สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 28
มาถึง เรื่อง เทพธิดาพระจันทร์ ฉางเอ๋อ
มีหลายตำนานกล่าวถึง ซึ่งตำนานก็คือตำนาน ไม่มีทางพิสูจน์
ได้ว่าเรื่องไหนจริงหรือเท็จ แล้วแต่คนเชื่อ แต่ในที่นี้ ขอยกตำนานอีกเรื่องหนึ่ง
ซึ่งถ้าเป็นจริงก็จะเป็นการดีสเครดิต ฉางเอ๋อ ตำนานเรื่องนี้กล่าวว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ที่แน่ๆ รัฐบาลจีน ได้นำชื่อ ฉางเอ๋อ มาตั้งเป็นชื่อดาวเทียม 2 ดวงของจีน และที่สำคัญ
จีนได้ส่งยานอวกาศ "ฉางเอ๋อ 3 พร้อมทั้งรถสำรวจดวงจันทร์ "กระต่ายหยก"ไปสำรวจดวงจันทร์
เป็นผลสำเร็จแล้ว
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000153997
ป.ล 1 เขียนตอบ คห มากที่สุดใน 1 กระทู้ มากที่สุดตั้งแต่เข้าพันทิปมา
ป.ล 2 ในเทศกาลไหว้พระจันทร์ (ปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 8 นี้ ) ตามประเพณี ต้องกินเผือก
เพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้าย
แต่ถ้าเพื่อนสมาชิกท่านใด ไม่สามารถหาเผือกทานได้ อนุโลมให้วันจันทร์นี้ ไปเผือกกระทู้สลิ่ม ถือเป็นการ
ขจัดสิ่งชั่วร้ายเหมือนกัน
ป.ล 3 คืนนี้มีความสุขที่ได้เข้ามาตอบกระทู้นี้ เพราะเป็นคนชอบเรื่องของกินมาก
มีหลายตำนานกล่าวถึง ซึ่งตำนานก็คือตำนาน ไม่มีทางพิสูจน์
ได้ว่าเรื่องไหนจริงหรือเท็จ แล้วแต่คนเชื่อ แต่ในที่นี้ ขอยกตำนานอีกเรื่องหนึ่ง
ซึ่งถ้าเป็นจริงก็จะเป็นการดีสเครดิต ฉางเอ๋อ ตำนานเรื่องนี้กล่าวว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ที่แน่ๆ รัฐบาลจีน ได้นำชื่อ ฉางเอ๋อ มาตั้งเป็นชื่อดาวเทียม 2 ดวงของจีน และที่สำคัญ
จีนได้ส่งยานอวกาศ "ฉางเอ๋อ 3 พร้อมทั้งรถสำรวจดวงจันทร์ "กระต่ายหยก"ไปสำรวจดวงจันทร์
เป็นผลสำเร็จแล้ว
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000153997
ป.ล 1 เขียนตอบ คห มากที่สุดใน 1 กระทู้ มากที่สุดตั้งแต่เข้าพันทิปมา
ป.ล 2 ในเทศกาลไหว้พระจันทร์ (ปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 8 นี้ ) ตามประเพณี ต้องกินเผือก
เพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้าย
แต่ถ้าเพื่อนสมาชิกท่านใด ไม่สามารถหาเผือกทานได้ อนุโลมให้วันจันทร์นี้ ไปเผือกกระทู้สลิ่ม ถือเป็นการ
ขจัดสิ่งชั่วร้ายเหมือนกัน
ป.ล 3 คืนนี้มีความสุขที่ได้เข้ามาตอบกระทู้นี้ เพราะเป็นคนชอบเรื่องของกินมาก
ความคิดเห็นที่ 8
สรุป 1
อาหารทั้งหลายที่เราทานกันอยู่ บ้างเป็นตัวแทนของความโกรธแค้นที่มีต่อคนเลว เช่น ปาท่องโก๋
