ความเดิมตอนที่แล้ว
Kyushu ปลายฝน : Fukuoka > Yufuin > Kurokawa > Aso > Takachiho > Beppu > Kumamoto : Day 1 Yufuin http://ppantip.com/topic/32563383
วันนี้อาจจะยาวหน่อย ดีเทลเยอะ แต่ก็อ่านสนุกได้เรื่อยๆ นะฮ้าฟ
5/9/2014
08:00 เช้าวันที่ 2 ตื่นลงมาทานอาหารเช้าที่ซื้อรวมไว้ใน room rate ห้องอาหารที่นี่จัดเป็นโต๊ะญี่ปุ่น 4 โต๊ะ แต่ละโต๊ะจะวางเบอร์ห้องกำกับไว้ มาถึงก็คลานเข่าโนะเนะมานั่งได้เลย ทางเจ้าของตื่นมาวางสำรับอาหารไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่วนเช้าวันนี้มีสำรับวางไว้แค่ 2 ห้อง อาหารเช้า style ญี่ปุ่น มีข้าวสวยพร้อมกับผงโรยข้าวและสาหร่ายให้ซองนึง ที่เหลือก็กับข้าวจานเล็กจานน้อยเต็มไปหมด มีปลาไข่ย่าง กับ มิโซะซุปตามมาเสิร์ฟทีหลัง รสชาติโดยรวมอร่อยดี กินหมดทู้กกกสิ่งอย่าง ยกเว้นบ๊วยดองที่เปรี้ยวปริ๊ดส์เค็มปรื๋อ กินด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นึกว่ามันเป็นมะเขือเทศเปรี้ยวๆหวานๆฉ่ำๆงี้ ลิ้นเลิ้นเลยตั้งตัวไม่ทัน
หน้าตาอาหารเช้า รสชาติใช้ได้ทีเดียว ปลาไข่ย่างหอมอร่อย
08:45 กินเสร็จแพ็คกระเป๋าเตรียม check out โรงแรมญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะ check in บ่ายแก่ๆ แล้วก็ check out สายๆ ราว 10:00 ไม่เหมือนเที่ยวประเทศอื่นที่ส่วนใหญ่ check out มาตรฐาน 12:00 วันนี้แผนใหญ่คือไปเมือง Kurokawa เป็นเมือง Spa town เล็กๆ บนหุบเขา ใครมาเมืองนี้หลักๆ คือมาแช่ออนเซ็น มีตั๋ว onsen day pass ให้เข้าออก bath house ในเมืองได้ตามสะดวก คราวนี้เมืองนี้ค่อนข้างไปยาก ถ้าจะใช้ public bus ต้องเข้า-ออกจาก Fukuoka/Beppu/Kumamoto เท่านั้น แถมมีเที่ยวรถน้อยด้วย ดังนั้นการเช่ารถจึงเป็นทางเลือกที่ดีสุด แต่นี่แผนค่อนข้างซับซ้อนหน่อย เพราะว่ากะเช่ารถซัก 2 วัน ไป Kurokawa นอนคืนนึง ต่อด้วย ภูเขาไฟ Aso แล้วลงไป Takachiho Gorge ยิงยาวมา Beppu นอนคืนนึง จาก Beppu ขับข้ามเขามาคืนรถที่ Yufuin แล้วนั่ง Yufuin no mori กลับ Fukuoka
คราวนี้ที่ว่าซับซ้อนคือดีเทลเรื่องเวลา เอาเข้าจริงไปรับรถเลยตั้งแต่ check out ก็ได้ เพราะเมืองนี้เดินจบละ แต่เพราะการเช่ารถเขานับครบวัน 24ชม. เกินนิดหน่อยก็นับค่าเช่าอีกวัน เพราะงั้นเลยเริ่ม work schedule จากรถไฟกลับ Fukuoka ซึ่งออก 15:50 ก็ไป reserve seat ไว้เรียบร้อย เวลาคืนรถก็น่าจะก่อนหน้าซัก 1-2 ชม. พอหลวมๆ เอาว่า 14:00 กำลังพอดีๆ พอคืนรถบ่ายสองก็จะได้มีเวลาเที่ยว Beppu ในวันสุดท้ายอีกครึ่งวันแบบไม่รีบร้อน
