เฝิงอิ๋ง
เป็นชาวเมืองเจิ้งโจว
อายุ 23 ปี
เธอเพิ่งแต่งงาน
แววตาอิ่มไปด้วยความสุข
วันหนึ่ง เธอเดินทางมาห้องส่งเพื่ออัดเทปรายการ I Dream
เฝิงอิ๋งมาพร้อมสามีและครอบครัว
เมื่อถึงคิว เธอขึ้นเวที แล้วก็แนะนำตัว
ก่อนที่รายการจะดำเนินต่อไป เธอขอร้องพิธีกรไม่ให้สามีและครอบครัวเห็นเธอพูดคุย
ในรายการ พิธีกรเห็นสนุก รู้ว่าเธอต้องการจะเซอร์ไพรส์ เลยให้เจ้าหน้าที่เชิญคนใน
ครอบครัวไปซ่อนในห้องรับแขก
แล้วการสนทนาของเธอและพิธีกรก็เริ่มขึ้น
เฝิงอิ๋งเล่าถึงชีวิตคู่อันแสนหวาน
เธอรู้จักกับเขาในวันหนึ่งที่โรงพยาบาล จากนั้นความสัมพันธ์ได้เติบโตขึ้น เพียงเดือน
เดียว เขาใช้โทรโข่งตะโกนขอเธอแต่งงานในโรงพยาบาลนั้นเอง
หนึ่งเดือนจากนั้นเธอกับเขาแอบไปจนทะเบียน เธอรู้ว่าเขาทั้งคุกเข่าทั้งอ้อนวอนทั้งวัน
ต่อหน้าพ่อแม่ที่ไม่เห็นด้วยเพื่อขอจัดพิธีแต่งงาน
เธอมีชีวิตหลังแต่งงานอย่างที่หลายคนอิจฉา
สามีดูแลเธออย่างดี อุ้มเธอเข้าบ้าน ล้างเท้าให้เธอทุกคืน
เมื่อพิธีกรถามถึงความฝัน
เธอยิ้ม...
แล้วตอบว่า “ดิฉันต้องการหาแฟนใหม่ให้สามี”
ผู้ชมทั้งห้องส่งเงียบกริบ
ทว่าเธออธิบายเหตุผลด้วยท่าทียิ้มแย้มและมั่นใจ
ถึงเวลาแสดงความสามารถ เธอร้องเพลงที่จะมอบให้สามีและเจ้าสาวคนใหม่
เสียงของเธอนั้นฟังไม่เป็นเพลง ยิ่งตอนท้ายปนเสียงสะอึกสะอื้น
พิธีกรยืนนัยน์ตารื้น กรรมการคนหนึ่งยกมือป้ายหน้า
เฝิงอิ๋งมีก้อนเนื้อร้ายในสมองระยะที่สี่ และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เธอตาเหล่
วันถัดจากวันอัดรายการ เธอจะต้องไปปักกิ่งเพื่อเข้ารับการผ่าตัด
เพื่อการนี้ สามีเธอต้องขายบ้าน และโอกาสที่การผ่าตัดจะประสบผลสำเร็จ
มีเพียง 20%
เธอรักสามี และรู้ว่าเขาก็รักเธอ
เฝิงอิ๋งต้องการทำอะไรซักอย่างเพื่อเขา
และคิดว่าสิ่งนี้ดีที่สุด
เธอฝากความฝันนี้ให้พิธีกรและผู้ชมในห้องส่ง หากว่าเธอไม่สามารถลืม
ตาตื่นจากเตียงผ่าตัด ขอให้บอกเรื่องนี้แก่เขา
เมื่อการร้องเพลงเสร็จสิ้นลง เธอขอให้สามีเธอขึ้นมาบนเวที พิธีกรขอให้ทุกคนในห้องส่ง
สาบาญว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และทำตัวตามปกติ
สามีเธอเดินขึ้นมาด้วยสีหน้างง ๆ ทักทายผู้ชมในห้องส่ง
พิธีกรถามเขาว่ารู้เรื่องความฝันของภรรยาหรือไม่
“ผมรู้ เราเคยคุยกัน มันเป็นความฝันของเราร่วมกัน"
"เราตั้งใจไว้ว่าจะไปถ่ายรูปกันทุก ๆ ปี เก็บไว้เป็นอัลบั้ม ถ่ายให้ได้มากที่สุด ตราบเท่าที่เธอยังมีชีวิตอยู่”
