มีเรื่องอึดอัดใจที่คิดว่าจะแชร์เรื่องนี้ ดีหรือไม่แต่คิดไปคิดมาน่าจะเป็นอุทาหรณ์และกระบอกเสียงให้คนอื่นได้บ้าง
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อปีก่อนตอนที่เปิดร้านอาหารแรกๆกิจการไม่เป็นอย่างที่คิดเราประสบปัญหาขาดเงินก้อนนึงในการมาดำเนินกิจการไม่อยากรบกวนครอบครัวอีก เลยตัดสินใจอย่างรวดเร็วเอารถเข้ากู้เงินกับบริษัทที่ใช้ชื่อว่าศรีสวัสดิ์พาวเวอร์ ได้เงินมาก้อนนึงพอทำการเซนต์สัญญาแล้วเจ้าหน้าที่ก็มาบอกว่ามีค่าประกันโน้นนี่อีกหลายพัน รวมทั้งดอกเบี้ยอีกหลายหมื่นบาท ซึ่งปรากฏได้เงินมา 160,000 ดอกเบี้ยรวมจ่าย 207,000 เราก็หน้ามืดตอนนั้นประกอบกับคิดและตัดสินใจเร็วไม่เคยมีประสบการณ์กับการกู้เงินมาก่อน และทำการจ่ายค่างวดเพื่อเร่งใช้หนี้แค่ 12 งวด ในระหว่างที่ชำระอยากมีล่าช้าบ้างก็ยินดีจ่ายค่าเบี้ยปรับ แต่มีครั้งนึงบริษัทเก็บค่าติดตามพร้อมเบี้ยปรับ ค่าติดตาม500 บาท ซึ่งตอนนั้นดิฉันไปจ่ายที่สาขาแล้วระบบเสียดิฉันก็เสียเวลาและต้องเสียค่าติดตามอีก 500 บาททำให้ดิฉันไม่พอใจ ถามไปยังสาขา พนง. บอกว่าบริษัทเพิ่งออกกฎมาว่าถ้าลูกค้าช้าเกินกี่วันไม่แน่ใจต้องเสียค่าติดตามรถยนต์ 500.- มอเตอร์ไซด์ 300.- หนูโดนลูกค้าโวยจนจะลาออกแล้วพี่ เรื่องนี้ดิฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าติดตามตอนไหนไม่มีทั้ง sms หรือโทรแจ้งและไม่มีการแจ้งลูกค้าล่วงหน้า ดิฉันจึงทำการโทรไปที่ call center ทางนั้นก็ใครคำตอบไม่ได้ ดิฉันจึงทำการโพสไปทางหน้าเพจของบริษัท และได้รับคำตอบแบบไม่เคลียร์ และมีเจ้าหน้าซึ่งคาดว่าจะเป๋นระดับบนหน่อยโทรมาคุยแต่ขอโทษคำพูดที่โทรมาคุยด้วยยิ่งกว่าค่า ไม่มีแม้แต่คำอธิบายต่อลูกค้าที่ชัดเจนแต่เป็นการแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ดิฉันเลยคิดว่าจบๆไปหมดเวรหมดกรรมต่อกัน จ่ายๆมันไปปิดยอดจบๆ หลังจากนั้นรอเล่มอยู่ประมาณ 2 เดือนตอนนั้นคิดว่าโอนเรียบร้อยแล้วเป็นชื่อดิฉันแล้ว ปรากฏ พนง. โทรมาบอกเล่มได้แล้วนะคะแต่พืต้องมัดจำเงิน 3,000 เพื่อเอาเล่มไปโอน ก็ตกใจเล็กน้อยแต่ก็เอาวะใกล้จบล่ะ ก็ทำการมาโอนเล่มวันนี้ที่เขตบางขุนเทียน ปรากฏต้องไปโอนที่เขตห้วยขวางเพราะบริษัทอยู่เขตนั้น เจ้าหน้าที่เขตบอกว่าบริษัทนี้อ่ะน้องเห็นแก่ตัวน่าจะทำการโอนให้ลูกค้าเพราะดอกเบี้ยแพงที่สุด ดิฉันเลือดขึ้นหน้าเลยค่าโทรไปที่สาขา พนง. เป็นน้องอีกคน(คนเดิมลาออกแล้ว) นางบอกพี่หนูก็กำลังจะลาออกเหมือนกันค่า เพราะน้องก็ทนกับความเห็นแก่ตัวของบริษัทนี้ไม่ไหวโดนลูกค้าด่าทุกวัน ดิฉันก็เลยสงบสติอารมณ์ แล้วก็คิดว่าบริษัทนี้มันเป็นบริษัทมหาชนที่ห่วยแตกที่สุด เอาเปรียบเป็นที่สุด เอาความเดือดร้อนของคนมาเป็นเครื่องมือหากินยิบย่อยทุกวิถีทาง อยากแชร์เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่กำลังคิดจะเอารถไปกู้เงินกับบริษัทศรีสวัสดิ์พาวเวอร์นี่ อยากให้ช่วยกันแชร์ค่า