10:00 check out ที่พักแล้วก็ฝากกระเป๋าไว้ เจ้าของก็ใจดีรับฝากไว้ประหยัดค่าตู้ฝากกระเป๋าไปได้เยอะ คราวนี้ที่เหลือคือฆ่าเวลา 3-4 ชั่วโมงยังไงให้คุ้มค่าดี เลยว่าจะเช่าจักรยานขี่เล่นรอบๆเมือง ก็ search หา review ใน pantip ก่อนเลย แล้วตามลายแทงจนเจอร้านเช่าจักรยาน แต่ร้านปิด!! Ok งั้นไปหาร้านกินขนมรอซักครึ่งชั่วโมงละกัน ก็นั่งละเลียด roll ชื่อดังฆ่าเวลาไปจนอิ่ม เดินกลับมาอีกทีก็ยังปิด!!! จบละ ไม่รอละนะ ไปแผนสองเช่าจักรยานที่สถานีรถไฟละกัน ค่าเช่าตกอยู่ชั่วโมงละ 250y/ชม. ถ้ามาคืนเกิน 5 นาทีก็นับเป็นอีกชั่วโมง โหด
ดด แต่ก็เช่านะ
งานละเลียดของหวานต้องมา กิจกรรมสำคัญของเมืองนี้
10:45 จักรยานที่เช่าเป็น single gear แต่ถ้าจะมีหลายเกียร์กว่านี้ก็ขี่ไม่เป็นละนะ 555 ไม่ได้ขี่มาเกือบ 10 ปีละ จักรยานมีตะกร้าแม่บ้านใส่ของข้างหน้าประมาณจักรยานเฟสสัน (แก่ไปป่ะวะ) ก็วางเป๋าไว้ตะกร้าข้างหน้าละก็ขี่ ดีที่เมืองนี้รถน้อยขี่ง่ายหน่อย จะเลี้ยวซ้ายรึขวาทำสัญลักษณ์มือยังไงนี่ก็ไม่เป็น ใครจะมาขี่ควรทำการบ้านมาก่อนนะเพื่อความปลอดภัย จุดหมายแรกคือแวะซื้อน้ำที่ Super ก่อนที่จะขี่ตระเวนเลาะตะเข็บเมือง จะเลือกขี่ route ไหนนี่ก็เปิด google map ช่วยเอา แวะดูตามป้าย มโนเอาบ้าง ดูจากทิศที่น้ำไหลละขี่ตามน้ำคิดเองว่าทางคงไม่ชัน ขี่สบาย ทิวทัศน์นอกเมืองเต็มไปด้วยทุ่งข้าว มีฉากหลังเป็นเขา Yufu สูงตระหง่าน เมฆหมอกครึ้มปกคลุมยอดเขา อากาศเย็นสบาย แดดไม่มี เหมาะแก่การ chill ยิ่งนัก
แผนที่เมืองและเส้นทางนักปั่น ที่คิดกันเอง
จักรยานแม่บ้านคู่ใจ กะทุ่งข้าวเขียวขจี
ทุ่งข้าว ภูเขา และสายหมอก แดดร่ม ลมเย็น ชิลมากกกก
ระหว่างทางที่ขี่มาช่วงแรกๆ เจอหนุ่มสาวคู่นึง น่าจะเป็นคนไทยนะ เพราะมีคุณสมบัติครบ 3 ประการ 1.สะพายเป้ 2.มีกล้องโปรห้อยคอ 3.ใส่รองเท้า new balance ก็เลยยิ้มทัก เขาก็ยิ้มตอบแต่ก็ไม่ได้พูดกัน แต่ว่าเอ๊ะ เราขี่ไปไหน เขาก็เดินตามมา ฝ่ายผัวก็รัวชัตเตอร์ เมียก็เดินตามต้อยๆ ซึ่งค่อนข้างไกลจาก route หลักมากอยู่ มันไกลจนถึงจุดที่ว่าเห้ย ไปเช่าจักรยานมาดีกว่ามะ เมียเดินหน้าหงิกละนะ แต่เมื่อเขาไม่เอ่ยปากถาม ก็เลยจนใจจะบอก ละก็ปั่น chill ต่อไป สวยตรงไหนก็หยุดถ่ายรูป ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้งกันไป
เส้นทางที่เลือกนี่ลัดเลาะเมืองมาทางด้านใต้ แล้วขี่วนไปจนถึงหลัง lake kirinko ระหว่างทางเจอวัดเล็กๆ สวยมาก สงบมาก ก็แวะพักดื่มน้ำ ถ่ายรูป จุดนี้ก็มาป๊ะกับรถม้านำเที่ยวพอดี ใครอยากชิลมาที่วัดนี่ ใช้บริการรถม้าก็สะดวกมีต้นทางที่สถานีรถไฟ รึถ้าจะเดินก็ต้องอึดหน่อยนะ ขี่ต่อไปก็เจอสุสานประจำเมืองตรงเชิงเขา บรรยากาศวังเวงดี ขี่ต่อมาอีกนิด ก็ถึงศาลเจ้าเล็กๆ หลัง lake kirinko ก็ลงไปไหว้ขอพรพักเหนื่อย หามุมถ่ายรูป lake ใหม่ เพราะอยู่คนละด้านกับเมื่อวาน เสร็จละก็ขี่วนจนมาถึง tourist route เส้นที่เดินเมื่อวาน