บ้างเพื่อเตือนให้ระลึกถึงคุณงามความดี เช่น บ๊ะจ่าง บ้างเตือนใจให้นึกถึงเหตุการณ์ในอดีต เช่น ซาลาเปา หรือ ขนมไหว้พระจันทร์
จะเห็นว่าประเทศจีนมีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีเรื่องราว ตำนานมากมาย หลายครั้งประวัติศาสตร์ก็หมุนวนซ้ำไปมาไม่รู้จบ
คือ คนดี คนเก่ง ถูกใส่ร้ายป้ายสี โดยขุนนางใจชั่ว แต่ถึงมันจะเกิดซ้ำ เขาก็พยายามค้นหาความจริง ตีแผ่ความจริง
ใครผิดก็ต้องประณาม ใครทำดีก็ต้องสร้างสิ่งให้ผู้คนระลึกถึง ไม่ปล่อยให้หายไปกับสายลม เพื่อให้คนรุ่นหลังได้มีบทเรียน มีข้อเตือนใจ
แล้วเรามีการตีแผ่ความจริง มีการถอดบทเรียน มีการลงโทษคนผิด มีการยกย่องคนดีที่เคยถูกใส่ร้ายทั้งหลายหรือไม่
หรือเราปล่อยให้เกิดซ้ำๆ แล้วก็บอกว่า “เอาใหม่ๆ มาเริ่มกันใหม่” แล้วเพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่ผ่านไป อ้างเพียงมันผ่านไปแล้ว
แต่ความจริงก็คือความจริง คนที่สร้างผลงานไว้ย่อมอยู่ในใจประชาชนเสมอ
เรื่องเหล่านี้หลายคนไม่เข้าใจ สุดท้ายขอฝากว่า “อำนาจอาจบังคับคนได้ชั่วคราว แต่ศรัทธาที่ยืนยาวต้องใช้ความดีแลกมา”
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมค่ะ
ปล. ขอให้ทานอาหารอย่างมีความสุข ฟังเพลงเพราะๆ ได้ที่ห้องข้างๆ นะคะ เราจะดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข และเบิกบานใจ ค่ะ
อาหารทั้งหลายที่เราทานกันอยู่ บ้างเป็นตัวแทนของความโกรธแค้นที่มีต่อคนเลว เช่น ปาท่องโก๋
บ้างเพื่อเตือนให้ระลึกถึงคุณงามความดี เช่น บ๊ะจ่าง บ้างเตือนใจให้นึกถึงเหตุการณ์ในอดีต เช่น ซาลาเปา หรือ ขนมไหว้พระจันทร์
จะเห็นว่าประเทศจีนมีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีเรื่องราว ตำนานมากมาย หลายครั้งประวัติศาสตร์ก็หมุนวนซ้ำไปมาไม่รู้จบ
คือ คนดี คนเก่ง ถูกใส่ร้ายป้ายสี โดยขุนนางใจชั่ว แต่ถึงมันจะเกิดซ้ำ เขาก็พยายามค้นหาความจริง ตีแผ่ความจริง
ใครผิดก็ต้องประณาม ใครทำดีก็ต้องสร้างสิ่งให้ผู้คนระลึกถึง ไม่ปล่อยให้หายไปกับสายลม เพื่อให้คนรุ่นหลังได้มีบทเรียน มีข้อเตือนใจ
แล้วเรามีการตีแผ่ความจริง มีการถอดบทเรียน มีการลงโทษคนผิด มีการยกย่องคนดีที่เคยถูกใส่ร้ายทั้งหลายหรือไม่
หรือเราปล่อยให้เกิดซ้ำๆ แล้วก็บอกว่า “เอาใหม่ๆ มาเริ่มกันใหม่” แล้วเพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่ผ่านไป อ้างเพียงมันผ่านไปแล้ว
แต่ความจริงก็คือความจริง คนที่สร้างผลงานไว้ย่อมอยู่ในใจประชาชนเสมอ
เรื่องเหล่านี้หลายคนไม่เข้าใจ สุดท้ายขอฝากว่า “อำนาจอาจบังคับคนได้ชั่วคราว แต่ศรัทธาที่ยืนยาวต้องใช้ความดีแลกมา”
