เภสัชกรทำอะไรบ้างในโรงบาล(รัฐ)
พอดีมีแฟนเพจท่านหนึ่งถามว่าเภสัชในโรงบาลทำอะไรบ้าง คิดว่าแค่จ่ายยาตามหมอสั่ง ... แค่นั้น
ไม่เห็นจำเป็นต้องเป็นเภสัชเลย เป็น จพ. หรือ คนทั่วไปก็ไม่เห็นเป็นไร
ในมุมมองของคนทั่วไปหลายๆคน หรือแม้แต่ในมุมมองของหมอจำนวนมาก จะรู้จะเห็นแค่ว่า เภสัชมีหน้าที่จ่ายยาตามหมอสั่ง
อันนี้ถามว่าใช่มั้ย ... มันก็ใช่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด … เป็นแค่เสี้ยวหนึ่งเท่านั้น
เภสัชกรในโรงพยาบาลยังมีอีกหลายบทบาทหน้าที่มาก ตั้งแต่งานบริการ บริหาร วิชาการ ครบทุกด้าน
ในแง่ของการบริการ
นอกจากการจ่ายยาตามหมอสั่ง ก็ยังมีอีกหลายๆบทบาท อาทิ
มีการตรวจสอบการสั่งใช้ยาโดยแพทย์ เพราะหลายๆครั้งหมอก็ประมาทเลินเล่อเหมือนกันนะ ขอบอก
การมีเภสัชอยู่ก็ช่วยตรงนี้ได้ ตัวอย่างที่เจอบ่อยๆเลย อย่างเช่น roxithromycin กินก่อนอาหารนะจ๊ะ หมอบางคนสั่งหลังอาหาร หรือยาบางตัวมี enteric coat หมอดันสั่งให้หักครึ่งซะงั้น หรือแย่หน่อย ยาแคปซูลหมอดันบอกให้แกะออกมาได้ T_T … หรือ ยาบางตัวห้ามทานคู่กับนมหรือทุเรียน หรือห้ามทานร่วมกับยาอื่น หมอก็ไม่ได้บอกคนไข้ เป็นต้น
ครั้นพอจ่ายยาไปแล้ว ก็ต้องมีการสอนการใช้ยาด้วย เพราะยาเนี่ย นอกจากเป็นเม็ด หรือ กินแล้ว ก็ยังมีอีกหลายๆแบบ เช่น ยาพ่นมือ(ทางปาก) ยาพ่นจมูก ยาทา ยาหยอด ฯลฯ รวมถึงหลายๆอย่างที่หมอๆอาจจะลืมไป/ไม่รู้
ถึงแม้สอนไปแล้ว แต่ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ ก็ยังมีการใช้ผิดๆอยู่ดี ต้องสอนหลายๆครั้ง รวมถึง ยังมีการส่งเภสัชไปเยี่ยมบ้านเพื่อดูการใช้ยา การเก็บยาที่บ้านด้วยนะ เป็นหนึ่งในสหวิชาชีพที่ควรพาไปเยี่ยมบ้านเป็นอย่างยิ่ง
ในแง่ของการบริหาร
จะหนักไปทางบริหารเวชภัณฑ์ที่เป็นยา (บางแห่งก็ที่ไม่ใช่ยา และวัสดุการแพทย์ด้วย) เรื่องการบริหารคลังยา สร้างระบบตรวจสอบยา FIFO / FEFO เป็นต้น และยังเป็นกลไกหลักในการดำเนินงานคุณภาพหรือ HA ทั้งในทีมนำทางคลินิก(PCT) ทีมบริหารความเสี่ยง(RM) ทีมบริหารจัดการยา(PTC) และอีกหลายๆทีม เพราะหน้าที่ในส่วนของเภสัช ไม่สามารถหาทดแทนได้จากวิชาชีพอื่นไงครับ ถ้าไม่เชื่อก็ลองให้หมอไปจัดการคลังยา หรือให้พยาบาลไปจับเรื่อง medication error ดูสิ ทำได้ป่ะล่ะ?
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายบทบาทอาทิ งานคุ้มครองผู้บริโภค อาทิ ไปตรวจร้านอาหารต่างๆ ตรวจโรงงาน เช่น โรงงานน้ำดื่ม โรงงานน้ำแข็ง หรือแม้แต่การตรวจร้านยา คลินิกหมอ คลินิกพยาบาลด้วยนะเออ ... รู้กันป่ะล่ะ?
