ตอนนี้ลูกเรา 4 เดือนกว่าแล้วค่ะ เป็นคุณแม่เต็มเวลา จะมีบ้างที่แม่สามีจะมาช่วยดูลูก ซึ่งมันก็เป็นอะไรที่ทำให้เราปวดหัวมากเสมอๆ
เริ่มจากตั้งแต่ลูกยังไม่คลอด เราเตรียมเสื้อผ้าเอาก็หาว่า โบราณเค้าถือ ไม่ให้เตรียม ถามว่าเวลาคลอดแล้วค่อยซื้อ จะทันใช้ไหม
เราคลอดรัฐบาล คลอดมาได้แค่ชั่วโมงเดียวพยาบาลก็เอาลูกห่อผ้าผืนเดียวมาให้ เวลาแค่ชั่วโมงเดียว ไปซื้อยังไม่ทันด้วยซ้ำ
พอคลอดมาก็เรื่องแพมเพิส อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าเราเลี้ยงคนเดียว ยิ่งช่วงแรกๆอึบ่อยฉี่บ่อย เรียนว่าเละทั้งแม่ทั้งลูกทั้งที่นอน
จนไม่รู้จะเอาลูกไปวางที่ไหน บางทีเพิ่งเอาลูกหลับได้หลังจากกล่อมกันอยู่นาน พอเค้าฉี่เปียกเท่านั้นแหละก็ตื่น สามีเลยบอกให้ใส่
แพมเพิสอาศัยว่าเปลี่ยนบ่อยๆใช้แพมเพิสที่ซึมซับดี ลูกก็ไม่เคยเป็นผื่นผ้าอ้อม แต่ก็ยังไม่วายที่เราจะถูกคนรอบข้างเหน็บแนม
หาว่าทำไมใส่แพมเพิสให้ลูกทั้งวัน คนโบราณเค้าไม่มีแพมเพิสเค้ายังอยู่ได้เลย ไม่สงสารลูกบ้างเหรอ ...
อ้าว แสดงว่านี่ฅันเป็นแม่เลว ใจยักษ์งั้นเหรอ
มาต่อกันที่เรื่องนมแม่ แรกคลอดเราผ่าตามสเต็ปคือน้ำนมมันจะมาช้า พอดื่มน้ำ ทานอาหารได้ ก็จัดไปที่เมนูเรียกน้ำนม อันนี้เราโอเค
ก็ทานได้แต่ ... ห้ามกินไข่ ข้าวเหนียว ถั่วงอก บลาๆๆๆ เฮ้ยบร้าาา ตอนที่ไปอ่านมาในเพจนมแม่แบบแฮปปี้ทำไมไม่มี
เค้าบอกว่าทานได้หมด ยกเว้นเด็กกลุ่มเสี่ยงภูมิแพ้ ให้งดนมวัว นมถั่ว อาหารทะเล แป้งสาลี ไข่ เราก็เออ เราเป็นภูมิแพ้ลูกมีสิทธิแพ้
งั่นฉันงดกลุ่มเสี่ยงแล้วกัน ปรากฏว่า มาเต็มเลยค่ะ ทานนมเยอะๅ ทานไข่เยอะๆ บรรดาคนที่มาเยี่ยม ญาติสามี ต่างพากันบังคับ
ให้เราทานของที่มันไม่ควรทาน และไม่ให้เราทานของที่ทานได้ ...