วัดเล็กๆ กลางเส้นทาง
ทุ่งข้าวผ่านไป ทุ่งดอกไม้ก็ผ่านมา
วิวป่าสนทึบๆ ก็มีข้างทาง
ศาลเจ้าริม Lake Kirinko
มอง Lake จากอีกฝั่งบ้าง
12:15 ผ่าง!! ผงะเล็กน้อย ระหว่างแวะถ่ายรูปใบไม้แดงที่คาเฟ่นึงก่อนกลับ ก็เจอคู่คนไทยคู่เดิม เราก็ยิ้มให้อีกเช่นเคย แต่คุณเมียหน้าเหวี่ยงมาก คงจะเมื่อยมาก เพราะจากจุดที่เราจากกันมาถึงปลายสุด tourist route ที่ป๊ะกันใหม่นี้ เดินกันขาขวิดนะจ๊ะ ไม่รู้ว่าคิดถูกรึเปล่า แต่มโนว่าเมียคงจะบอกคุณผัวว่า เห็นมั้ยขี่จักรยานชิลๆ ไม่เมื่อยด้วย น่าจะถามซะแต่แรกว่าเช่าที่ไหน!!! เพราะงั้นใครจะดำเนิน off the beaten track จักรยานเท่านั้นช่วยคุณได้
12:30 ขี่ชิลจาก tourist route กลับมาคืนรถที่สถานี แต่ก่อนจะถึงสถานีอีกแค่ 500 เมตร ฝนดันลงจ้า ลงมามิใช่เบาๆ เลยต้องปั่นกันหูตั้งหนีฝน คืนรถทันเวลา 2 ชั่วโมงกลมๆ พอดีไม่มีค่าปรับ เหลือเวลาอีกชั่วโมงนึงก็หามื้อกลางวันกินชิลๆ แถวสถานี
14:00 รับรถเช่าที่ Nissan rent a car ไม่ไกลจากสถานีนัก จองไว้รุ่นเล็กสุด ประหยัดสุด ได้รุ่น Nissan Otti รถ compact 5 ประตู รุ่นนี้ถ้าเอาแบบพอดีๆ ก็นั่งได้ 3 คนกับกระเป๋าใบใหญ่ 3 ใบสบายๆ ตอนรับรถแอบเห็นว่ารถใน station มีเหลืออยู่อีกหลายคัน แต่ที่นี่ไม่มี free upgrade เหมือนเมืองไทยนะจ้ะ อดเบยยย สนนราคาค่าเช่าสองวัน รวมประกัน รวมภาษี ตกที่ 15,444y เป็นเงินไทยก็ราวๆ 5 พัน ถ้ามาส่งคืนช้าก็นับเพิ่มเป็นอีกวันราวๆ 5,000y เอาล่ะ เริ่มออกเดินทางกัน รถก็ขับไม่ยากวิ่งซ้ายเหมือนบ้านเรา มี gps touch screen + Audio ลูกครึ่ง ติดมาในรถด้วย ลูกครึ่งยังไงน่ะรึ ก็กดเมนูอังกฤษอยู่ดีๆ ยิ่งกด option ลึกไปเรื่อยๆ ดันเหลือแต่ภาษาญี่ปุ่น งงสิเนะ ส่วนจะให้มันนำทางแบบเบๆ ก็ไม่ยาก ต้องจอดสนิทเข้าเกียร์ P เหยียบเบรคเท้าอีกชั้น แล้วคีย์เบอร์โทรศัพท์จุดหมายปลายทาง แค่นี้ก็เริ่มนำทางได้ละ แต่ความแก่นเซี้ยวเปรี้ยวแสบของ gps นี่เด๋วจะไว้เล่าในวันถัดไป มันแสบบบบบ มากกกกกกก
น้อง OTTI สามตัวตรงงวดหน้า
14:20 เสร็จงานเอกสารที่ Nissan station แล้ว ก็ขับมารับกระเป๋าที่ฝากโรงแรมไว้ตอนเช้า แล้วก็จอดนั่งงม Gps อยู่เกือบ 10 นาที พอ set route ได้ ก็กันเหนียวด้วย google maps ใน iPhone อีกชั้น งานนี้ pocket wifi ที่เช่ากันมาหรือจ่ายเหมา data roaming มาจะมีประโยชน์มาก ใครจะขับรถเผื่อตรงนี้ไว้ด้วยน๊า หลงทางนี่ไม่สนุกเลยจริงๆ เอาล่ะเริ่มออกเดินทางไป Kurokawa กันนน