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมค่ะ
ปล. ขอให้ทานอาหารอย่างมีความสุข ฟังเพลงเพราะๆ ได้ที่ห้องข้างๆ นะคะ เราจะดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข และเบิกบานใจ ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 4
2. ซาลาเปา
หมั่นโถวและซาลาเปา เป็นขนมมงคลหมายถึงขนมที่ห่อโชคลาภและเงินทองไว้ ที่จริงแล้วหมั่นโถวและซาลาเปาคืออันเดียวกัน
แต่ซาลาเปา (เปาจึ) เป็นคำเรียกของชาวจีนทางเหนือ แต่เดิมหมั่นโถว เป็นแป้งมีรูปร่างเหมือนศีรษะคนมีไส้ข้างในเป็นเนื้อแกะและเนื้อวัว
ต่อมาไม่ปั้นเหมือนหัวคนและยังมีขนาดเล็กลง ผู้คนจึงตั้งชื่อให้หมั่นโถวมีไส้ประเภทนี้ว่า ‘เปาจึ’ ส่วนหมั่นโถวนั้นใช้เรียกขนมแป้งที่ไม่มีไส้
ตำนานหมั่นโถวเกิดขึ้น ระหว่างขงเบ้งต้องยกทัพข้ามแม่น้ำลกซุย ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดคือ ท้องฟ้ามืดมิด คลื่นซัดแรงมาก
ข้ามฟากไม่ได้ บ้างก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวลอึงอลไม่ได้ศัพท์ ทำให้กองทัพขงเบ้งแตกฮือด้วยความกลัว (คนพิมพ์ก็กลัว - -")
คนพื้นเมืองบอกว่ามีวิญญาณสิงอยู่ใต้น้ำ เบ้งเฮ็กจึงแนะนำขงเบ้งให้ทำพิธีเซ่นไหว้ตามธรรมเนียมชาวม่าน(หมั่น)
โดยตัดหัว 49-50 คนมาทำการเซ่นไหว้ ขงเบ้งไม่อยากฆ่าคนเพิ่มจึงปั้นแป้งสาลีเป็นรูปหัวคนยัดไส้ด้วยเนื้อวัวเนื้อม้าแล้วเอาไปนึ่ง
ขงเบ้งแนะนำชาวม่านว่าเซ่นไหว้ครั้งต่อไปให้ใช้แป้งยัดไส้นี้เถิดอย่าได้ฆ่าคนอีกต่อไปเลย แล้วก็จัดพิธีบวงสรวง ฆ่าม้า วัว แกะ
และปั้นแป้งสาลีรูปขนาดเท่าหัวคนใส่ไส้เนื้อเนื้อวัวเนื้อแกะข้างใน เป็นของไหว้ ลมจึงสงบ กองทัพจึงสามารถข้ามฝั่งแม่น้าลกซุยได้
ขงเบ้งกับเบ้งเฮ็ก (ม่านอ๋อง)
"หม่านโถว" แปลว่า "หัวของชาวหนานหมาน" และเนื่องจากคำเรียกในภาษาจีนดั้งเดิมฟังดูโหดร้ายเกินไป
ภายหลังจึงได้มีการเปลี่ยนมาใช้ตัวอักษรที่บ่งชี้ว่าเป็นอาหารแทนตัวอักษร ที่หมายถึงพวกหนานหมัน อย่างเช่นในอดีต
*********
กุนซือแม่ทัพใหญ่ ระดับขงเบ้ง หากตัดหัวคน 40-50 คนเพื่อให้การเดินทัพราบรื่น ย่อมทำได้
แต่ขงเบ้งเห็นคุณค่าชีวิต แค่ที่เสียชีวิตจากการสู้รบก็มากพอ ไม่อยากให้มีคนตายอีกแล้ว จึงคิดกุศโลบายนี้ขึ้น
แสดงให้เห็นว่าผู้นำนอกจากจะมีความสามารถแล้วยังต้องมีคุณธรรม ไม่งมงาย และไม่เห็นชีวิตผู้อื่นเป็นผักปลา
หากผู้นำไร้คุณธรรมและปัญญาแล้วไซร้ คาดว่าคงมีหลายชีวิตต้องสังเวยความเชื่ออีกมากมาย
(คนรุ่นหลังยังได้กินซาลาเปาอร่อยๆ อีกด้วย)