ยังไม่จบ มาต่อกันที่น้ำร้อน(ไม่อุ่นเลยค่ะ ร้อนเลย) บอกว่าดื่มแล้วจะมีน้ำนม ถ้าดื่มน้ำเย็นนมจะแห้ง แถมมดลูกไม้เข้าอู่
จะบ้าหรอ ฉันไปอ่านในเพจนมแม่มา เค้าบอกว่าน้ำเย็นดื่มได้ ไม่ได้ทำให้น้ำนมลดแต่อย่างใด และถ้าให้นมเองมดลูกจะเข้าอู่ไว
เราก็จัดไปน้ำเย็นเลย เพราะตอนนั้นจองห้องพิเศษไม่ได้ ได้อยู่ห้องธรรมดาพัดลมขึ้นสนิม ความเย็นไม่มี แถมคลอดเมษา นอนนี่หลังเปียกหมด
เลยไม่สนที่จะทานน้ำอุ่นเลย โดนด่าอีก "อยากตายก่อนลูกโตก็ตามใจ"
พอกลับมาบ้านด้วยความที่ท้องแรก ก็ต้องศึกษาหาข้อมูลเอาไว้ท่องอินเตอร์เน็ตไปเรื่อย เกี่ยวกับเรื่องนมแม่หรือวิธีการดูลูกต่างไ
ก็ไม่วายโดนด่า หาว่าคนโบราณเค้าไม่ให้ใช้สายตาหลังคลอดกันหรอกนะ สายตาจะเสีย
ต่อที่ยาหม้อ ยาต้ม ยาดอง ยาผีบอก บลาๆๆ ล้วนจะสรรหามาให้ เรายื่นคำขาด หมอไม่ให้ทานค่ะ เดี๋ยวตกเลือด ให้นมลูกมดลูกบีบตัวเข้าอู่ไว้อยู่เเล้ว
แต่ก็ยังไม่วายโดนบ่น แถมอ้างโบราณอีกตามเคย
พอลูกเริ่มโตสักพักก็มีอาการที่เรียกว่าติดมือ อันนี้คุณหมอสุธีราได้บอกไว้ว่า อุ้มไปเถอะ เด็กจะได้ความรักความอบอุ่น
ก็โอเคอุ้ม ร้องให้อุ้มก็อุ้ม พาเดินเล่นหน้าบ้านบ้างช่วงเย็น ใส่ hipseat เดินไปเรื่อย เจอคนข้างบ้าน ตายแล้ว อุ้มมันทำไม เดี๋ยวก็ติดมือ
เราก็บอกว่าติดแล้วค่ะ เค้าก็ทำสีหน้าตกใจ แล้วบ่นว่าทำไมเราเลี้ยงลูกแบบนี้ บลาๆ แล้วนี่ เป้อุ้มซื้อมาเท่าไหร่แพงไหม ทำไมไม่เก็บตังไว้
ซื้อรถ หัดเดินให้ลูก เราก็บอกว่าอันตราย เด็กจะเดินช้าแถมเสี่ยงอุบัติเหตุ ไม่หรอกโบราณเค้าก็....
มาถึงเรื่องอาหารลูกเรา 4 เดือนแล้วป้อนหรือยัง เราก็มีแค่ให้ชิมค่ะ นิดๆหน่อย ไม่ได้ป้อนทุกวันนานๆที ให้เคยลองย่อยอย่างอื่นนอกจากนมบ้าง
แต่หลังๆมานี่ไม่ได้ป้อนเพราะกลัวลูกจะย่อยไม่ได้เลยเลิกป้อนไป เค้าก็บ่นอีกว่า ป้อนได้แล้วลูกน้าป้อนตั้งแต่ 2 เดือนโบราณเค้าป้อนตั้งแต่เดือนกว่าด้วยซ้ำ
เราก็บอกว่าไม่อ่ะค่ะ รอ 6 เดือนดีกว่า เค้าก็บอก โอ๊ย เด็กมันจะหิว ให้ป้อนกล้วยแถมพร้ำรำพันบ้าบอคอแตกไปเรื่อย ทั้งเรื่องติดมือ เรื่องป้อนกล้วย
พูดแกมเยาะกับแม่สามีเรา หาว่าเราไม่รู้เรื่องเลี้ยงลูกไม่เป็น
บอกเลยว่าอยากจะบ้าค่ะ จริงๆยังมีอีกเยอะนะคะ กับคำที่ว่าโบราณเค้า ... มันแทบจะทำเราประสาทแตก ถูกคนอื่นว่าต่างๆนานาว่าเลี้ยงลูกไม่เป็น
หัวเราะเยาะเหมือนเราเป็นตัวประหลาด เดี๋ยวนมแม่หมดคุณค่าบ้าง นมแม่ทำให้ผอมบ้าง นมไม่พอบ้าง จะให้เสริมนมผง กินกล้วยกันท่าเดียว
อยากถามจริงๆนี่มันสมัยไหนแล้ว เมื่อไหร่จะเลิกเอาความคิดโบราณมาใช้สักที เพลีย...