Kurokawa เป็น onsen town ชื่อดังในเกาะคิวชู เป็นเมืองเล็กๆ บนหุบเขา มีบ้านเรือน รีสอร์ท เรียวกัง กระจายเกาะอยู่ริมแม่น้ำสายหลักของเมือง onsen ที่นี่ดังเพราะธรรมชาติที่สวยงาม มี outdoor onsen ริมน้ำตก แช่น้ำไปฟังเสียงน้ำตกไปช่างเพลิดเพลิน ประกอบกับสิ่งปลูกสร้างที่กลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่ค่อยมีตึกคอนกรีต เหมาะกับคนที่ต้องการการพักผ่อนในธรรมชาติที่สงบสวยงามไร้การปรุงแต่งแบบจัดจ้าน
ส่วนที่พักคืนนี้พักกันที่ Yamamizuki ที่ www.japan-guide.com จัดให้เป็น best of the best onsen แค่อ่านในเวบ www.yamamizuki.com กับดูรูปก็ฟินกับบรรยากาศละ และนี่จัดเป็น highlight ของที่พักทั้ง 5 คืนในทริปนี้ ส่วนราคาก็แพงหูดับ แต่ก็ยอมอะ อะไรที่เป็น a must มันก็ต้อง must do จริงมะ แล้วนี่ก็ไม่ได้จองง่ายๆ เต็มตลอดเต็มยาว พอดีมีเหลือห้องนึงในช่วงเวลาพอดี นี่เลยต้องรีบคว้า แนะนำว่าจองผ่านเวบของโรงแรมที่บอกข้างบนจะเป๊ะกว่าจองจาก agoda หรือ booking ราคาที่พักจะรวมอาหารเย็นและเช้าไว้แล้วจะซื้อแต่ห้องอย่างเดียวไม่ได้ ซึ่งดีงามสะดวกสบาย เพราะรีสอร์ทนี้ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปอีก 2-3 km จะมาเดินคีบเกี๊ยะลากยูกะตะไปหาอะไรกินข้างนอกเอาประหยัดนี่ลำบากกก พูดเลย
ระยะทางจาก yufuin มา Kurokawa ประมาณ 70km ใช้เวลาเดินทาง 1:30 ชม. ทางขึ้นเขา คดเคี้ยวตลอดและถนนบังคับความเร็วที่ 50 km/h และห้ามแซง!!! และ 99% ก็ไม่มีใครแซง ขับตามๆกันเป็นริ้วขบวน น่าร้ากกก แต่ถนนนี้รถก็ไม่ได้เยอะมาก และแม้อยากจะขับเกิน 50 บ้าง รถคันนี้ก็เหยียบไม่ไป แค่ 70 นี่ก็จะ max ละ ธรรมชาติสองข้างทางก็สวยงาม เป็นป่าสน หุบเขา นาขั้นบันได และลำธารลัดเลาะไปกับเส้นทางสลับกันไป
16:15 ขับมาถึง Kurokawa แล้ว ท่ามกลางฝนโปรยปรายแบบพองาม ป่ารอบเมืองดูชุ่มชื่น พอถึงเมืองก็ไม่ได้แวะเดินชมแต่ตรงดิ่งไปที่พักเลย เพราะ email นัดเวลากันไว้แล้ว จากเมืองมีถนนแยกขึ้นเขาเลียบแม่น้ำไปยังที่พัก ถนนแคบมาก กว้างประมาณเลนครึ่ง ซ้ายก็ผา ขวาก็เหว หวาดเสียวที่ซู้ดดดด ลุ้นตลอดทางว่าอย่ามีรถสวน แต่ก็ป๊ะกันจนได้คันนึง กว่าจะสวนกันได้ก็เฉียดมาก โชคดีที่อยู่ฝั่งผาไม่งั้นจะลุ้นมากกว่านี้ ขับไปลุ้นไปประมาณ 2km ก็ถึงซะที Yamamizuki มีพนักงานเดินมารับถึงลานจอดรถ แถมเรียกชื่อแขกถูกด้วย คงเพราะนัดเวลากันไว้ พนักงานช่วยยกกระเป๋าไปยังห้องพัก แล้วก็มีพนักงาน reception สาวหมวยในชุดกิโมโนอีกคนที่พูดอังกฤษได้มาแนะนำสถานที่ รวมทั้งคอยบริการเฉพาะห้องของเรา ซึ่งทางโรงแรมคงจัดคนไว้ให้แล้ว เพราะมี email ล่วงหน้ามาถามเวลาเช็คอิน พร้อมถามว่าพูดญี่ปุ่นได้มั้ย ถ้าไม่ได้ก็จะจัดพนักงานที่พูดอังกฤษไว้คอยให้บริการ
แค่ทางเข้าก็ ว้าววววล้าววว
มาเหนื่อยๆ ล้างมือ ล้างหน้า หน่อยโนะ
บรรยากาศรอบๆ เขียวชุ่มฉ่ำ
ใครมา Day trip ต้องมาเช็คอินที่ tea house นี้ก่อนเลย