หมั่นโถวและซาลาเปา เป็นขนมมงคลหมายถึงขนมที่ห่อโชคลาภและเงินทองไว้ ที่จริงแล้วหมั่นโถวและซาลาเปาคืออันเดียวกัน
แต่ซาลาเปา (เปาจึ) เป็นคำเรียกของชาวจีนทางเหนือ แต่เดิมหมั่นโถว เป็นแป้งมีรูปร่างเหมือนศีรษะคนมีไส้ข้างในเป็นเนื้อแกะและเนื้อวัว
ต่อมาไม่ปั้นเหมือนหัวคนและยังมีขนาดเล็กลง ผู้คนจึงตั้งชื่อให้หมั่นโถวมีไส้ประเภทนี้ว่า ‘เปาจึ’ ส่วนหมั่นโถวนั้นใช้เรียกขนมแป้งที่ไม่มีไส้
ตำนานหมั่นโถวเกิดขึ้น ระหว่างขงเบ้งต้องยกทัพข้ามแม่น้ำลกซุย ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดคือ ท้องฟ้ามืดมิด คลื่นซัดแรงมาก
ข้ามฟากไม่ได้ บ้างก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวลอึงอลไม่ได้ศัพท์ ทำให้กองทัพขงเบ้งแตกฮือด้วยความกลัว (คนพิมพ์ก็กลัว - -")
คนพื้นเมืองบอกว่ามีวิญญาณสิงอยู่ใต้น้ำ เบ้งเฮ็กจึงแนะนำขงเบ้งให้ทำพิธีเซ่นไหว้ตามธรรมเนียมชาวม่าน(หมั่น)
โดยตัดหัว 49-50 คนมาทำการเซ่นไหว้ ขงเบ้งไม่อยากฆ่าคนเพิ่มจึงปั้นแป้งสาลีเป็นรูปหัวคนยัดไส้ด้วยเนื้อวัวเนื้อม้าแล้วเอาไปนึ่ง
ขงเบ้งแนะนำชาวม่านว่าเซ่นไหว้ครั้งต่อไปให้ใช้แป้งยัดไส้นี้เถิดอย่าได้ฆ่าคนอีกต่อไปเลย แล้วก็จัดพิธีบวงสรวง ฆ่าม้า วัว แกะ
และปั้นแป้งสาลีรูปขนาดเท่าหัวคนใส่ไส้เนื้อเนื้อวัวเนื้อแกะข้างใน เป็นของไหว้ ลมจึงสงบ กองทัพจึงสามารถข้ามฝั่งแม่น้าลกซุยได้
ขงเบ้งกับเบ้งเฮ็ก (ม่านอ๋อง)
"หม่านโถว" แปลว่า "หัวของชาวหนานหมาน" และเนื่องจากคำเรียกในภาษาจีนดั้งเดิมฟังดูโหดร้ายเกินไป
ภายหลังจึงได้มีการเปลี่ยนมาใช้ตัวอักษรที่บ่งชี้ว่าเป็นอาหารแทนตัวอักษร ที่หมายถึงพวกหนานหมัน อย่างเช่นในอดีต
*********
กุนซือแม่ทัพใหญ่ ระดับขงเบ้ง หากตัดหัวคน 40-50 คนเพื่อให้การเดินทัพราบรื่น ย่อมทำได้
แต่ขงเบ้งเห็นคุณค่าชีวิต แค่ที่เสียชีวิตจากการสู้รบก็มากพอ ไม่อยากให้มีคนตายอีกแล้ว จึงคิดกุศโลบายนี้ขึ้น
แสดงให้เห็นว่าผู้นำนอกจากจะมีความสามารถแล้วยังต้องมีคุณธรรม ไม่งมงาย และไม่เห็นชีวิตผู้อื่นเป็นผักปลา
หากผู้นำไร้คุณธรรมและปัญญาแล้วไซร้ คาดว่าคงมีหลายชีวิตต้องสังเวยความเชื่ออีกมากมาย
(คนรุ่นหลังยังได้กินซาลาเปาอร่อยๆ อีกด้วย)
ความคิดเห็นที่ 26
มาถึงเรื่อง ปาท่องโก๋
ตามที่ จขกท เล่า ก็ถูกต้องทุกประการ
แต่ส่วนตัวผมมีมุมมองเรื่อง ฉินไคว้ (ฉินฮุ้ย สำเนียง จีนกลาง)แตกต่างกันบางประเด็น
ฉินฮุ่ย อาจจะเป็นขุนนางที่ชั่วช้าจริง แต่คนที่อยากให้ งักฮุย (เยี้ยเฟย ในภาษาจีนกลาง)ตาย
จริงๆแล้วน่าจะเป็น ฮ่องเต้ ซ้องเกาจง มากกว่า เพราะว่า ตอนนั้น เผ่าจิน เรืองอำนาจ ได้จับตัว
