#สุนัขยอดกตัญญู [ฮาจิ] ที่รอการกับมาของเจ้านายผู้ล่วงลับไปแล้ว นานถึง 10 ปี ตราบสิ้นลมหายใจ

เป็นบทความดี ๆ บทความหนึ่ง ที่บางคนอาจจะเคยได้อ่าน...แต่อาจจะลืมไปแล้ว หรือบางคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้าง ..แต่ไม่ได้อ่านอย่างจริงจัง
....แต่สำหรับบางคนอาจจะไม่เคยรู้จักเกี่ยวประวัติ สุนัข [ฮาจิ] ยอดกตัญญูเลยก็ว่าได้ เลยอยากจะเสนอแนะเรื่องดี ๆ ให้กับชาว Pantip ได้อ่านกันครับ
ไซบีเรียนฮัสกี้

สุนัขยอดกตัญญู รอรับเจ้านายผู้ล่วงลับไปแล้ว อยู่ถึง 10 ปี ตราบจนสิ้นลมหายใจ


หากจะเอ่ยถึงสัตว์เลี้ยงที่มีความใกล้ชิดคนเรา และมีความจงรักภักดีมากที่สุด คงจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "สุนัข" แต่สุนัขที่จะกล่าวถึงนี้ เป็นตำนานของสุนัขยอดกตัญญู ซื่อสัตย์ และภักดี เป็นพิเศษ ที่เฝ้ารอเจ้านายผู้ล่วงลับไปแล้ว อยู่ที่สถานี  รถไฟนานนับสิบปี จวบจนลมหายใจสุดท้ายของมันเรื่องราวของ "ฮาจิ" เกิดขึ้นเมื่อ 90 ปีก่อนเรื่องราวนี้เป็น
เรื่องจริงที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2467 หรือ 90 ปีก่อน
  ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ในอำเภอคิตะอาคิตะ จังหวัดอาคิตะ ซึ่งปัจจุบันนี้ ก็คือเทศบาลโอดาเตะ ของจังหวัดอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น มีภูมิประเทศเป็นรูปก้นกระทะและรายล้อมไปด้วยภูเขา
"ดร. อุเอโนะ เอซาบุโร่ อาจารย์ภาควิชาเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว เป็นคนรักสุนัขมาก เมื่อฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้ว สุนัขของท่านตายพอดี ท่านอยากจะลองเลี้ยง สุนัขอาคิตะดูบ้าง" คุณคุริตะ เรโซ วิศวกรด้านเทคนิคการเกษตร ทำงานอยู่ที่  ศาลากลางจังหวัดอาคิตะ และเป็นลูกศิษย์ของ ดร. อุเอโนะ ด้วย ได้บอกกับผู้ใหญ่บ้าน ถึงลูกหมาที่ขอไว้ ที่จะนำไปให้อาจารย์ ดร. อุเอโนะ"ไม่เป็นไร ๆ คุณคุริตะ ไม่รบกวนเลย ลูกหมาเกิดมาตั้ง 4 ตัว ถ้ามีคนดี ๆ รับไปเลี้ยง  ผมก็ยินดียกให้" ผู้ใหญ่บ้านกล่าว พร้อมทั้งนำไปที่เรือนเก็บของที่มุมสวน ที่เป็นที่อยู่ของแม่สุนัขและลูกสุนัขทั้ง 4 ตัว อายุสองเดือนพอดี ตัวอ้วนกลม ขนสีเหลืองอ่อนเป็นเงาสวย เป็นสุนัขอาคิตะ พร้อมทั้งให้คุณคุริตะเลือกเอาเอง

เริ่มเดินทางจากบ้านเกิด เมื่ออายุได้ 2 เดือน
วันที่ 14 มกราคม 2467 ลูกสุนัขเพศผู้ตัวหนึ่ง ที่คุณคุริตะเลือก เดินทางจากหมู่บ้านของจังหวัดอาคิตะ เข้ากรุงโตเกียว โดยถูกส่งมาทางรถไฟสายด่วน บรรทุกมากับตู้สินค้า ใส่กระสอบมา ซึ่งใช้เวลาเดินทาง 20 ชั่วโมง และคุณคิขุ คนสวน ของ ดร. อุเอโนะ เป็นผู้มารับที่สถานีรถไฟ ของเช้าของอีกวันหนึ่ง ลูกสุนัขดูท่าทางอิดโรยมาก อาจเพราะความหิวและหนาวก็เป็นได้บ้านของ ดร. อุเอโนะ นั้น เดินจากสถานีชิบุยะ ประมาณ 10 นาทีก็ถึง ปัจจุบันคือตำบลโชโท เป็นคฤหาสน์หลังโต เนื้อที่ 300 ตารางวา ตั้งเด่นตะหง่านสะดุดตา"เพิ่งจะพรากจากแม่มา งั้นคืนนี้ เจ้านอนกับฉันก่อนก็แล้วกัน" ดร. อุเอโนะ พูดอย่างอ่อนโยน พร้อมทั้งกอดลูกสุนัขไว้ในอ้อมแขนลูกสุนัขโตวันโตคืนอย่างรวดเร็ว ด้วยความรักและการเอาใจใส่ของ ดร. อุเอโนะ และภรรยา

