สวัสดีครับ
วันนี้อยากจะมาบอกเคล็ดลับของผมในการอ่านบทความภาษาอังกฤษให้ได้ประโยชน์ที่มากกว่าให้ทุกคนกันครับ
ขอบอกก่อนนะครับว่าผมก็ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษอะไร เพียงแต่ว่าขยันฝึกฝนอยู่บ่อยๆ และก็รู้สึกว่าวิธีนี้มันเวิร์ค (อย่างน้อยก็สำหรับผมนะ ฮ่าๆ)
เอาหละ มาเริ่มกันเลย !
จากประสบการณ์นะครับการอ่านบทความ นิยาย หรือนิตยสารภาษาอังกฤษมีอยู่ 2 แบบ
1) อ่านเอาเนื้อหาสาระ
2) อ่านเอาเทคนิคต่างหาก
ซึ่งปกติแล้วเราก็จะอ่านบทความเหล่านี้โดยมีจุดประสงค์ว่ามันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านภาษาอังกฤษของเราใช่มั้ยหละครับ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วพวกเราก็จะอ่านแบบเอาเนื้อหาสาระของมัน ซึ่งการอ่านแบบนี้เราจะได้ทักษะเรื่องการอ่านเร็ว การจับใจความ ได้อย่างแน่นอนหากเราฝึกอ่านบ่อยๆ เป็นประจำ และอาจจะได้ทักษะอื่นๆ การเช่นคำศัพท์ การเขียน โดยไม่รู้ตัว แต่ใช่ว่าทักษะหลังๆ พวกนี้ เราจะได้มาง่ายๆ
(ผมเคยเขียนบทความนึงไว้แล้วเกี่ยวกับการเขียนให้ดูดีจากการอ่าน เทคนิคคล้ายๆ กับที่จะเล่าเลยครับ
เคล็ดลับฝึก English Writing ให้ดูดีมีสกุลฉบับหมองๆ)
จริงๆ แล้ว หากเราอยากจะได้ทักษะเรื่องการเขียนที่เก่ง คลังคำศัพท์ที่มากขึ้น จากการอ่านของเรานั้น ผมอยากให้ทุกคนลองอ่านแบบเอาเทคนิคดูบ้างคับ
อ่านแบบเอาเทคนิคก็คือเราได้ทั้ง ศัพท์ และ รูปประโยคหรือวิธีการใช้คำพวก phrasal verb
ศัพท์
วิธีง่ายๆ ก็คือระหว่างที่เราอ่านหนังสือนิยาย นิตยสารหรือบทความก็แล้วแต่ เวลาเจอคำศัพธ์ไหนที่แปลกใหม่ เดาความหมายไม่ได้ ให้เราหยิบสมุดโน้ต (ควรจะมีสมุดโน้ตคำศัพท์ติดตัวไว้ฮะ) ออกมาจดคำศัพธ์นั้นไว้เลย แล้วคว้าดิคใกล้ตัวที่สุด เปิดหาความหมาย และบันทึกไว้ซะ เพียงเท่านี้ หากเพื่อนๆ อ่านเรื่อยๆ คลังคำศัพธ์ในสมุดก็จะเพิ่มพูนขึ้นมาไม่รู้ตัวเลย แล้วยังสามารถกลับมาเปิดท่องได้อีกด้วย
ในทางกลับกันหากว่าเราไม่จดบันทึกคำศัพธ์หละก็ ถึงแม้ ณ ตอนนั้นเราจะสามารถจำได้ชั่วคราวสำหรับการเข้าใจในบทความนั้น แต่หากเวลาผ่านไป ไม่ได้มาท่อง เพราะไม่ได้จดไว้ มันก็ลืมกันได้แน่ๆ ครับ
โครงสร้างประโยค