2 ฮ่องเต้ ที่เป็นพ่อ และ พี่ ของซ้องเกาจง เป็นเชลย การที่งักฮุย รบตีประเทศจิน ก็เพื่อหวังที่จะให้
2 ฮ่องเต้กลับคืนมา ซึ่งถ้ากลับมาได้จริง สถานะฮ่องเต้ของ ซ้องเกาจงก็สั่นคลอนอย่างแน่นอน ด้วย
เหตุนี้ เพื่อรักษาอำนาจตัวเอง ซ้องเกาจง จึงน่าจะเป็นคนคิดร้ายกับงักฮุย โดยมีฉินฮุ่ย เป็นขุนพลอยพยัก
ป.ล ทุกวันนี้ สุสาน งักฮุย อยู่ที่เมือง หางโจว (ใกล้เซี่ยงไฮ้) เวลาไหว้ สุสาน งักฮุย แล้ว ต้องถ่มน้ำลาย
ไปที่รุปปั้น ฉินฮุ่ย และภรรยาด้วย
ป.ล 2 การแย่งชิงอำนาจระหว่างครอบครัว พี่กับน้อง เพื่อนกับเพื่อน ยังคงมีอยู่ตลอดกาล
ตราบเท่าที่มนุษย์ยังมีกิเลสอยู่
ตามที่ จขกท เล่า ก็ถูกต้องทุกประการ
แต่ส่วนตัวผมมีมุมมองเรื่อง ฉินไคว้ (ฉินฮุ้ย สำเนียง จีนกลาง)แตกต่างกันบางประเด็น
ฉินฮุ่ย อาจจะเป็นขุนนางที่ชั่วช้าจริง แต่คนที่อยากให้ งักฮุย (เยี้ยเฟย ในภาษาจีนกลาง)ตาย
จริงๆแล้วน่าจะเป็น ฮ่องเต้ ซ้องเกาจง มากกว่า เพราะว่า ตอนนั้น เผ่าจิน เรืองอำนาจ ได้จับตัว
2 ฮ่องเต้ ที่เป็นพ่อ และ พี่ ของซ้องเกาจง เป็นเชลย การที่งักฮุย รบตีประเทศจิน ก็เพื่อหวังที่จะให้
2 ฮ่องเต้กลับคืนมา ซึ่งถ้ากลับมาได้จริง สถานะฮ่องเต้ของ ซ้องเกาจงก็สั่นคลอนอย่างแน่นอน ด้วย
เหตุนี้ เพื่อรักษาอำนาจตัวเอง ซ้องเกาจง จึงน่าจะเป็นคนคิดร้ายกับงักฮุย โดยมีฉินฮุ่ย เป็นขุนพลอยพยัก
ป.ล ทุกวันนี้ สุสาน งักฮุย อยู่ที่เมือง หางโจว (ใกล้เซี่ยงไฮ้) เวลาไหว้ สุสาน งักฮุย แล้ว ต้องถ่มน้ำลาย
ไปที่รุปปั้น ฉินฮุ่ย และภรรยาด้วย
ป.ล 2 การแย่งชิงอำนาจระหว่างครอบครัว พี่กับน้อง เพื่อนกับเพื่อน ยังคงมีอยู่ตลอดกาล
ตราบเท่าที่มนุษย์ยังมีกิเลสอยู่
ความคิดเห็นที่ 24
ขออีกเมนูแล้วกัน กำลังหิว
ผัดไทย
ในสมัยน้ำท่วมใหญ่ ปี พ.ศ 2485 ข้าวสารแพงมาก ค่าครองชีพสูง
จอมพล ป นายกรัฐมนตรี จึงได้รณรงค์ให้คนหันมากินอาหารเส้นจำพวกแป้งแทน
และเพื่อที่จะได้สารอาหารครบ 5 หมู่ ในผัดไทย จึงมีทั้ง แป้ง (เส้น) โปรตีน (กุ้ง ถั่ว)
ไขมัน เกลือแร่ (ผักต่างๆ) และวิตามิน ส่วนที่เรียกว่า "ผัดไทย" นั้น เพราะเมนูนี้ไม่ใส่หมู
ตอนนั้น หมู ถือเป็นอาหารของคนจีน อีกอย่าง จอมพล ป มีความเป็นชาตินิยมมาก จึงให้ชื่อ
อาหารจานนี้ว่า "ผัดไทย" ซึ่งปัจจุบัน ผัดไทยก็ได้ชื่อว่าเป็นอาหารประจำชาติไทย เมนูหนึ่ง
สมกับเจตนารมณ์ของ จอมพล ป
ป.ล พรุ่งนี้ หลังจากมื้อกลางวันที่ สีฟ้า แล้ว มื้อเย็น ก็จะไปกินผัดไท ที่ประตูผี
ป.ล 2 ขอบคุณ จขกท ที่ทำให้เลือกเมนู สำหรับพรุ่งนี้ได้ (ไม่งั้นไม่รู้จะกินอะไรเหมือนกัน)
ผัดไทย