ที่มาของชื่อ "ฮาจิ"
"ให้ชื่อ ฮาจิ ดีไหมคะ เราเลี้ยงสุนัขมาเยอะ แต่ทุกตัวไม่ค่อยแข็งแรงเลย ล้มหายตายจากกันไปหมด ลูกสุนัขตัวนี้ เป็นตัวที่แปดแล้วนะคะ" (ฮาจิ แปลว่า แปด)
"ฮาจิ เป็นชื่อที่ดี งั้นชื่อ ฮาจิ นะ" ดร. อุเอโนะ กล่าวพร้อมทั้งชูอาจิขึ้นเหนือศีรษะดร. อุเอโนะ เลี้ยงดูฮาจิ เป็นอย่างดีเหมือนป็นลูกของตัวเอง และเอานอนด้วยกันจนอายุครบ 2 เดือน ตัวโตขึ้นมาก จึงได้แยกให้มานอนเดี่ยว ฮาจิ โตขึ้นผิดหูผิดตา
แต่ว่า หูยังไม่ตั้ง ขนสีเหลืองเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล หางของฮาจิม้วนกลม ลักษณะหางม้วนกลมนี้ เป็นลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของสุนัขอาคิตะ

เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาเยือน ...
เป็นครั้งแรกที่ ดร. อุเอโนะ พาฮาจิ ออกไปเดินเล่นด้วยกัน ฮาจิถูกจับใส่ปลอกคอหนัง มีเชือกจูง ฮาจิตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นจังเลย ได้พบเพื่อนใหม่เยอะทีเดียว บางตัวก็เป็นมิตรดี บางตัวก็ท่าทางน่ากลัว ดร. อุเอโนะ ต้องพาแนะนำให้รู้จักไปตลอดทาง  บรรดานกตัวเล็กตัวน้อย ต่างก็ส่งเสียงร้องทักทายฮาจิไปตลอดทางด้วย ฮาจิดูมีความสุขไม่น้อย แต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้

วันชมซากุระ ...
รอบ ๆ บ้านของ ดร. อุเอโนะ มีต้นซากุระมากมาย ทุกปีเมื่อถึงฤดู ที่คฤหาสน์อุเอโนะ จะมีวันชมซากุระ ในปีนี้เลือกเอาวันอาทิตย์เป็นวันชมซากุระ เมื่อถึงวันอาทิตย์ มีเพื่อนบ้าน ข้าราชการ นักศึกษา ลูกศิษย์ ดร. อุเอโนะ ที่เรียนจบไปแล้ว พากันมา ชมซากุระอย่างเนืองแน่น ดร. อุเอโนะ ก็ได้จัดอาหารและเครื่องดื่มเลี้ยงต้อนรับ ฮาจิ ก็ได้ต้อนรับแขกที่มาเยือนด้วย คิขุ คนสวน ที่ไปรับตัวฮาจิที่สถานีรถไฟ ก็มาทักทาย และหยอกล้อเล่นกับฮาจิ และนำไก่ย่างเสียบไม้ มาให้ฮาจิด้วย ฮาจิก็สวาปามเสียจนหมดเกลี้ยงเลย