วิธีการนี้คือ เวลาเราอ่านให้ลองสังเกตรูปประโยชน์ที่ผู้เขียนใช้ด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วโครงสร้างประโยคพื้นฐานก็จะประกอบไปด้วย ประธาน+กิริยา+กรรม เหมือนรูปข้างบนนี่แหละครับ แต่มันก็มีประโยคหลายแบบไม่ว่าจะเป็นประโยคความรวม ประโยคความซ้อน และยังสามารถซับซ้อนมากขึ้นกว่านั้นได้อีกครับ ภาษาอังกฤษนั้นมีลูกเล่นของประโยคมากมาย และบางครั้งก็ไม่ตายตัว
เดี๋ยวจะลองยกตัวอย่างให้ดูนะครับ ลองอ่านย่อหน้านี้ดูนะครับ
เป็นไงกันบ้างครับ พอจับใจความคร่าวได้รึป่าว? สำหรับผมนะครับ พอได้อ่านรอบแรกก็พอจับใจความได้ว่าเค้าพูดถึงว่า หากเรามีความเครียดหรือไม่ได้ทำอะไรที่ตัวเองมีความสุข เราก็จะมีแนวโน้มที่จะลดน้ำหนักไม่ได้ ประมาณนี้นะครับ
ทีนี้เราจะมาดูกันว่าเราจะสามารถเอาประโยชน์จากการอ่านย่อหน้านี้ได้ยังไง โดยก่อนอื่นเลยผมเชื่อว่าระหว่างการอ่าน เพื่อนๆ คงจะมีบางประโยคที่ไม่ค่อยเข้าใจเพราะมีคำศัพท์ที่ไม่เคยเห็นหรือไม่รู้ความหมายโผล่มากันใช่มั้ยคับ ผมขอให้เราขีดเส้นใต้ไว้เลยขณะอ่านนะครับ หรือหากอ่านจากสื่อออนไลน์เช่นแบบนี้ก็ให้เขียนไว้ใส่สมุดโน้ตครับ ประมาณนี้
จากนั้นก็ค่อยมาหาความหมายหลังจากอ่านไปรอบนึงแล้วหรือจะหาในทันทีก็ได้นะครับ และก็จะหาความหมายภาษาอังกฤษหรือไทยก็แล้วแต่สะดวกเลยนะครับ (สังเกตประเภทของคำด้วยก็ดีนะครับว่าเป็นคำนาม กิริยา คุณศัพท์ อะไรประมาณนี้ ซึ่งพวกนี้จะทำให้เรานำไปแต่งประโยคได้ถูกต้องครับ)
-
working oneself to the bone = work very hard = ทำงานหนักมาก
-
over-exercising = (n.) ออกกำลังกายอย่างหนัก
-
perpetually = (adv.) อย่างต่อเนื่อง
-
stressed out = (adj.) เครียดมาก
ต่อไปก็คือการสังเกตรูปประโยคหรือการใช้คำหรือ Phrasal verb ที่น่าสนใจ
สำหรับย่อหน้าที่ยกมานี้อาจจะไม่ค่อยมีรูปประโยคแปลกๆ มากนัก แต่ก้พอมี phrasal verb ที่น่าสนใจและเก็บไปไว้ใช้เขียนได้ด้วย
-
to the max = (adv.) very, extremely = อย่างมาก, อย่างที่สุด
จริงๆ แล้ว เราอาจจะเคยเห็นเพื่อนๆ คนไทยวัยรุ่นบางคนใช้คำนี้กันบ้างเช่น 'วันนี้ร้อนนนนทูเดอะแม็กซ์!'
ต่อไปแทนที่เราจะใช้คำว่า very เราก็ใช้ to the max เก๋ๆ แทนได้เลย
-
or otherwise = (conj.) หรือมิฉะนั้น . . .
โดยปกติแล้วจะใช้เชื่อมประโยคสองประโยคด้วยที่จะตรงข้ามกัน อย่างเช่น
Please hand in your exam papers or otherwise I will give you F.
