แรงบวก หุ้นเทิร์นอะราวด์ ทำให้รวยได้

กระทู้สนทนา
แรงบวก หุ้นเทิร์นอะราวด์ ทำให้รวยได้ แต่อย่าประมาทเพราะบางทีก็อาจทำให้ Xวย ครับ



"หุ้นเทิร์นอะราวด์ลงทุนช่วงแรกๆ อาจขาดทุน แต่ถ้าเชื่อแล้วว่าอนาคตดีแน่ผมอดทนรอได้ ผมจะเล่นวันนี้เพื่อรอรับกำไรมหาศาลในอีกหลายๆเดือนข้างหน้า"

ทำไม! วิรัตน์ อุดมสินวัฒนา จึงปักใจเชื่อเรื่องหุ้นเทิร์นอะราวด์ และแนวคิดการลงทุนแบบสวนกระแส ต้นแบบความเชื่อของเขาเกิดขึ้นมาจากความสำเร็จจากการลงทุนในหุ้น ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) ช่วงที่กิจการตกต่ำจนถึงขีดสุด เขาเชื่อว่าสักวันหุ้นตัวนี้จะต้องกลับมา

วิรัตน์กล้าที่จะวัดดวงกับมัน และในที่สุดความคิดเขาถูกได้กำไรหุ้น STEC อื้อซ่า! ที่จริงแล้วเขาเลือกที่จะเสี่ยงในช่วงที่หุ้นตัวนี้ออกจากรีแฮปโก้ใหม่ๆ เมื่อหลายปีก่อน แน่นอนมันได้ "แรงบวก" จากความคาดหวังที่อยู่เหนือเหตุผลของปัจจัยพื้นฐานที่มาทีหลัง

ตอนนั้นหุ้น STEC ก็แทบจะหาอนาคตไม่เจอเหมือนกับหุ้น D1 แต่ด้วยความเชื่อลึกๆ ว่า สักวันหนึ่งมันจะต้องฟื้นตัว และถ้าวันนั้นมาถึงนั่นหมายถึงว่า "คุณจะมีโอกาสได้กำไรมหาศาล"

"ผมซื้อวอร์แรนท์ STEC ไว้เยอะ แล้วก็แปลงสภาพ สุดท้ายหุ้นตัวนี้เป็นหุ้นที่ให้กำไรค่อนข้างมาก และก็ไม่ได้เข้าไปเก็บตอนราคาต่ำที่สุด มาเข้าช่วงที่หุ้น STEC เริ่มปรับตัวขึ้นมาแล้วตอนราคา 2-3 บาท แล้วขายออกไปตอนราคา 6-8 บาท แต่หุ้นที่ทำให้ผม "เจ็บ" ขาดทุนไปเยอะ คือ หุ้นอินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง (IEC)" เขาเคยเล่าให้ฟัง
วิรัตน์เคยแก้ต่างว่า ที่เขาลงทุนแล้ว "โดน" เป็นเพราะมี "อินไซด์" ไม่ใช่ "เก่ง+เฮง" อะไรหรอก!

"ถ้าผมรู้จริง (รู้วงใน) ไม่มีทางขาดทุนหุ้น IEC หรอก แต่เพราะผมรู้ไม่จริง เราไปมองว่าเป็นหุ้นไอทีมีตราครุฑติดด้วย เลยขาดทุนไปเยอะ"

สำหรับกลเม็ดเคล็ดลับที่ทำให้เสี่ยวิลลี่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น เขาไขปริศนากับกรุงเทพธุรกิจ BizWeek ว่า มีกลยุทธ์การลงทุน 3 ประการ คือ 1.ต้องดูเม็ดเงิน (ฟันโฟลว์) ต่างชาติเป็นหลัก โดยให้สังเกตการลงทุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน (และหุ้นบริวาร ปตท.) และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ถ้าหุ้นพวกนี้ "ตื่น" ขึ้นแล้ว จากนั้นหุ้นกลุ่มดังกล่าวก็ "ร่วง" ไม่เป็นท่า รับรู้ได้เลยว่า "ฝรั่งกำลังหนี"

"นี่คือเหตุผลว่าทำไม! พอร์ตของผมจะต้องมีหุ้นกลุ่มพวกนี้ เพื่อเป็นเครื่องชี้วัดภาพรวมการลงทุน"

2.จับตาดูกองทุนว่ามีวอลุ่มซื้อขายเป็นอย่างไร อธิบายง่ายๆ ว่า ถ้าเขาขายหุ้น (ขายสุทธิ) ติดต่อกันหลายวันผมก็จะรีบเช็คว่ามันมีข่าวอะไรไม่ดีที่เราไม่รู้หรือไม่ ถ้าผลออกมาว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็จะสรุปได้ว่าเป็นการขายออกมาเพื่อทำกำไรระยะสั้นเท่านั้น แต่ถ้าพิจารณาดูแล้วพบว่าเศรษฐกิจมีดัชนีชี้วัดบางตัวไม่เหมือนเดิมบวกกับหุ้นตัวที่ถืออยู่มีปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนไป ก็จะหาจังหวะขายออกทันที

