทางเอเจนซี่ที่อเมริกาขับรถมารับที่สนามบินสปริงฟิลด์ ขับรถไป Branson ประมาณ สี่สิบนาที ตามทางเป็นหินตลอดทางมีต้นไม้ตลอดทาง ช่วงเวลาที่ป็นยังเป็นหน้าหนาวทำให้ดอกไม้ใบหญ้าแถวนั้นยังเป็นสีแดง น้ำตาลอยู่
     ถึงที่พักสักที เหนื่อยมากมายการเดิรทางยี่สิบสี่ชั่วโมง ตอนนี้หัวจะได้ถึงหมอนสักที เวลาที่ถึงประมาณหนึ่งทุ่ม ทางคนที่มารับเขาก็คิดค่าที่พักค่าขับรถไปรับ รวมๆ 400$ เข้าไปแล้วเราเอาไปแค่ 600$ เหลือ 200$ O_o แย่แล้วๆๆๆ แต่ก็ช่างมันก่อนตอนนี้เหนื่อยมากขอนอน เวลาหนึ่งทุ่มกว่าๆ สองสาวจากเมืองไทยก็หลับกับเป็นตายเพราะความเหนื่อยล้ามากๆ เวลาตี3 กว่า...... สองคนตื่นขึ้นมาอย่างตาสว่างไม่มีอาการง่วงใดๆทั้งสิ้น =____= เจ็ทแล็กชัวร์ๆเรามีอาการนี้ตลอดสองสามวันที่ยังไม่ได้ไปทำงาน ชีวิตกลายเป็นนอนเร็วตื่นเช้าไปเลยทีเดียว

     พวกเราตาสว่างกันถึงเช้าค่ะคนที่ดูแลเราบอกไว้ว่าประมาณสิบโมงจะมารับไปช๊อปปิ้งที่วอลมาร์ท การเดินทางของพวกเราต้องมีคนไปรับไปส่งเพราะว่าเมืองค่อนข้างจะชนบทนิดนึงไม่มีรถบัส ถ้าจะไปไหนเองต้องโทรเรียนแท็กซี่ หรือไม่ก็เรียนคนดูแล ประมาณนั้น
     วันที่สามของการถึงอเมริกาเอเจซี่ที่อเมริกาพาเราเข้าไปที่ โรงแรมที่เราสมัครงานเอาไว้ เราเดินเข้าไปหา HR คุยกันนิดหน่อยกรอกใบสมัคร แล้วเขาก็เรียนกเชฟมาคุยกับเราว่าเรามีประสบการณ์มากน้อยแค่ไหน ของเราคือประสบการณ์น้อยโคตรๆอ่ะ(ก็แน่ล่ะไม่ได้เรียนแนวนั้นมา =*=)
วันถัดมาเวลาสิบโมงเรากับเพื่อนเข้าไปห้องล็อกเกอร์ก่อนเปลี่ยนชุดเป็นยูนิฟอร์มแบบกุ๊กอ่ะ โอ้ยยย ตอนนั้นตื่นเต้นมากชอบชุดนี้สุดๆ

เข้ามาในครัว..... เชฟพาทัวร์ค่ะ ในครัวมีโซนของเครื่องล้างจาน โซนครัวเย็นเอาไว้ทำสลัดของหวานอะไรพวกนั้น โซนครัวร้อนจะมีกระทะ ดีฟฟาร์ยเตาอบน้อยๆสองอันอันนี้จะเอาไว้ทำอาหารจานเดียวราคาแพงๆหน่อย ถัดมาก็จะเป็นครัวเบเกอรี่ มีเตาอบประมาณแปดเครื่อง ไมโครเวฟ และสุดท้ายครัวจัดเลี้ยง ภายในครัวจะมีตู้เย็นขนาดให้ญ่เป็นห้องมีสามห้อง ห้องเหมือนตู้เย็นเอาไว้แช่ของสด ห้องฟีชเซอร์เอาไว้แช่แข็ง และก็ห้องแช่ผักผลไม้ อ่อ...ลืมอีกห้องหนึ่งห้องของแห้ง เอาไว้เก็บพวกของกระป๋อง ขนมกรอบๆ ถั่ว ฯลฯ ที่ไม่ต้องแช่ตู้เย็น




     วันแรกของการทำงานเราได้หั่นผลไม้ค่ะ หั่นทั้งวันเลยจับมีดจริงๆจังๆเป็นครั้งแรกได้หั่นนู้นนี้ สนุกดีค่ะ หั่นไปคนนู้นคนนี้ก็เดินแวะเวียนมาทักทายทำความรู้จักพูดนู่นนี้นั้น เราก็ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องพูดได้เป็นคำๆ เลยโดนเพื่อนร่วมงานแซวซะวันแรกว่าทำไมขี้อายจังไม่ยอมคุยไรงี้.... ฮาๆๆๆ ในใจคิดว่าาา เราอยากคุยมากกกกก แต่ศัพท์มันไม่ออกกกกกกก เราทำส่วนของครัวจัดเลี้ยงค่ะเวลาทำอาหารที่ก็ทำเยอะๆ เยอะนี่คือเยอะมาจริงๆนะ บางวันมีปาร์ตี้ ห้าร้อยคอนเราก็ต้องทำอาหารให้พอ 500 คนกิน อะไรประมาณนั้น หลังจากทำครัวเสร็จเราต้องทำความสะอาดพื้นที่แต่ครัวที่ตัวเองทำงานทุกครั้ง... วันแรกจบไปด้วยดีสนุกมากๆ มาถึงบ้านก็หมดแรงงงงงงง....... นอน!!!!!!

ไว้มาเล่าต่อนะค่ะ เรื่องยังอีกยาวไกล..... การผจญภัยยังมีอีกเยอะยิ้มเท่ประหลาดใจหลิ่วตาจุ๊บๆ
ชื่อสินค้า:   Work and Travel
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่