(กรุณาส่งกระดาษข้อสอบหรือมิฉะนั้นผมจะให้คุณ F)
-
V. to be + most likely = มีแนวโน้มที่จะ
เป็นอีกหนึ่งคำเก๋ๆ ที่เอาไปใช้ได้ดีเลยทีเดียว
-
As with (จริงๆ ผมก็ไม่ค่อยได้เจอกับการใช้คำนี้เลย เลยเก็บมาจดไว้ด้วย ถือเป็นคำใหม่ในคลังคำศัพท์และรูปประโยคของผมเลยแหละ นี่แหละคับเป็นประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเลยจากการอ่านแบบนี้ ;) )
ถ้าดูจากประโยคในย่อหน้า มันก็น่าจะแปลประมาณว่า อย่างที่เกิดขึ้นกับ, อย่างที่เป็นจริงกับ (as we find in, as it is true of) ถ้าในประโยคดังกล่าว "As with over-exercising, living in a perpetually stressed out state is going to cause your body to over produce stress hormones" ก็แปลได้ว่า "อย่างที่เกิดขึ้นกับการออกกำลังกายที่มากเกินไป การดำรงชีวิตด้วยภาวะเครียดอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้ร่างกายของคุณสร้างฮอร์โมนความเครียดมากเกินไป"
เราก็สามารถนำไปปรับใช้กันได้กับประโยคที่เราอยากเขียนเลย เช่น สมมติเราอยากจะเขียนว่า 'การผลัดวันประกันพรุ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับทุกทุกห้อง' Procrastination is a problem in all classes. เราก็นำ as with มาใช้ได้ว่า As with all classes, procrastination is a problem. เก๋ไก๋เลยมั้ยหละ !
-
do lead -> do + V. = เน้นยำกิริยานั้นๆ , อารมณ์แบบว่ามันส่งผลไปจริงๆ นะ ประมาณนี้
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ต้องฝึกบ่อยๆ ช่วงแรกอาจจะอ่านช้านิดนึง แต่ถ้าเก่งแล้วเราก็สามารถที่จะอ่านแบบเอาเนื้อหาสาระและเอาเทคนิคไปได้ในขณะเดียวกันเลยครับ ดังนั้นอย่าลืมเอาไปใช้ฝึกฝนกันดูนะฮะ
สำหรับวันนี้ขอพอเพียงเท่านี้แหละครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคับ
อย่าลืมแวะไปทักทายกันในเฟซบุคเพจนะครับ
www.facebook.com/kuimongmong
อ่านอังกฤษอย่างไรให้ได้ 2 ต่อ
วันนี้อยากจะมาบอกเคล็ดลับของผมในการอ่านบทความภาษาอังกฤษให้ได้ประโยชน์ที่มากกว่าให้ทุกคนกันครับ
ขอบอกก่อนนะครับว่าผมก็ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษอะไร เพียงแต่ว่าขยันฝึกฝนอยู่บ่อยๆ และก็รู้สึกว่าวิธีนี้มันเวิร์ค (อย่างน้อยก็สำหรับผมนะ ฮ่าๆ)
เอาหละ มาเริ่มกันเลย !
จากประสบการณ์นะครับการอ่านบทความ นิยาย หรือนิตยสารภาษาอังกฤษมีอยู่ 2 แบบ
1) อ่านเอาเนื้อหาสาระ
2) อ่านเอาเทคนิคต่างหาก
ซึ่งปกติแล้วเราก็จะอ่านบทความเหล่านี้โดยมีจุดประสงค์ว่ามันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านภาษาอังกฤษของเราใช่มั้ยหละครับ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วพวกเราก็จะอ่านแบบเอาเนื้อหาสาระของมัน ซึ่งการอ่านแบบนี้เราจะได้ทักษะเรื่องการอ่านเร็ว การจับใจความ ได้อย่างแน่นอนหากเราฝึกอ่านบ่อยๆ เป็นประจำ และอาจจะได้ทักษะอื่นๆ การเช่นคำศัพท์ การเขียน โดยไม่รู้ตัว แต่ใช่ว่าทักษะหลังๆ พวกนี้ เราจะได้มาง่ายๆ
(ผมเคยเขียนบทความนึงไว้แล้วเกี่ยวกับการเขียนให้ดูดีจากการอ่าน เทคนิคคล้ายๆ กับที่จะเล่าเลยครับ
เคล็ดลับฝึก English Writing ให้ดูดีมีสกุลฉบับหมองๆ)