>> มีต่อคร้าบบบ
[CR] Kyushu ปลายฝน : Fukuoka > Yufuin > Kurokawa > Aso > Takachiho > Beppu > Kumamoto : Day 2 Yamamizuki @ Kurokawa
วันนี้อาจจะยาวหน่อย ดีเทลเยอะ แต่ก็อ่านสนุกได้เรื่อยๆ นะฮ้าฟ
5/9/2014
08:00 เช้าวันที่ 2 ตื่นลงมาทานอาหารเช้าที่ซื้อรวมไว้ใน room rate ห้องอาหารที่นี่จัดเป็นโต๊ะญี่ปุ่น 4 โต๊ะ แต่ละโต๊ะจะวางเบอร์ห้องกำกับไว้ มาถึงก็คลานเข่าโนะเนะมานั่งได้เลย ทางเจ้าของตื่นมาวางสำรับอาหารไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่วนเช้าวันนี้มีสำรับวางไว้แค่ 2 ห้อง อาหารเช้า style ญี่ปุ่น มีข้าวสวยพร้อมกับผงโรยข้าวและสาหร่ายให้ซองนึง ที่เหลือก็กับข้าวจานเล็กจานน้อยเต็มไปหมด มีปลาไข่ย่าง กับ มิโซะซุปตามมาเสิร์ฟทีหลัง รสชาติโดยรวมอร่อยดี กินหมดทู้กกกสิ่งอย่าง ยกเว้นบ๊วยดองที่เปรี้ยวปริ๊ดส์เค็มปรื๋อ กินด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นึกว่ามันเป็นมะเขือเทศเปรี้ยวๆหวานๆฉ่ำๆงี้ ลิ้นเลิ้นเลยตั้งตัวไม่ทัน
หน้าตาอาหารเช้า รสชาติใช้ได้ทีเดียว ปลาไข่ย่างหอมอร่อย
08:45 กินเสร็จแพ็คกระเป๋าเตรียม check out โรงแรมญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะ check in บ่ายแก่ๆ แล้วก็ check out สายๆ ราว 10:00 ไม่เหมือนเที่ยวประเทศอื่นที่ส่วนใหญ่ check out มาตรฐาน 12:00 วันนี้แผนใหญ่คือไปเมือง Kurokawa เป็นเมือง Spa town เล็กๆ บนหุบเขา ใครมาเมืองนี้หลักๆ คือมาแช่ออนเซ็น มีตั๋ว onsen day pass ให้เข้าออก bath house ในเมืองได้ตามสะดวก คราวนี้เมืองนี้ค่อนข้างไปยาก ถ้าจะใช้ public bus ต้องเข้า-ออกจาก Fukuoka/Beppu/Kumamoto เท่านั้น แถมมีเที่ยวรถน้อยด้วย ดังนั้นการเช่ารถจึงเป็นทางเลือกที่ดีสุด แต่นี่แผนค่อนข้างซับซ้อนหน่อย เพราะว่ากะเช่ารถซัก 2 วัน ไป Kurokawa นอนคืนนึง ต่อด้วย ภูเขาไฟ Aso แล้วลงไป Takachiho Gorge ยิงยาวมา Beppu นอนคืนนึง จาก Beppu ขับข้ามเขามาคืนรถที่ Yufuin แล้วนั่ง Yufuin no mori กลับ Fukuoka
คราวนี้ที่ว่าซับซ้อนคือดีเทลเรื่องเวลา เอาเข้าจริงไปรับรถเลยตั้งแต่ check out ก็ได้ เพราะเมืองนี้เดินจบละ แต่เพราะการเช่ารถเขานับครบวัน 24ชม. เกินนิดหน่อยก็นับค่าเช่าอีกวัน เพราะงั้นเลยเริ่ม work schedule จากรถไฟกลับ Fukuoka ซึ่งออก 15:50 ก็ไป reserve seat ไว้เรียบร้อย เวลาคืนรถก็น่าจะก่อนหน้าซัก 1-2 ชม. พอหลวมๆ เอาว่า 14:00 กำลังพอดีๆ พอคืนรถบ่ายสองก็จะได้มีเวลาเที่ยว Beppu ในวันสุดท้ายอีกครึ่งวันแบบไม่รีบร้อน