แชร์ประสบการณ์แย่ๆของสินเชื่อศรีสวัสดิ์
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อปีก่อนตอนที่เปิดร้านอาหารแรกๆกิจการไม่เป็นอย่างที่คิดเราประสบปัญหาขาดเงินก้อนนึงในการมาดำเนินกิจการไม่อยากรบกวนครอบครัวอีก เลยตัดสินใจอย่างรวดเร็วเอารถเข้ากู้เงินกับบริษัทที่ใช้ชื่อว่าศรีสวัสดิ์พาวเวอร์ ได้เงินมาก้อนนึงพอทำการเซนต์สัญญาแล้วเจ้าหน้าที่ก็มาบอกว่ามีค่าประกันโน้นนี่อีกหลายพัน รวมทั้งดอกเบี้ยอีกหลายหมื่นบาท ซึ่งปรากฏได้เงินมา 160,000 ดอกเบี้ยรวมจ่าย 207,000 เราก็หน้ามืดตอนนั้นประกอบกับคิดและตัดสินใจเร็วไม่เคยมีประสบการณ์กับการกู้เงินมาก่อน และทำการจ่ายค่างวดเพื่อเร่งใช้หนี้แค่ 12 งวด ในระหว่างที่ชำระอยากมีล่าช้าบ้างก็ยินดีจ่ายค่าเบี้ยปรับ แต่มีครั้งนึงบริษัทเก็บค่าติดตามพร้อมเบี้ยปรับ ค่าติดตาม500 บาท ซึ่งตอนนั้นดิฉันไปจ่ายที่สาขาแล้วระบบเสียดิฉันก็เสียเวลาและต้องเสียค่าติดตามอีก 500 บาททำให้ดิฉันไม่พอใจ ถามไปยังสาขา พนง. บอกว่าบริษัทเพิ่งออกกฎมาว่าถ้าลูกค้าช้าเกินกี่วันไม่แน่ใจต้องเสียค่าติดตามรถยนต์ 500.- มอเตอร์ไซด์ 300.- หนูโดนลูกค้าโวยจนจะลาออกแล้วพี่ เรื่องนี้ดิฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าติดตามตอนไหนไม่มีทั้ง sms หรือโทรแจ้งและไม่มีการแจ้งลูกค้าล่วงหน้า ดิฉันจึงทำการโทรไปที่ call center ทางนั้นก็ใครคำตอบไม่ได้ ดิฉันจึงทำการโพสไปทางหน้าเพจของบริษัท และได้รับคำตอบแบบไม่เคลียร์ และมีเจ้าหน้าซึ่งคาดว่าจะเป๋นระดับบนหน่อยโทรมาคุยแต่ขอโทษคำพูดที่โทรมาคุยด้วยยิ่งกว่าค่า ไม่มีแม้แต่คำอธิบายต่อลูกค้าที่ชัดเจนแต่เป็นการแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ดิฉันเลยคิดว่าจบๆไปหมดเวรหมดกรรมต่อกัน จ่ายๆมันไปปิดยอดจบๆ หลังจากนั้นรอเล่มอยู่ประมาณ 2 เดือนตอนนั้นคิดว่าโอนเรียบร้อยแล้วเป็นชื่อดิฉันแล้ว ปรากฏ พนง. โทรมาบอกเล่มได้แล้วนะคะแต่พืต้องมัดจำเงิน 3,000 เพื่อเอาเล่มไปโอน ก็ตกใจเล็กน้อยแต่ก็เอาวะใกล้จบล่ะ ก็ทำการมาโอนเล่มวันนี้ที่เขตบางขุนเทียน ปรากฏต้องไปโอนที่เขตห้วยขวางเพราะบริษัทอยู่เขตนั้น เจ้าหน้าที่เขตบอกว่าบริษัทนี้อ่ะน้องเห็นแก่ตัวน่าจะทำการโอนให้ลูกค้าเพราะดอกเบี้ยแพงที่สุด ดิฉันเลือดขึ้นหน้าเลยค่าโทรไปที่สาขา พนง. เป็นน้องอีกคน(คนเดิมลาออกแล้ว) นางบอกพี่หนูก็กำลังจะลาออกเหมือนกันค่า เพราะน้องก็ทนกับความเห็นแก่ตัวของบริษัทนี้ไม่ไหวโดนลูกค้าด่าทุกวัน ดิฉันก็เลยสงบสติอารมณ์ แล้วก็คิดว่าบริษัทนี้มันเป็นบริษัทมหาชนที่ห่วยแตกที่สุด เอาเปรียบเป็นที่สุด เอาความเดือดร้อนของคนมาเป็นเครื่องมือหากินยิบย่อยทุกวิถีทาง อยากแชร์เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่กำลังคิดจะเอารถไปกู้เงินกับบริษัทศรีสวัสดิ์พาวเวอร์นี่ อยากให้ช่วยกันแชร์ค่า