ในแง่ของวิชาการ
ตรงนี้คงจะแล้วแต่แห่ง แต่หลายๆที่ก็จะมีการให้ความรู้โดยเภสัช เช่น เรื่องอบรมเรื่องความเสี่ยงจากการใช้ยา/ความคลาดเคลื่อนทางยา เพราะถ้าเภสัชไม่สอน ใครจะสอน? หรือ มีการอบรม อสม.เชี่ยวชาญเรื่องคุ้มครองผู้บริโภค หรือ อบรม อย.น้อย เป็นต้น
ทั้งหมดทั้งนี้ ที่กล่าวมาก็อาจจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่ละโรงพยาบาล
ซึ่งสิ่งผมอยากจะบอกคือ ในโรงพยาบาล แต่ละวิชาชีพมีบทบาทหน้าที่ของตัวเองทั้งนั้น ซึ่งหลายๆอย่างไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้นะครับ
การลองศึกษาเพื่อนร่วมวิชาชีพเพื่อนร่วมงานก็เป็นเรื่องที่ดี
งานในโรงบาล ไม่มีใครที่เป็นฮีโร่ หรือ เป็นวันแมนโชว์หรอกนะครับ
เราทำงานกันเป็น “ทีม”
โอเคนะ...
ปล. ไม่ได้มีแฟนเป็นเภสัชนะ แค่เคยมีเฉยๆ คริคริ ... ส่วนอนาคตค่อยว่ากัน
ปล2. ใครอยากจะเพิ่มเติม จะแย้งตรงไหนก็บอกนะ … อันนี้ผมเรียบเรียงจากประสบการณ์ของผมนะ เพราะทำงานร่วมกับเภสัชหลายๆเรื่อง
ปล3. ไม่ได้จะเอาใจเภสัชเป็นพิเศษ ไม่ได้อยากจะว่าใครนะ แต่อยากจะบอก Fact/truth เท่านั้น
จขกท.ขออนุญาตแชร์ข้อมูลนี้ให้หลายๆคนได้อ่านกัน
จะได้รู้และเข้าใจอย่างถูกต้อง ไม่ใช่จากปากเภสัชกร แต่เป็นปากของคนที่ทำงานวงการเดียวกัน
cr:
https://www.facebook.com/baddocnote/photos/a.449146728489356.98098.448465111890851/729038830500143/?type=1
ปล.ขออนุญาตแท็กห้องหลายห้องที่คิดว่าเกี่ยวข้องนะคะ เพราะช่วงนี้เกี่ยวกับ พรบ.ยา
จากบันทึกหมอโหด >"เภสัชในโรงบาลทำอะไรบ้าง คิดว่าแค่จ่ายยาตามหมอสั่ง??"
พอดีมีแฟนเพจท่านหนึ่งถามว่าเภสัชในโรงบาลทำอะไรบ้าง คิดว่าแค่จ่ายยาตามหมอสั่ง ... แค่นั้น
ไม่เห็นจำเป็นต้องเป็นเภสัชเลย เป็น จพ. หรือ คนทั่วไปก็ไม่เห็นเป็นไร
ในมุมมองของคนทั่วไปหลายๆคน หรือแม้แต่ในมุมมองของหมอจำนวนมาก จะรู้จะเห็นแค่ว่า เภสัชมีหน้าที่จ่ายยาตามหมอสั่ง
อันนี้ถามว่าใช่มั้ย ... มันก็ใช่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด … เป็นแค่เสี้ยวหนึ่งเท่านั้น
เภสัชกรในโรงพยาบาลยังมีอีกหลายบทบาทหน้าที่มาก ตั้งแต่งานบริการ บริหาร วิชาการ ครบทุกด้าน
ในแง่ของการบริการ
นอกจากการจ่ายยาตามหมอสั่ง ก็ยังมีอีกหลายๆบทบาท อาทิ
มีการตรวจสอบการสั่งใช้ยาโดยแพทย์ เพราะหลายๆครั้งหมอก็ประมาทเลินเล่อเหมือนกันนะ ขอบอก
การมีเภสัชอยู่ก็ช่วยตรงนี้ได้ ตัวอย่างที่เจอบ่อยๆเลย อย่างเช่น roxithromycin กินก่อนอาหารนะจ๊ะ หมอบางคนสั่งหลังอาหาร หรือยาบางตัวมี enteric coat หมอดันสั่งให้หักครึ่งซะงั้น หรือแย่หน่อย ยาแคปซูลหมอดันบอกให้แกะออกมาได้ T_T … หรือ ยาบางตัวห้ามทานคู่กับนมหรือทุเรียน หรือห้ามทานร่วมกับยาอื่น หมอก็ไม่ได้บอกคนไข้ เป็นต้น