ในสมัยน้ำท่วมใหญ่ ปี พ.ศ 2485 ข้าวสารแพงมาก ค่าครองชีพสูง
จอมพล ป นายกรัฐมนตรี จึงได้รณรงค์ให้คนหันมากินอาหารเส้นจำพวกแป้งแทน
และเพื่อที่จะได้สารอาหารครบ 5 หมู่ ในผัดไทย จึงมีทั้ง แป้ง (เส้น) โปรตีน (กุ้ง ถั่ว)
ไขมัน เกลือแร่ (ผักต่างๆ) และวิตามิน ส่วนที่เรียกว่า "ผัดไทย" นั้น เพราะเมนูนี้ไม่ใส่หมู
ตอนนั้น หมู ถือเป็นอาหารของคนจีน อีกอย่าง จอมพล ป มีความเป็นชาตินิยมมาก จึงให้ชื่อ
อาหารจานนี้ว่า "ผัดไทย" ซึ่งปัจจุบัน ผัดไทยก็ได้ชื่อว่าเป็นอาหารประจำชาติไทย เมนูหนึ่ง
สมกับเจตนารมณ์ของ จอมพล ป
ป.ล พรุ่งนี้ หลังจากมื้อกลางวันที่ สีฟ้า แล้ว มื้อเย็น ก็จะไปกินผัดไท ที่ประตูผี
ป.ล 2 ขอบคุณ จขกท ที่ทำให้เลือกเมนู สำหรับพรุ่งนี้ได้ (ไม่งั้นไม่รู้จะกินอะไรเหมือนกัน)
แสดงความคิดเห็น
**ห้องครัวรากหญ้า: เร่เข้ามาๆๆ ชิมของอร่อย ที่มาจากตำนานทางการเมืองกัน ** by ชุนเทียน
มีคุณ Old Law Boy นิติวิพากษ์ เป็นประธานกลุ่ม "Non TaKang"
คุณ ถ้าฉันรวยฉันจะสวยให้ดู เป็นประธานกลุ่ม "กลุ่มอดีตคนเคยสวยรากหญ้าสร้างชาติรักประชาธิปไตย นอนตะแคงจนตาแข็ง"
น้องนู๋สร้างชาติผู้ก่อตั้งบ้านคนรากหญ้า
วันนี้จะขอพื้นที่เปิดห้องครัวรากหญ้าให้ชิมของอร่อย ที่มาพร้อมเรื่องราว ตำนาน ที่เกี่ยวกับการเมืองและประวัติศาสตร์
ซึ่งบางตำนานก็มาจากเรื่องจริง บางตำนานก็อาจจะเสริมเติมแต่ง และของบางอย่างมีตำนานมากกว่าหนึ่ง
ดังนั้นเราอ่านหรือรับรู้อะไร บางครั้งจึงอาจไม่ต้องจำรายละเอียดปลีกย่อย แต่สำคัญที่การจับประเด็น การนำข้อคิดมาปรับใช้ หรือสอนใจนั่นเอง
ตอนแรกจะเขียนเรื่องอื่นก่อน แต่ช่วงนี้ไม่มีเวลาเลยขอคั่นรายการด้วยอาหารเล็กๆ น้อยๆ เรียกน้ำย่อย 4 เมนู เท่าที่เวลาอำนวย
(เนื่องจากทุกการเขียนจะไม่ลอกทั้งดุ้นมาจากแหล่งเดียว แต่จะนำข้อมูลจากหลายที่มาเรียบเรียง จึงค่อนข้างใช้เวลาค่ะ)
ใครจะนำอาหารอะไรมาทานในนี้ก็ได้นะคะ ขอยกเว้นของนอกค่ะ พวก พิซซ่า แซนด์วิช เบอร์เกอร์ ไม่เอาๆ
เมื่อคราวกระทู้นักวิทยาศาสตร์ ได้เรียงลำดับตามปี ส่วนอาหารนี่เรียงลำดับตามความพอใจของ จขกท. ค่ะ นึกอะไรได้ก็ใส่ไป
ขอขอบคุณเพื่อนทุกท่านที่เข้ามาอ่าน จะกบ เขียด ปาด อย่างไรก็ได้ หากมีข้อมูลเพิ่มเติมหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันก็จะยินดีและเป็นพระคุณ
คลังกระทู้เดิม
1. **ห้องทดลองรากหญ้า: พลิกปูมประวัตินักวิทยาศาสตร์ชื่อดังของโลกกับแง่มุมด้านการเมือง (ภาคสมบูรณ์)** by ชุนเทียน
http://ppantip.com/topic/32521811
( ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากอินเตอร์เนต)