เดือนกรกฎาคม 2467 ครั้งแรกที่ไปส่ง ดร. อุเอโนะ
ฮาจิอายุได้ประมาณ 8 เดือน ตัวโตขึ้นมากทีเดียว ใกล้จะเป็นหนุ่มแล้ว ขนสีน้ำตาลของฮาจิเป็นเงาสวยงาม ขาทั้งสองยืดยาวขึ้น เป็นสุนัขที่สง่างามมากครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ ฮาจิ จะได้ไปส่งคุณครู ดร. อุเอโนะ ที่สถานีรถไฟชิบุยะ ดร.อุเอโนะถือกระเป๋าสีดำ วันนี้ ดร. อุเอโนะ จะไปที่นิชิงะฮาร่า (ปัจจุบันคือ อำเภอคิตะของโตเกียว) ที่นี่เป็นสถานที่สอบไล่ของภาควิชาการเกษตร จากสถานีชิบุยะ ดร. อุเอโนะ จะต้องขึ้นรถสายยามาโนเตะ แล้วก็ไปลงที่สถานีโคมาโกเมะ จากนั้น ก็ขึ้นรถรางเทศบาลไปยังสถานที่สอบ"ฮาจิ เดี๋ยวเราไปสถานีชิบุยะกัน แต่เวลากลับต้องกลับคนเดียว คงไม่เป็นไรนะคงไม่หลงทาง จำทางให้ดี ๆ ก็แล้วกัน" ดร. อุเอโนะ คุยกับฮาจิอย่างอ่อนโยนประมาณสิบนาที ก็ออกสู่ถนนใหญ่แล้ว ที่นั่นผู้คนมากมาย ต่างเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังสถานีชิบุยะกันผู้คนที่เดินทางผ่านไปมาแถวนั้น ต่างเหลียวมองอาจิด้วยความชื่นชม พร้อมกล่าว
ทักทายฮาจิ
"สวยจัง"
"ท่าทางฉลาดเชียว"
ฮาจิเอง ก็รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเป็นที่สุด "เอาล่ะ ฮาจิถึงแล้ว" ดร. อุเอโนะ หยุดยืนบริเวณที่ตรวจตั๋ว แล้วก้มตัวลงลูบหลัง ฮาจิ "ฮาจิ ไปล่ะนะ รีบกลับบ้านเลยนะ" ดร. อุเอโนะ โบกมือให้ฮาจิ ฮาจิ นั่งนิ่งอยู่ตรงจุดตรวจตั๋ว นั่งมอง ดร. อุเอโนะ จนหายลับตาไป ฮาจิคิดจะตามไปด้วยเหมือนกัน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ ฮาจิ ค่อย ๆ ลุกขึ้น แล้วก้มหน้าก้มตาเดินกลับบ้าน ภรรยา ดร. อุเอโนะ ออกมารับฮาจิที่หน้าประตู พร้อมร้องทัก "ไง ฮาจิ ไปส่งคุณครู เรียบร้อยแล้วเหรอ เก่งจริง ๆ อาจิ แล้วตอนเย็น ช่วยไปรับคุณครูด้วยนะ" ซึ่งฮาจิก็เข้าใจดี มองหน้าพร้อมกระดิกหางท้องฟ้าในฤดูร้อน ค่อย ๆ มืดสลัวลง พลบค่ำ ฮาจิเดินไปสถานีชิบุยะตามลำพังสถานีชิบุยะเป็นเรือนไม้ หลังคามุงกระเบื้องสีแดง (ไม่ทันสมัยเหมือนปัจจุบันนี้)ฮาจินั่งเรียบร้อยอยู่ตรงจุดตรวจตั๋ว มองผู้คนที่ทยอยเดินเข้ามา"ไง ฮาจิ มาแล้วหรือ" ดร. อุเอโนะ กล่าวทักฮาจิด้วยความเอ็นดู
วันต่อมา ฮาจิก็ไปส่ง ดร. อุเอโนะ ที่สถานีชิบุยะ พอตกเย็น ฮาจิก็ไปรับ ไปคอยที่จุดตรวจตั๋วหลังจากนั้น ฮาจิก็ไปส่ง ดร. อุเอโนะ ทุกวัน บางวัน ดร. อุเอโนะ ก็ไปไกลหน่อย กลับช้าหน่อย ซึ่งฮาจิ ก็ไปนั่งรอเป็นประจำ บางวัน ดร. อุเอโนะ บอกว่า ไม่ต้องไปรับ แต่ฮาจิ อดที่จะไปไม่ได้ บางครั้งอดทน นั่งรอเป็นชัวโมง ๆ ถึงสองชั่วโมง หรือกว่านั้นก็มี จนหิว แต่ฮาจิก็ไม่ได้ย่อท้อ อดทนและรอคอยเสมอบางวัน ฝนตก ฮาจิเดินตากฝนไปส่ง ดร. อุเอโนะ จนตัวเปียกโชกก็มีบางวัน ดร. อุเอโนะ ไปรถรางเทศบาล ซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับสถานีชิบุยะ เพื่อไปที่กระทรวงการค้าเกษตร (ปัจจุบัน คือกระทรวงเกษตรป่าไม้และการประมง) ฮาจิก็ไปส่งแต่ขากลับ ฮาจิไม่แน่ใจว่า ดร. อุเอโนะจะกลับทางไหน เลยต้องเงี่ยหูฟังหาเสียงฝีเท้าของ ดร. อุเอโนะ บางทีรอที่จุดตรวจตั๋ว กว่า 30 นาที ก็ยังไม่มีวี่แววของ ดร.อุเอโนะ ก็มี ฮาจิ ก็คิดว่า คุณครู อาจกลับกับรถรางเทศบาล ก็เป็นได้ ฮาจิตั้งท่าจะไปรับที่ป้ายจอดรถรางเทศบาลแล้ว แต่แล้ว ดร. อุเอโนะ ก็วิ่งออกมาจากจุดที่ตรวจตั๋วก็มี ดร. อุเอโนะ มักจะเลี้ยงมื้อพิเศษให้ ฮาจิ ที่ร้านไก่ย่างเป็นประจำ !!

