สวัสดีทุกท่านอีกครั้งครับ รอบนี้มาเร็วและพาเดินแน่นอนอะครับ หลังจากที่ไม่ค่อยได้ทำหน้าที่พาเดินกันนานแล้ว จะไปเดินที่ไหนกันตามกันมาเรย เตรียมรองเท้าให้พร้อมกันเลยครับ เตรียมท้องว่างๆ มาด้วย ชูชกแอบเนียนเดินตามด้วย 555
จั่วหัวกระทู้ไว้ว่า Old Edo ก็อย่าคิดว่าจะพาไปเดินย่านเมืองเก่า แบบ Kawagoe แต่อย่างใดนะครับ (ไกลไป) เพราะว่า Kawagoe แค่ได้ชื่อเล่นว่า Little Edo เท่านั้นเอง !!!
http://www.japan-guide.com/e/e6500.html
แต่ชื่อ Edo จริงๆ ก็คือชื่อดั้งเดิมของ Tokyo นั่นเองละครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Edo
หน้าตาเมือง Tokyo ปัจจุบันก็คงเป็นอย่างที่ท่านๆ ได้เห็นกันละครับ มองไปทางทิศใดก็ล้วนเป็นอาคารสมัยใหม่ทั้งนั้น แต่มาวันนี้ จะพาไปเดินตามหาบ้านเรือนส่วนที่ยังมีสภาพดั้งเดิม(ใกล้เคียง) และเพื่อให้สมกับคำว่า Old Edo สถานที่ที่จะพาไปเดินไปให้รู้จักนั้น ยังคงดำเนินกิจการสืบทอดกันมาหลายต่อหลายรุ่น ตั้งแต่สมัย Edo มาจวบจนถึงปัจจุบันกันครับ
สถานที่พวกนี้ อยู่กลางเมือง Tokyo นี่ละครับ แต่ว่าล้วนหลบซ่อนอยู่ในซอก (ส่วนใหญ่ถูกตึกเบียดสองข้าง) หรือมุมต่างๆ ของเมืองที่สุดแสนจะสมัยใหม่ หรือไม่บางกิจการก็กลายเป็นอาคารสมัยใหม่ไปแล้ว แต่ยังคงสืบทอดเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งไว้จนถึงปัจจุบัน
ขอเล่าที่มาที่ไปหน่อย เมื่อสักสามสี่ปีที่แล้ว ผมเดินไปเดินมาตามประสาคนว่างงาน (ไร้โปรแกรมเที่ยว) อยู่แถวๆ ย่านเมืองเก่าแห่งหนึ่งของโตเกียวคือย่าน Ningyocho (ซึ่งในสมัย Edo นั่นย่านนี้ถือว่าเป็นย่าน Downtone ของเมือง Edo) ก็อย่างที่แจ้งละครับ เดิน เดิน เดิน แบบว่าเจออะไรก็เจอ ไม่เจออะไรก็ไม่เจอ เดินแบบไร้จุดประสงค์ 555
http://www.ningyocho.or.jp/english/
แต่ไอ่ที่เดินแบบไร้จุดประสงค์ทีไร ทำไมมันได้เรื่องเจอของดีทุกทีสินะ !!!
วันนั้นหน้าหนาว ก่อนวันสิ้นปี 2-3 วัน เดินแบบว่าไม่เคยมาเดินย่านนี้มาก่อน เดินไปเดินมาไปเจอร้านนี้เข้าครับ
เป็นร้านขายของมีคมต่างๆ ครับ ด้านในร้านคงไว้ซึ่งอุปกรณ์ตกแต่งภายในดั้งเดิม ทั้งบรรดาตู้ไม้ต่างๆ รวมถึงเพดาน
ครั้งแรกเข้าไปเจอคุณป้าท่านนี้ (น่าจะเรียกคุณยายมากกว่า) ได้สื่อสารกันเล็กน้อย (สื่อสารกันได้เข้าใจเล็กน้อย) ท่านบอกว่าร้านนี้อายุสองร้อยสามสิบปีแล้วครับ ตัวท่านเป็นรุ่นที่ 7 ปัจจุบันอายุเก้าสิบกว่าปีแล้ว ส่วนรุ่นล่าสุด คือคุณหลานชาย (โผล่ออกมาคุยด้วยตอนหลัง) เป็นรุ่นที่ 9
สรุปว่าได้ซื้อของเป็นที่ระลึกติดมือมาอย่างหนึ่ง และได้ชื่อร้านเป็นภาษาอังกฤษมาด้วย
ร้านชื่อ Ubukeya
ได้ที่ตัดเล็บอันเล็กมา (เอาไว้ใส่ในกระเป๋าอุปกรณ์การเดินทาง) ใช้ไปใช้มา ทำไมมันดีกว่าของเยอรมันอีก อีกปีเลยต้องกลับไปซื้ออันใหญ่มาใช้ที่บ้านอีกอัน ปัจจุบันของเยอรมันที่บ้านกลายเป็นของที่ไม่มีใครเหลียวแล 555
.
