นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์ กล่าวยอมรับว่าผลประกอบการในไตรมาส 3 (กรกฎาคม-กันยายน) ปีนี้ ยังขาดทุนต่อเนื่อง แต่จะลดลงจากไตรมาส 2 (เมษายน-มิถุนายน) ที่ผ่านมา ขาดทุน 160 ล้านบาท เนื่องจากอยู่ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว(โลว์ซีซั่น) และปัญหาทางการเมือง

นายพาทีกล่าวว่า หลังสถานการณ์การเมืองคลี่คลาย มีรัฐบาลแล้ว คาดว่าไตรมาส 3 อัตราบรรทุกเฉลี่ยผู้โดยสาร (โหลดแฟกเตอร์) จะอยู่ที่ 80% ฟื้นตัวจากไตรมาส 2 อยู่ที่ 76-77% และคาดว่าไตรมาส 4 (ตุลาคม-ธันวาคม) ผลประกอบการจะพลิกกลับมามีกำไร หากโหลดแฟกเตอร์เฉลี่ย 80-85% เพราะเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) แต่คาดว่าโหลดแฟกเตอร์เฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 79-80% ต่ำกว่าปีก่อนอยู่ที่ 85% และมีกำไรสุทธิ 1.07 พันล้านบาท ตั้งเป้ามีจำนวนผู้โดยสารปีนี้ 7-8 ล้านคน

"ปีนี้นกแอร์มีแผนรับมอบเครื่องบินใหม่ 5 ลำ ทำให้ความสามารถในการบริการเพิ่มอีก 25% ซึ่งในเดือนตุลาคมนี้จะเปิดจุดบินใหม่ที่ จ.ลำปาง และในอนาคตจะบริการเส้นทางบินดอนเมือง-สุรินทร์" นายพาทีกล่าว และว่า นอกจากนี้ สายการบินพันธมิตรของนกแอร์ สายการบินสกู๊ดจากสิงคโปร์ย้ายฐานปฏิบัติการบินใหม่มาที่ท่าอากาศยานดอนเมืองตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา รวมถึงจะขยายเส้นทางบินเพิ่มในอนาคตด้วยจะช่วยเชื่อมต่อผู้โดยสารในประเทศของนกแอร์จำนวนมาก เป็นการเสริมทัพทางธุรกิจและเพิ่มความสามารถในการบริการ ช่วยให้สัดส่วนการตลาดธุรกิจโลว์คอสต์แอร์ไลน์ของนกแอร์ในไทยเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 27% หลังนำจุดแข็งของทั้งสองสายการบินมารวมกันจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารให้นกแอร์ อย่างไรก็ตาม ในส่วนสายการบินนกสกู๊ดที่นกแอร์และสายการบินสกู๊ดร่วมกันจัดตั้งขึ้นนั้น คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