จริงๆ แล้ว หากเราอยากจะได้ทักษะเรื่องการเขียนที่เก่ง คลังคำศัพท์ที่มากขึ้น จากการอ่านของเรานั้น ผมอยากให้ทุกคนลองอ่านแบบเอาเทคนิคดูบ้างคับ
อ่านแบบเอาเทคนิคก็คือเราได้ทั้ง ศัพท์ และ รูปประโยคหรือวิธีการใช้คำพวก phrasal verb
ศัพท์
วิธีง่ายๆ ก็คือระหว่างที่เราอ่านหนังสือนิยาย นิตยสารหรือบทความก็แล้วแต่ เวลาเจอคำศัพธ์ไหนที่แปลกใหม่ เดาความหมายไม่ได้ ให้เราหยิบสมุดโน้ต (ควรจะมีสมุดโน้ตคำศัพท์ติดตัวไว้ฮะ) ออกมาจดคำศัพธ์นั้นไว้เลย แล้วคว้าดิคใกล้ตัวที่สุด เปิดหาความหมาย และบันทึกไว้ซะ เพียงเท่านี้ หากเพื่อนๆ อ่านเรื่อยๆ คลังคำศัพธ์ในสมุดก็จะเพิ่มพูนขึ้นมาไม่รู้ตัวเลย แล้วยังสามารถกลับมาเปิดท่องได้อีกด้วย
ในทางกลับกันหากว่าเราไม่จดบันทึกคำศัพธ์หละก็ ถึงแม้ ณ ตอนนั้นเราจะสามารถจำได้ชั่วคราวสำหรับการเข้าใจในบทความนั้น แต่หากเวลาผ่านไป ไม่ได้มาท่อง เพราะไม่ได้จดไว้ มันก็ลืมกันได้แน่ๆ ครับ
โครงสร้างประโยค
วิธีการนี้คือ เวลาเราอ่านให้ลองสังเกตรูปประโยชน์ที่ผู้เขียนใช้ด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วโครงสร้างประโยคพื้นฐานก็จะประกอบไปด้วย ประธาน+กิริยา+กรรม เหมือนรูปข้างบนนี่แหละครับ แต่มันก็มีประโยคหลายแบบไม่ว่าจะเป็นประโยคความรวม ประโยคความซ้อน และยังสามารถซับซ้อนมากขึ้นกว่านั้นได้อีกครับ ภาษาอังกฤษนั้นมีลูกเล่นของประโยคมากมาย และบางครั้งก็ไม่ตายตัว
เดี๋ยวจะลองยกตัวอย่างให้ดูนะครับ ลองอ่านย่อหน้านี้ดูนะครับ
เป็นไงกันบ้างครับ พอจับใจความคร่าวได้รึป่าว? สำหรับผมนะครับ พอได้อ่านรอบแรกก็พอจับใจความได้ว่าเค้าพูดถึงว่า หากเรามีความเครียดหรือไม่ได้ทำอะไรที่ตัวเองมีความสุข เราก็จะมีแนวโน้มที่จะลดน้ำหนักไม่ได้ ประมาณนี้นะครับ
ทีนี้เราจะมาดูกันว่าเราจะสามารถเอาประโยชน์จากการอ่านย่อหน้านี้ได้ยังไง โดยก่อนอื่นเลยผมเชื่อว่าระหว่างการอ่าน เพื่อนๆ คงจะมีบางประโยคที่ไม่ค่อยเข้าใจเพราะมีคำศัพท์ที่ไม่เคยเห็นหรือไม่รู้ความหมายโผล่มากันใช่มั้ยคับ ผมขอให้เราขีดเส้นใต้ไว้เลยขณะอ่านนะครับ หรือหากอ่านจากสื่อออนไลน์เช่นแบบนี้ก็ให้เขียนไว้ใส่สมุดโน้ตครับ ประมาณนี้
จากนั้นก็ค่อยมาหาความหมายหลังจากอ่านไปรอบนึงแล้วหรือจะหาในทันทีก็ได้นะครับ และก็จะหาความหมายภาษาอังกฤษหรือไทยก็แล้วแต่สะดวกเลยนะครับ (สังเกตประเภทของคำด้วยก็ดีนะครับว่าเป็นคำนาม กิริยา คุณศัพท์ อะไรประมาณนี้ ซึ่งพวกนี้จะทำให้เรานำไปแต่งประโยคได้ถูกต้องครับ)
- working oneself to the bone = work very hard = ทำงานหนักมาก
- over-exercising = (n.) ออกกำลังกายอย่างหนัก
- perpetually = (adv.) อย่างต่อเนื่อง
- stressed out = (adj.) เครียดมาก
ต่อไปก็คือการสังเกตรูปประโยคหรือการใช้คำหรือ Phrasal verb ที่น่าสนใจ
สำหรับย่อหน้าที่ยกมานี้อาจจะไม่ค่อยมีรูปประโยคแปลกๆ มากนัก แต่ก้พอมี phrasal verb ที่น่าสนใจและเก็บไปไว้ใช้เขียนได้ด้วย
- to the max = (adv.) very, extremely = อย่างมาก, อย่างที่สุด
จริงๆ แล้ว เราอาจจะเคยเห็นเพื่อนๆ คนไทยวัยรุ่นบางคนใช้คำนี้กันบ้างเช่น 'วันนี้ร้อนนนนทูเดอะแม็กซ์!'