ปี 2468 วันครบรอบ 1 ปี ...
"ฮาจิ ! เจ้ามาอยู่ที่นี่ ครบปีหนึ่งพอดี ลองมาชั่งน้ำหนักดูซิ" ดร. อุเอโนะบอกฮาจิแล้วหิ้วตาชั่งไปที่สวน แล้วอุ้มฮาจิขึ้นชั่ง " 37.5 กิโล ตัวโตขึ้นเยอะเลย หูก็ตั้งแล้ว หางก็ม้วนไปที่หลังสวย เป็นสุนัขอาคิตะที่ดูดีมาก ๆ เลย" ดร. อุเอโนะ ลูบหลังฮาจิด้วยความพึงพอใจ แล้วจากนั้น ก็แปรงขนให้ฮาจิไม่ว่าเป็นวันที่ฝนตกหรือหิมะตก ฮาจิก็ไปส่งไปรับ ดร. อุเอโนะสม่ำเสมอไม่เคยขาดดร. อุเอโนะ ก็ให้ความสนิทสนมเอ็นดู รักฮาจิเหมือนลูก

และแล้ว ... วันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิของปีหนึ่ง ก็ได้เวียนมาถึง
เสียงโทรศัพท์ที่บ้าน ดร. อุเอโนะ ก็ดังขึ้น เป็นสายโทรศัพท์ด่วนจากมหาวิทยาลัย แจ้งแก่ภรรยา ดร. อุเอโนะว่า
"หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ ดร. อุเอโนะ อยู่ที่ห้องพักครู ลูกศิษย์สามคนก็มาหาให้ ดร. อุเอโนะช่วยอธิบายเกี่ยวกับรถแทรกเตอร์ให้ฟัง อยู่ ๆ ดร. อุเอโนะ ก็เกิดหายใจติดขัด ตัวไหวโอนเอนไปมา แล้วก็ล้มตกจากเก้าอี้ ลูกศิษย์สามคนช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล แต่ว่า ช้าไปแล้ว ดร.อุเอโนะ จากไปด้วยโรคหัวใจวาย" ทุกคนในบ้านตกใจ ทำอะไรไม่ถูก รถของโรงพยาบาล นำร่าง ดร. อุเอโนะ บรรจุในโลงศพมาถึงคฤหาสน์เกือบจะค่ำแล้วภายในคฤหาสน์ ผู้คนต่างวิ่งวุ่นชุลมุน อาจารย์ที่มหาวิทยาลัย และญาติ ๆ รวมทั้งลูกศิษย์ เริ่มทะยอยมา จากนั้น พระเริ่มสวดฮาจิ ได้กลิ่นของคุณครู คุณครูต้องอยู่ในโลงสีขาว ท่ามกลางดอกไม้นี้แน่นอน ฮาจิจึงได้มุดไปอยู่ใต้โลงศพสีขาว ไปนั่งอยู่ตรงนั้น ทุกคนในห้องต่างมองอาจิอย่าง เงียบกริบหลังจากนั้น ร่างไร้วิญญาณของ ดร. อุเอโนะ ก็ถูกนำไปเผาที่ฌาปนสถาน แล้วนำเถ้ากระดูกที่เหลือไปเก็บไว้ที่สุสานอาโอยาม่า ซึ่งเป็นสุสานของบ้านอุเอโนะ อยู่ถัดจากชิบุยะไปเมืองหนึ่ง บัดนี้ ดร. อุเอโนะ นอนหลับอยู่ในสุสานนั้นชั่วนิรันดร์