10:00 check out ที่พักแล้วก็ฝากกระเป๋าไว้ เจ้าของก็ใจดีรับฝากไว้ประหยัดค่าตู้ฝากกระเป๋าไปได้เยอะ คราวนี้ที่เหลือคือฆ่าเวลา 3-4 ชั่วโมงยังไงให้คุ้มค่าดี เลยว่าจะเช่าจักรยานขี่เล่นรอบๆเมือง ก็ search หา review ใน pantip ก่อนเลย แล้วตามลายแทงจนเจอร้านเช่าจักรยาน แต่ร้านปิด!! Ok งั้นไปหาร้านกินขนมรอซักครึ่งชั่วโมงละกัน ก็นั่งละเลียด roll ชื่อดังฆ่าเวลาไปจนอิ่ม เดินกลับมาอีกทีก็ยังปิด!!! จบละ ไม่รอละนะ ไปแผนสองเช่าจักรยานที่สถานีรถไฟละกัน ค่าเช่าตกอยู่ชั่วโมงละ 250y/ชม. ถ้ามาคืนเกิน 5 นาทีก็นับเป็นอีกชั่วโมง โหดดด แต่ก็เช่านะ
งานละเลียดของหวานต้องมา กิจกรรมสำคัญของเมืองนี้
10:45 จักรยานที่เช่าเป็น single gear แต่ถ้าจะมีหลายเกียร์กว่านี้ก็ขี่ไม่เป็นละนะ 555 ไม่ได้ขี่มาเกือบ 10 ปีละ จักรยานมีตะกร้าแม่บ้านใส่ของข้างหน้าประมาณจักรยานเฟสสัน (แก่ไปป่ะวะ) ก็วางเป๋าไว้ตะกร้าข้างหน้าละก็ขี่ ดีที่เมืองนี้รถน้อยขี่ง่ายหน่อย จะเลี้ยวซ้ายรึขวาทำสัญลักษณ์มือยังไงนี่ก็ไม่เป็น ใครจะมาขี่ควรทำการบ้านมาก่อนนะเพื่อความปลอดภัย จุดหมายแรกคือแวะซื้อน้ำที่ Super ก่อนที่จะขี่ตระเวนเลาะตะเข็บเมือง จะเลือกขี่ route ไหนนี่ก็เปิด google map ช่วยเอา แวะดูตามป้าย มโนเอาบ้าง ดูจากทิศที่น้ำไหลละขี่ตามน้ำคิดเองว่าทางคงไม่ชัน ขี่สบาย ทิวทัศน์นอกเมืองเต็มไปด้วยทุ่งข้าว มีฉากหลังเป็นเขา Yufu สูงตระหง่าน เมฆหมอกครึ้มปกคลุมยอดเขา อากาศเย็นสบาย แดดไม่มี เหมาะแก่การ chill ยิ่งนัก
แผนที่เมืองและเส้นทางนักปั่น ที่คิดกันเอง
จักรยานแม่บ้านคู่ใจ กะทุ่งข้าวเขียวขจี
ทุ่งข้าว ภูเขา และสายหมอก แดดร่ม ลมเย็น ชิลมากกกก
ระหว่างทางที่ขี่มาช่วงแรกๆ เจอหนุ่มสาวคู่นึง น่าจะเป็นคนไทยนะ เพราะมีคุณสมบัติครบ 3 ประการ 1.สะพายเป้ 2.มีกล้องโปรห้อยคอ 3.ใส่รองเท้า new balance ก็เลยยิ้มทัก เขาก็ยิ้มตอบแต่ก็ไม่ได้พูดกัน แต่ว่าเอ๊ะ เราขี่ไปไหน เขาก็เดินตามมา ฝ่ายผัวก็รัวชัตเตอร์ เมียก็เดินตามต้อยๆ ซึ่งค่อนข้างไกลจาก route หลักมากอยู่ มันไกลจนถึงจุดที่ว่าเห้ย ไปเช่าจักรยานมาดีกว่ามะ เมียเดินหน้าหงิกละนะ แต่เมื่อเขาไม่เอ่ยปากถาม ก็เลยจนใจจะบอก ละก็ปั่น chill ต่อไป สวยตรงไหนก็หยุดถ่ายรูป ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้งกันไป
เส้นทางที่เลือกนี่ลัดเลาะเมืองมาทางด้านใต้ แล้วขี่วนไปจนถึงหลัง lake kirinko ระหว่างทางเจอวัดเล็กๆ สวยมาก สงบมาก ก็แวะพักดื่มน้ำ ถ่ายรูป จุดนี้ก็มาป๊ะกับรถม้านำเที่ยวพอดี ใครอยากชิลมาที่วัดนี่ ใช้บริการรถม้าก็สะดวกมีต้นทางที่สถานีรถไฟ รึถ้าจะเดินก็ต้องอึดหน่อยนะ ขี่ต่อไปก็เจอสุสานประจำเมืองตรงเชิงเขา บรรยากาศวังเวงดี ขี่ต่อมาอีกนิด ก็ถึงศาลเจ้าเล็กๆ หลัง lake kirinko ก็ลงไปไหว้ขอพรพักเหนื่อย หามุมถ่ายรูป lake ใหม่ เพราะอยู่คนละด้านกับเมื่อวาน เสร็จละก็ขี่วนจนมาถึง tourist route เส้นที่เดินเมื่อวาน