"คนอย่างผมไม่กลัวตกรถไฟฟ้าหรอก หรือถ้ารู้สึกหวั่นไหวจริงๆ ผมก็จะรีบขายหุ้นออก"

3.ดูเงินหน้าตักเราว่ามีจำนวนเท่าไร พร้อมจะลงทุนได้มากน้อยแค่ไหน ลักษณะนิสัยผมไม่ชอบการ "ทุ่มเท" (ไม่ทุ่มซื้อครั้งเดียวจนหมดหน้าตัก) แต่จะทยอยเก็บสะสมมากกว่า ถ้าหุ้นตัวไหนมีสภาพคล่องดีก็จะลงทุนครั้งละ 10 ล้านบาท ถ้าหุ้นไม่ค่อยมีสภาพคล่องมีวันละเท่าไรก็ลงเท่านั้นจะไม่ไล่ราคา แต่ถ้าตัวไหนมี “สตอรี่” มองแล้วมีโอกาสเทิร์นอะราวด์สูง มีโอกาสได้กำไรอย่างต่ำๆ 30-50% ก็จะลงทุนมากหน่อย

"หุ้นเทิร์นอะราวด์ลงทุนช่วงแรกๆ อาจขาดทุน แต่ถ้าเชื่อแล้วว่าอนาคตดีแน่..ผมอดทนรอได้"   

การวางบทบาทของตัวเองในวันนี้วิรัตน์บอกว่าอยากเป็นแค่ "นักลงทุนธรรมดา" ที่มีมุมมองและกลยุทธ์การลงทุนแตกต่างจากเซียนหุ้นรายอื่น

"ผมจะคัดหุ้นที่ดีที่สุดในเวลานั้นมา 10 ตัว และจะเลือกซื้อเพียง 5 ตัว โดยหุ้นทุกตัวผมคิดดีแล้วว่าจะต้องได้กำไรอย่างน้อย 30% แม้จะช้าหน่อยแต่ก็ได้ชัวร์..ผมไม่ชอบเล่นหุ้นเอากำไรแค่ 5-10% มันจุ๋มจิ๋มเกินไป"

นอกจากนี้ เขายังย้ำว่าชอบเล่นหุ้นคนเดียว ไม่ชอบรวมกลุ่มก๊วน(เล่นแท็กทีม)กับใคร มีเพียงเพื่อนๆที่แลกเปลี่ยนทัศนคติกันเพราะในวงการนี้มีบทเรียนให้เห็นการเล่นหุ้นด้วยกันเรามักเสียเพื่อนดีๆ ไป

"ผมมองว่าเรื่องหุ้นมันอ่อนไหวเหมือนเรื่องเงินๆ ทองๆ ในอดีตพอร์ตหุ้นผมเคยบวมถึง 60 ตัว ขาดทุนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท เพราะมัวฟังคนโน้นทีคนนี้ที สุดท้ายรู้แล้วว่าไม่รุ่งเลยเปลี่ยนแนวมาเป็นตัวของตัวเอง"

วิรัตน์ได้ประสบการณ์ไว้เป็นบทเรียนว่า นักลงทุนคนอื่นมักเล่นหุ้นวันนี้เพื่อเอากำไรในวันพรุ่งนี้ แต่ไม่ใช่วิรัตน์ อุดมสินวัฒนา..คนนี้

"สำหรับผมจะเล่นวันนี้เพื่อรอรับกำไร "มหาศาล" ในอีกหลายๆ เดือนข้างหน้า ผมไม่นิยมเล่นหุ้นตามโฆษณาชวนเชื่อ แม้ว่าจะซื้อหุ้นตามคำแนะนำของมาร์เก็ตติ้งบ้างแต่ก็คิดดีแล้วถึงได้ซื้อ ไม่ได้ควักเงินเพราะไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย”

การลงทุนที่ไม่รู้จริงสำหรับวิรัตน์มันคือ "ความเสี่ยง" แท้จริง "ความโลภ" ที่จะเอากำไรมากๆ ไม่น่ากลัว โลภมากอย่างมากก็แค่ลาภหาย แต่ "หายนะ" คือผลรวมของ "ความโลภ+ความมั่นใจ" และ "รู้ไม่จริง" ต่างหาก




ปล.  นี่เลยครับ แนวนี้ เป็นแนวของผมเลยครับ...สะใจที่สุด....ได้จริง เจ็บจริง จุกจริง......
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่