การตายของ ดร. อุเอโนะ ฮาจิไม่เข้าใจ
  หลังจากนั้น ตอนเช้า ฮาจิ เดินไปที่สถานีชิบุยะ เพียงลำพัง แล้วก็เดินกลับคฤหาสน์
อย่างหมดแรง ตกเย็น ห้าโมงกว่า ๆ ฮาจิก็จะไปที่สถานีชิบุยะอีก ไปนั่งคอยอย่างใจจดจ่อ อยู่ที่จุดตรวจตั๋ว แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็ไม่เห็นวี่แววของ ดร. อุเอโนะเลยเหตุการณ์เป็นเช่นนี้อยู่ถึง 5 วันฮาจิวิ่งวุ่นอยู่ในบ้าน ในสวนและห้องเก็บของ เพื่อค้นหาเสื้อเชิ้ต ของคุณครู แล้วนำมาเลียอย่างชื่นอกชื่นใจบางครั้ง ภรรยา ดร. อุเอโนะ ต้องไปตาม ฮาจิ ที่สถานีรถไฟชิบุยะ แล้วบอกกับฮาจิว่า"ฮาจิ คุณครูจากไปไกลแสนไกลแล้ว ต่อให้แกคอยแค่ไหน คุณครูก็ไม่กลับมาหรอก"แล้วเธอก็ร้องไห้ ส่วนฮาจิคอตกเดินกลับไป

หนึ่งเดือนผ่านไป ... ชีวิตของ ฮาจิ เปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
พอไม่มี ดร. อุเอโนะแล้ว คฤหาสน์หลังนี้ก็ใหญ่เกินไปสำหรับภรรยา ดร.อุเอโนะ จึงจำเป็นต้องขาย ทุกคนแยกย้ายกันไป แล้ว ฮาจิ ล่ะ จะทำอย่างไร "คุณคิขุ ช่วยหน่อยเถอะ ช่วยพาฮาจิ ไปฝากไว้กับ คุณเซ็นคิจิ ที่อาซากุสะ ให้ทีเห็นฮาจิทีไร ก็นึกถึงคุณครู ทนไม่ไหว" ภรรยา ดร. อุเอโนะ บอกกับคิขุ คนสวนในวันหนึ่งแล้วฮาจิ ก็ถูกพาไปฝากไว้ที่บ้านของ ทาคาฮาชิ เซ็นคิจิ ที่ อาซากุสะ เซ็นคิจิ เป็นญาติห่าง ๆ ของภรรยา ดร. อุเอโนะ ทุกคนที่บ้านเซ็นคิจิ เป็นคนรักสุนัข ลูกชายคนเดียวของเซ็นคิจิที่ชื่อ โคอิจิโร่ เรียนอยู่ชั้นประถม รักใคร่เอ็นดูฮาจิเป็นพิเศษที่อาซากุสะ สำหรับฮาจิแล้ว ไม่มีวันจะคุ้นเคยได้ ฮาจิอยู่ได้เพียงพักเดียวเท่านั้นแล้ว ฮาจิ ก็จากบ้านของทาคาฮาชิ มา ฮาจิ วิ่งโดยไม่เหลียวหลัง เร่งฝีเท้า และวิ่งจนฝุ่นตลบ มุ่งหน้ากลับไปชิบุยะ วิ่งมาเกือบสามชั่วโมง ฮาจิก็มองเห็นประตู คฤหาสน์ที่สุดแสนจะคิดถึง บ๊อก บ๊อก บ๊อก  ไม่ว่า ฮาจิจะเห่าสักเท่าไร ประตูคฤหาสน์ก็ไม่เปิด ฮาจิ หมอบนิ่งอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ ผ่านไปสองชั่วโมง ฮาจิก็เคลิ้มหลับไป"เฮ้ ! ฮาจินี่นา" คิขุจอดจักรยาน และร้องทักด้วยเสียงดัง "แกเดินมาจากอาซากุสะ มาถึงที่นี่เลยเหรอ ฮาจิ ต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว แกขึ้นรถรางไม่ได้นี่นา" จากนั้นคิขุก็กอดรัดฮาจิ"ฮาจิ คฤหาสน์หลังนี้ เดี๋ยวก็จะขายแล้ว พูดไปแกก็ไม่เข้าใจหรอก ไม่รู้ใครจะมาซื้อไม่ว่าแกจะคอยอยู่ที่นี่นานแค่ไหน ไม่ว่าแกจะเรียกกี่พันครั้ง คุณครูก็ไม่กลับมาแล้วล่ะ"คิขุบอกกับฮาจิ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่