วัดเล็กๆ กลางเส้นทาง
ทุ่งข้าวผ่านไป ทุ่งดอกไม้ก็ผ่านมา
วิวป่าสนทึบๆ ก็มีข้างทาง
ศาลเจ้าริม Lake Kirinko
มอง Lake จากอีกฝั่งบ้าง
12:15 ผ่าง!! ผงะเล็กน้อย ระหว่างแวะถ่ายรูปใบไม้แดงที่คาเฟ่นึงก่อนกลับ ก็เจอคู่คนไทยคู่เดิม เราก็ยิ้มให้อีกเช่นเคย แต่คุณเมียหน้าเหวี่ยงมาก คงจะเมื่อยมาก เพราะจากจุดที่เราจากกันมาถึงปลายสุด tourist route ที่ป๊ะกันใหม่นี้ เดินกันขาขวิดนะจ๊ะ ไม่รู้ว่าคิดถูกรึเปล่า แต่มโนว่าเมียคงจะบอกคุณผัวว่า เห็นมั้ยขี่จักรยานชิลๆ ไม่เมื่อยด้วย น่าจะถามซะแต่แรกว่าเช่าที่ไหน!!! เพราะงั้นใครจะดำเนิน off the beaten track จักรยานเท่านั้นช่วยคุณได้
12:30 ขี่ชิลจาก tourist route กลับมาคืนรถที่สถานี แต่ก่อนจะถึงสถานีอีกแค่ 500 เมตร ฝนดันลงจ้า ลงมามิใช่เบาๆ เลยต้องปั่นกันหูตั้งหนีฝน คืนรถทันเวลา 2 ชั่วโมงกลมๆ พอดีไม่มีค่าปรับ เหลือเวลาอีกชั่วโมงนึงก็หามื้อกลางวันกินชิลๆ แถวสถานี
14:00 รับรถเช่าที่ Nissan rent a car ไม่ไกลจากสถานีนัก จองไว้รุ่นเล็กสุด ประหยัดสุด ได้รุ่น Nissan Otti รถ compact 5 ประตู รุ่นนี้ถ้าเอาแบบพอดีๆ ก็นั่งได้ 3 คนกับกระเป๋าใบใหญ่ 3 ใบสบายๆ ตอนรับรถแอบเห็นว่ารถใน station มีเหลืออยู่อีกหลายคัน แต่ที่นี่ไม่มี free upgrade เหมือนเมืองไทยนะจ้ะ อดเบยยย สนนราคาค่าเช่าสองวัน รวมประกัน รวมภาษี ตกที่ 15,444y เป็นเงินไทยก็ราวๆ 5 พัน ถ้ามาส่งคืนช้าก็นับเพิ่มเป็นอีกวันราวๆ 5,000y เอาล่ะ เริ่มออกเดินทางกัน รถก็ขับไม่ยากวิ่งซ้ายเหมือนบ้านเรา มี gps touch screen + Audio ลูกครึ่ง ติดมาในรถด้วย ลูกครึ่งยังไงน่ะรึ ก็กดเมนูอังกฤษอยู่ดีๆ ยิ่งกด option ลึกไปเรื่อยๆ ดันเหลือแต่ภาษาญี่ปุ่น งงสิเนะ ส่วนจะให้มันนำทางแบบเบๆ ก็ไม่ยาก ต้องจอดสนิทเข้าเกียร์ P เหยียบเบรคเท้าอีกชั้น แล้วคีย์เบอร์โทรศัพท์จุดหมายปลายทาง แค่นี้ก็เริ่มนำทางได้ละ แต่ความแก่นเซี้ยวเปรี้ยวแสบของ gps นี่เด๋วจะไว้เล่าในวันถัดไป มันแสบบบบบ มากกกกกกก
น้อง OTTI สามตัวตรงงวดหน้า
14:20 เสร็จงานเอกสารที่ Nissan station แล้ว ก็ขับมารับกระเป๋าที่ฝากโรงแรมไว้ตอนเช้า แล้วก็จอดนั่งงม Gps อยู่เกือบ 10 นาที พอ set route ได้ ก็กันเหนียวด้วย google maps ใน iPhone อีกชั้น งานนี้ pocket wifi ที่เช่ากันมาหรือจ่ายเหมา data roaming มาจะมีประโยชน์มาก ใครจะขับรถเผื่อตรงนี้ไว้ด้วยน๊า หลงทางนี่ไม่สนุกเลยจริงๆ เอาล่ะเริ่มออกเดินทางไป Kurokawa กันนน