ครั้นพอจ่ายยาไปแล้ว ก็ต้องมีการสอนการใช้ยาด้วย เพราะยาเนี่ย นอกจากเป็นเม็ด หรือ กินแล้ว ก็ยังมีอีกหลายๆแบบ เช่น ยาพ่นมือ(ทางปาก) ยาพ่นจมูก ยาทา ยาหยอด ฯลฯ รวมถึงหลายๆอย่างที่หมอๆอาจจะลืมไป/ไม่รู้
ถึงแม้สอนไปแล้ว แต่ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ ก็ยังมีการใช้ผิดๆอยู่ดี ต้องสอนหลายๆครั้ง รวมถึง ยังมีการส่งเภสัชไปเยี่ยมบ้านเพื่อดูการใช้ยา การเก็บยาที่บ้านด้วยนะ เป็นหนึ่งในสหวิชาชีพที่ควรพาไปเยี่ยมบ้านเป็นอย่างยิ่ง
ในแง่ของการบริหาร
จะหนักไปทางบริหารเวชภัณฑ์ที่เป็นยา (บางแห่งก็ที่ไม่ใช่ยา และวัสดุการแพทย์ด้วย) เรื่องการบริหารคลังยา สร้างระบบตรวจสอบยา FIFO / FEFO เป็นต้น และยังเป็นกลไกหลักในการดำเนินงานคุณภาพหรือ HA ทั้งในทีมนำทางคลินิก(PCT) ทีมบริหารความเสี่ยง(RM) ทีมบริหารจัดการยา(PTC) และอีกหลายๆทีม เพราะหน้าที่ในส่วนของเภสัช ไม่สามารถหาทดแทนได้จากวิชาชีพอื่นไงครับ ถ้าไม่เชื่อก็ลองให้หมอไปจัดการคลังยา หรือให้พยาบาลไปจับเรื่อง medication error ดูสิ ทำได้ป่ะล่ะ?
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายบทบาทอาทิ งานคุ้มครองผู้บริโภค อาทิ ไปตรวจร้านอาหารต่างๆ ตรวจโรงงาน เช่น โรงงานน้ำดื่ม โรงงานน้ำแข็ง หรือแม้แต่การตรวจร้านยา คลินิกหมอ คลินิกพยาบาลด้วยนะเออ ... รู้กันป่ะล่ะ?
ในแง่ของวิชาการ
ตรงนี้คงจะแล้วแต่แห่ง แต่หลายๆที่ก็จะมีการให้ความรู้โดยเภสัช เช่น เรื่องอบรมเรื่องความเสี่ยงจากการใช้ยา/ความคลาดเคลื่อนทางยา เพราะถ้าเภสัชไม่สอน ใครจะสอน? หรือ มีการอบรม อสม.เชี่ยวชาญเรื่องคุ้มครองผู้บริโภค หรือ อบรม อย.น้อย เป็นต้น
ทั้งหมดทั้งนี้ ที่กล่าวมาก็อาจจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่ละโรงพยาบาล
ซึ่งสิ่งผมอยากจะบอกคือ ในโรงพยาบาล แต่ละวิชาชีพมีบทบาทหน้าที่ของตัวเองทั้งนั้น ซึ่งหลายๆอย่างไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้นะครับ
การลองศึกษาเพื่อนร่วมวิชาชีพเพื่อนร่วมงานก็เป็นเรื่องที่ดี
งานในโรงบาล ไม่มีใครที่เป็นฮีโร่ หรือ เป็นวันแมนโชว์หรอกนะครับ
เราทำงานกันเป็น “ทีม”
โอเคนะ...
ปล. ไม่ได้มีแฟนเป็นเภสัชนะ แค่เคยมีเฉยๆ คริคริ ... ส่วนอนาคตค่อยว่ากัน
ปล2. ใครอยากจะเพิ่มเติม จะแย้งตรงไหนก็บอกนะ … อันนี้ผมเรียบเรียงจากประสบการณ์ของผมนะ เพราะทำงานร่วมกับเภสัชหลายๆเรื่อง
ปล3. ไม่ได้จะเอาใจเภสัชเป็นพิเศษ ไม่ได้อยากจะว่าใครนะ แต่อยากจะบอก Fact/truth เท่านั้น
จขกท.ขออนุญาตแชร์ข้อมูลนี้ให้หลายๆคนได้อ่านกัน
จะได้รู้และเข้าใจอย่างถูกต้อง ไม่ใช่จากปากเภสัชกร แต่เป็นปากของคนที่ทำงานวงการเดียวกัน
cr: https://www.facebook.com/baddocnote/photos/a.449146728489356.98098.448465111890851/729038830500143/?type=1
ปล.ขออนุญาตแท็กห้องหลายห้องที่คิดว่าเกี่ยวข้องนะคะ เพราะช่วงนี้เกี่ยวกับ พรบ.ยา