ฝันของหญิงสาว ที่ไม่อยากให้เป็นจริง
เป็นชาวเมืองเจิ้งโจว
อายุ 23 ปี
เธอเพิ่งแต่งงาน
แววตาอิ่มไปด้วยความสุข
วันหนึ่ง เธอเดินทางมาห้องส่งเพื่ออัดเทปรายการ I Dream
เฝิงอิ๋งมาพร้อมสามีและครอบครัว
เมื่อถึงคิว เธอขึ้นเวที แล้วก็แนะนำตัว
ก่อนที่รายการจะดำเนินต่อไป เธอขอร้องพิธีกรไม่ให้สามีและครอบครัวเห็นเธอพูดคุย
ในรายการ พิธีกรเห็นสนุก รู้ว่าเธอต้องการจะเซอร์ไพรส์ เลยให้เจ้าหน้าที่เชิญคนใน
ครอบครัวไปซ่อนในห้องรับแขก
แล้วการสนทนาของเธอและพิธีกรก็เริ่มขึ้น
เฝิงอิ๋งเล่าถึงชีวิตคู่อันแสนหวาน
เธอรู้จักกับเขาในวันหนึ่งที่โรงพยาบาล จากนั้นความสัมพันธ์ได้เติบโตขึ้น เพียงเดือน
เดียว เขาใช้โทรโข่งตะโกนขอเธอแต่งงานในโรงพยาบาลนั้นเอง
หนึ่งเดือนจากนั้นเธอกับเขาแอบไปจนทะเบียน เธอรู้ว่าเขาทั้งคุกเข่าทั้งอ้อนวอนทั้งวัน
ต่อหน้าพ่อแม่ที่ไม่เห็นด้วยเพื่อขอจัดพิธีแต่งงาน
เธอมีชีวิตหลังแต่งงานอย่างที่หลายคนอิจฉา
สามีดูแลเธออย่างดี อุ้มเธอเข้าบ้าน ล้างเท้าให้เธอทุกคืน
เมื่อพิธีกรถามถึงความฝัน
เธอยิ้ม...
แล้วตอบว่า “ดิฉันต้องการหาแฟนใหม่ให้สามี”
ผู้ชมทั้งห้องส่งเงียบกริบ
ทว่าเธออธิบายเหตุผลด้วยท่าทียิ้มแย้มและมั่นใจ
ถึงเวลาแสดงความสามารถ เธอร้องเพลงที่จะมอบให้สามีและเจ้าสาวคนใหม่
เสียงของเธอนั้นฟังไม่เป็นเพลง ยิ่งตอนท้ายปนเสียงสะอึกสะอื้น
พิธีกรยืนนัยน์ตารื้น กรรมการคนหนึ่งยกมือป้ายหน้า
เฝิงอิ๋งมีก้อนเนื้อร้ายในสมองระยะที่สี่ และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เธอตาเหล่
วันถัดจากวันอัดรายการ เธอจะต้องไปปักกิ่งเพื่อเข้ารับการผ่าตัด
เพื่อการนี้ สามีเธอต้องขายบ้าน และโอกาสที่การผ่าตัดจะประสบผลสำเร็จ
มีเพียง 20%
เธอรักสามี และรู้ว่าเขาก็รักเธอ
เฝิงอิ๋งต้องการทำอะไรซักอย่างเพื่อเขา
และคิดว่าสิ่งนี้ดีที่สุด
เธอฝากความฝันนี้ให้พิธีกรและผู้ชมในห้องส่ง หากว่าเธอไม่สามารถลืม
ตาตื่นจากเตียงผ่าตัด ขอให้บอกเรื่องนี้แก่เขา
เมื่อการร้องเพลงเสร็จสิ้นลง เธอขอให้สามีเธอขึ้นมาบนเวที พิธีกรขอให้ทุกคนในห้องส่ง
สาบาญว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และทำตัวตามปกติ
สามีเธอเดินขึ้นมาด้วยสีหน้างง ๆ ทักทายผู้ชมในห้องส่ง
พิธีกรถามเขาว่ารู้เรื่องความฝันของภรรยาหรือไม่
“ผมรู้ เราเคยคุยกัน มันเป็นความฝันของเราร่วมกัน"
"เราตั้งใจไว้ว่าจะไปถ่ายรูปกันทุก ๆ ปี เก็บไว้เป็นอัลบั้ม ถ่ายให้ได้มากที่สุด ตราบเท่าที่เธอยังมีชีวิตอยู่”