Kurokawa เป็น onsen town ชื่อดังในเกาะคิวชู เป็นเมืองเล็กๆ บนหุบเขา มีบ้านเรือน รีสอร์ท เรียวกัง กระจายเกาะอยู่ริมแม่น้ำสายหลักของเมือง onsen ที่นี่ดังเพราะธรรมชาติที่สวยงาม มี outdoor onsen ริมน้ำตก แช่น้ำไปฟังเสียงน้ำตกไปช่างเพลิดเพลิน ประกอบกับสิ่งปลูกสร้างที่กลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่ค่อยมีตึกคอนกรีต เหมาะกับคนที่ต้องการการพักผ่อนในธรรมชาติที่สงบสวยงามไร้การปรุงแต่งแบบจัดจ้าน
ส่วนที่พักคืนนี้พักกันที่ Yamamizuki ที่ www.japan-guide.com จัดให้เป็น best of the best onsen แค่อ่านในเวบ www.yamamizuki.com กับดูรูปก็ฟินกับบรรยากาศละ และนี่จัดเป็น highlight ของที่พักทั้ง 5 คืนในทริปนี้ ส่วนราคาก็แพงหูดับ แต่ก็ยอมอะ อะไรที่เป็น a must มันก็ต้อง must do จริงมะ แล้วนี่ก็ไม่ได้จองง่ายๆ เต็มตลอดเต็มยาว พอดีมีเหลือห้องนึงในช่วงเวลาพอดี นี่เลยต้องรีบคว้า แนะนำว่าจองผ่านเวบของโรงแรมที่บอกข้างบนจะเป๊ะกว่าจองจาก agoda หรือ booking ราคาที่พักจะรวมอาหารเย็นและเช้าไว้แล้วจะซื้อแต่ห้องอย่างเดียวไม่ได้ ซึ่งดีงามสะดวกสบาย เพราะรีสอร์ทนี้ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปอีก 2-3 km จะมาเดินคีบเกี๊ยะลากยูกะตะไปหาอะไรกินข้างนอกเอาประหยัดนี่ลำบากกก พูดเลย
ระยะทางจาก yufuin มา Kurokawa ประมาณ 70km ใช้เวลาเดินทาง 1:30 ชม. ทางขึ้นเขา คดเคี้ยวตลอดและถนนบังคับความเร็วที่ 50 km/h และห้ามแซง!!! และ 99% ก็ไม่มีใครแซง ขับตามๆกันเป็นริ้วขบวน น่าร้ากกก แต่ถนนนี้รถก็ไม่ได้เยอะมาก และแม้อยากจะขับเกิน 50 บ้าง รถคันนี้ก็เหยียบไม่ไป แค่ 70 นี่ก็จะ max ละ ธรรมชาติสองข้างทางก็สวยงาม เป็นป่าสน หุบเขา นาขั้นบันได และลำธารลัดเลาะไปกับเส้นทางสลับกันไป
16:15 ขับมาถึง Kurokawa แล้ว ท่ามกลางฝนโปรยปรายแบบพองาม ป่ารอบเมืองดูชุ่มชื่น พอถึงเมืองก็ไม่ได้แวะเดินชมแต่ตรงดิ่งไปที่พักเลย เพราะ email นัดเวลากันไว้แล้ว จากเมืองมีถนนแยกขึ้นเขาเลียบแม่น้ำไปยังที่พัก ถนนแคบมาก กว้างประมาณเลนครึ่ง ซ้ายก็ผา ขวาก็เหว หวาดเสียวที่ซู้ดดดด ลุ้นตลอดทางว่าอย่ามีรถสวน แต่ก็ป๊ะกันจนได้คันนึง กว่าจะสวนกันได้ก็เฉียดมาก โชคดีที่อยู่ฝั่งผาไม่งั้นจะลุ้นมากกว่านี้ ขับไปลุ้นไปประมาณ 2km ก็ถึงซะที Yamamizuki มีพนักงานเดินมารับถึงลานจอดรถ แถมเรียกชื่อแขกถูกด้วย คงเพราะนัดเวลากันไว้ พนักงานช่วยยกกระเป๋าไปยังห้องพัก แล้วก็มีพนักงาน reception สาวหมวยในชุดกิโมโนอีกคนที่พูดอังกฤษได้มาแนะนำสถานที่ รวมทั้งคอยบริการเฉพาะห้องของเรา ซึ่งทางโรงแรมคงจัดคนไว้ให้แล้ว เพราะมี email ล่วงหน้ามาถามเวลาเช็คอิน พร้อมถามว่าพูดญี่ปุ่นได้มั้ย ถ้าไม่ได้ก็จะจัดพนักงานที่พูดอังกฤษไว้คอยให้บริการ
แค่ทางเข้าก็ ว้าววววล้าววว
มาเหนื่อยๆ ล้างมือ ล้างหน้า หน่อยโนะ
บรรยากาศรอบๆ เขียวชุ่มฉ่ำ
ใครมา Day trip ต้องมาเช็คอินที่ tea house นี้ก่อนเลย
>> มีต่อคร้าบบบ