ต่อไปแทนที่เราจะใช้คำว่า very เราก็ใช้ to the max เก๋ๆ แทนได้เลย
- or otherwise = (conj.) หรือมิฉะนั้น . . .
โดยปกติแล้วจะใช้เชื่อมประโยคสองประโยคด้วยที่จะตรงข้ามกัน อย่างเช่น
Please hand in your exam papers or otherwise I will give you F.
(กรุณาส่งกระดาษข้อสอบหรือมิฉะนั้นผมจะให้คุณ F)
- V. to be + most likely = มีแนวโน้มที่จะ
เป็นอีกหนึ่งคำเก๋ๆ ที่เอาไปใช้ได้ดีเลยทีเดียว
- As with (จริงๆ ผมก็ไม่ค่อยได้เจอกับการใช้คำนี้เลย เลยเก็บมาจดไว้ด้วย ถือเป็นคำใหม่ในคลังคำศัพท์และรูปประโยคของผมเลยแหละ นี่แหละคับเป็นประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเลยจากการอ่านแบบนี้ ;) )
ถ้าดูจากประโยคในย่อหน้า มันก็น่าจะแปลประมาณว่า อย่างที่เกิดขึ้นกับ, อย่างที่เป็นจริงกับ (as we find in, as it is true of) ถ้าในประโยคดังกล่าว "As with over-exercising, living in a perpetually stressed out state is going to cause your body to over produce stress hormones" ก็แปลได้ว่า "อย่างที่เกิดขึ้นกับการออกกำลังกายที่มากเกินไป การดำรงชีวิตด้วยภาวะเครียดอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้ร่างกายของคุณสร้างฮอร์โมนความเครียดมากเกินไป"
เราก็สามารถนำไปปรับใช้กันได้กับประโยคที่เราอยากเขียนเลย เช่น สมมติเราอยากจะเขียนว่า 'การผลัดวันประกันพรุ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับทุกทุกห้อง' Procrastination is a problem in all classes. เราก็นำ as with มาใช้ได้ว่า As with all classes, procrastination is a problem. เก๋ไก๋เลยมั้ยหละ !
- do lead -> do + V. = เน้นยำกิริยานั้นๆ , อารมณ์แบบว่ามันส่งผลไปจริงๆ นะ ประมาณนี้
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ต้องฝึกบ่อยๆ ช่วงแรกอาจจะอ่านช้านิดนึง แต่ถ้าเก่งแล้วเราก็สามารถที่จะอ่านแบบเอาเนื้อหาสาระและเอาเทคนิคไปได้ในขณะเดียวกันเลยครับ ดังนั้นอย่าลืมเอาไปใช้ฝึกฝนกันดูนะฮะ
สำหรับวันนี้ขอพอเพียงเท่านี้แหละครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคับ
อย่าลืมแวะไปทักทายกันในเฟซบุคเพจนะครับ www.facebook.com/kuimongmong