พอกลับมาเมืองไทย ก็เลยมานั่งหาข้อมูลร้านนี้เพิ่มเติม (ที่สามารถหาได้ต่อเพราะมีชื่อร้านภาษาอังกฤษนะ) ก็ได้ข้อมูลเพิ่มมาตามนี้
[CR] + + + SkyBox walk - Walking to old Edo + + +
จั่วหัวกระทู้ไว้ว่า Old Edo ก็อย่าคิดว่าจะพาไปเดินย่านเมืองเก่า แบบ Kawagoe แต่อย่างใดนะครับ (ไกลไป) เพราะว่า Kawagoe แค่ได้ชื่อเล่นว่า Little Edo เท่านั้นเอง !!!
http://www.japan-guide.com/e/e6500.html
แต่ชื่อ Edo จริงๆ ก็คือชื่อดั้งเดิมของ Tokyo นั่นเองละครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Edo
หน้าตาเมือง Tokyo ปัจจุบันก็คงเป็นอย่างที่ท่านๆ ได้เห็นกันละครับ มองไปทางทิศใดก็ล้วนเป็นอาคารสมัยใหม่ทั้งนั้น แต่มาวันนี้ จะพาไปเดินตามหาบ้านเรือนส่วนที่ยังมีสภาพดั้งเดิม(ใกล้เคียง) และเพื่อให้สมกับคำว่า Old Edo สถานที่ที่จะพาไปเดินไปให้รู้จักนั้น ยังคงดำเนินกิจการสืบทอดกันมาหลายต่อหลายรุ่น ตั้งแต่สมัย Edo มาจวบจนถึงปัจจุบันกันครับ
สถานที่พวกนี้ อยู่กลางเมือง Tokyo นี่ละครับ แต่ว่าล้วนหลบซ่อนอยู่ในซอก (ส่วนใหญ่ถูกตึกเบียดสองข้าง) หรือมุมต่างๆ ของเมืองที่สุดแสนจะสมัยใหม่ หรือไม่บางกิจการก็กลายเป็นอาคารสมัยใหม่ไปแล้ว แต่ยังคงสืบทอดเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งไว้จนถึงปัจจุบัน
ขอเล่าที่มาที่ไปหน่อย เมื่อสักสามสี่ปีที่แล้ว ผมเดินไปเดินมาตามประสาคนว่างงาน (ไร้โปรแกรมเที่ยว) อยู่แถวๆ ย่านเมืองเก่าแห่งหนึ่งของโตเกียวคือย่าน Ningyocho (ซึ่งในสมัย Edo นั่นย่านนี้ถือว่าเป็นย่าน Downtone ของเมือง Edo) ก็อย่างที่แจ้งละครับ เดิน เดิน เดิน แบบว่าเจออะไรก็เจอ ไม่เจออะไรก็ไม่เจอ เดินแบบไร้จุดประสงค์ 555
http://www.ningyocho.or.jp/english/
แต่ไอ่ที่เดินแบบไร้จุดประสงค์ทีไร ทำไมมันได้เรื่องเจอของดีทุกทีสินะ !!!
วันนั้นหน้าหนาว ก่อนวันสิ้นปี 2-3 วัน เดินแบบว่าไม่เคยมาเดินย่านนี้มาก่อน เดินไปเดินมาไปเจอร้านนี้เข้าครับ
เป็นร้านขายของมีคมต่างๆ ครับ ด้านในร้านคงไว้ซึ่งอุปกรณ์ตกแต่งภายในดั้งเดิม ทั้งบรรดาตู้ไม้ต่างๆ รวมถึงเพดาน
ครั้งแรกเข้าไปเจอคุณป้าท่านนี้ (น่าจะเรียกคุณยายมากกว่า) ได้สื่อสารกันเล็กน้อย (สื่อสารกันได้เข้าใจเล็กน้อย) ท่านบอกว่าร้านนี้อายุสองร้อยสามสิบปีแล้วครับ ตัวท่านเป็นรุ่นที่ 7 ปัจจุบันอายุเก้าสิบกว่าปีแล้ว ส่วนรุ่นล่าสุด คือคุณหลานชาย (โผล่ออกมาคุยด้วยตอนหลัง) เป็นรุ่นที่ 9
สรุปว่าได้ซื้อของเป็นที่ระลึกติดมือมาอย่างหนึ่ง และได้ชื่อร้านเป็นภาษาอังกฤษมาด้วย
ร้านชื่อ Ubukeya
ได้ที่ตัดเล็บอันเล็กมา (เอาไว้ใส่ในกระเป๋าอุปกรณ์การเดินทาง) ใช้ไปใช้มา ทำไมมันดีกว่าของเยอรมันอีก อีกปีเลยต้องกลับไปซื้ออันใหญ่มาใช้ที่บ้านอีกอัน ปัจจุบันของเยอรมันที่บ้านกลายเป็นของที่ไม่มีใครเหลียวแล 555
.
พอกลับมาเมืองไทย ก็เลยมานั่งหาข้อมูลร้านนี้เพิ่มเติม (ที่สามารถหาได้ต่อเพราะมีชื่อร้านภาษาอังกฤษนะ) ก็ได้ข้อมูลเพิ่มมาตามนี้