เมื่อไหร่คนไทยจะเลิกเอาคำว่า "โบราณเค้าก็..." มาใช้เลี้ยงเด็กสักที
เริ่มจากตั้งแต่ลูกยังไม่คลอด เราเตรียมเสื้อผ้าเอาก็หาว่า โบราณเค้าถือ ไม่ให้เตรียม ถามว่าเวลาคลอดแล้วค่อยซื้อ จะทันใช้ไหม
เราคลอดรัฐบาล คลอดมาได้แค่ชั่วโมงเดียวพยาบาลก็เอาลูกห่อผ้าผืนเดียวมาให้ เวลาแค่ชั่วโมงเดียว ไปซื้อยังไม่ทันด้วยซ้ำ
พอคลอดมาก็เรื่องแพมเพิส อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าเราเลี้ยงคนเดียว ยิ่งช่วงแรกๆอึบ่อยฉี่บ่อย เรียนว่าเละทั้งแม่ทั้งลูกทั้งที่นอน
จนไม่รู้จะเอาลูกไปวางที่ไหน บางทีเพิ่งเอาลูกหลับได้หลังจากกล่อมกันอยู่นาน พอเค้าฉี่เปียกเท่านั้นแหละก็ตื่น สามีเลยบอกให้ใส่
แพมเพิสอาศัยว่าเปลี่ยนบ่อยๆใช้แพมเพิสที่ซึมซับดี ลูกก็ไม่เคยเป็นผื่นผ้าอ้อม แต่ก็ยังไม่วายที่เราจะถูกคนรอบข้างเหน็บแนม
หาว่าทำไมใส่แพมเพิสให้ลูกทั้งวัน คนโบราณเค้าไม่มีแพมเพิสเค้ายังอยู่ได้เลย ไม่สงสารลูกบ้างเหรอ ...
อ้าว แสดงว่านี่ฅันเป็นแม่เลว ใจยักษ์งั้นเหรอ
มาต่อกันที่เรื่องนมแม่ แรกคลอดเราผ่าตามสเต็ปคือน้ำนมมันจะมาช้า พอดื่มน้ำ ทานอาหารได้ ก็จัดไปที่เมนูเรียกน้ำนม อันนี้เราโอเค
ก็ทานได้แต่ ... ห้ามกินไข่ ข้าวเหนียว ถั่วงอก บลาๆๆๆ เฮ้ยบร้าาา ตอนที่ไปอ่านมาในเพจนมแม่แบบแฮปปี้ทำไมไม่มี
เค้าบอกว่าทานได้หมด ยกเว้นเด็กกลุ่มเสี่ยงภูมิแพ้ ให้งดนมวัว นมถั่ว อาหารทะเล แป้งสาลี ไข่ เราก็เออ เราเป็นภูมิแพ้ลูกมีสิทธิแพ้
งั่นฉันงดกลุ่มเสี่ยงแล้วกัน ปรากฏว่า มาเต็มเลยค่ะ ทานนมเยอะๅ ทานไข่เยอะๆ บรรดาคนที่มาเยี่ยม ญาติสามี ต่างพากันบังคับ
ให้เราทานของที่มันไม่ควรทาน และไม่ให้เราทานของที่ทานได้ ...
ยังไม่จบ มาต่อกันที่น้ำร้อน(ไม่อุ่นเลยค่ะ ร้อนเลย) บอกว่าดื่มแล้วจะมีน้ำนม ถ้าดื่มน้ำเย็นนมจะแห้ง แถมมดลูกไม้เข้าอู่
จะบ้าหรอ ฉันไปอ่านในเพจนมแม่มา เค้าบอกว่าน้ำเย็นดื่มได้ ไม่ได้ทำให้น้ำนมลดแต่อย่างใด และถ้าให้นมเองมดลูกจะเข้าอู่ไว
เราก็จัดไปน้ำเย็นเลย เพราะตอนนั้นจองห้องพิเศษไม่ได้ ได้อยู่ห้องธรรมดาพัดลมขึ้นสนิม ความเย็นไม่มี แถมคลอดเมษา นอนนี่หลังเปียกหมด
เลยไม่สนที่จะทานน้ำอุ่นเลย โดนด่าอีก "อยากตายก่อนลูกโตก็ตามใจ"
พอกลับมาบ้านด้วยความที่ท้องแรก ก็ต้องศึกษาหาข้อมูลเอาไว้ท่องอินเตอร์เน็ตไปเรื่อย เกี่ยวกับเรื่องนมแม่หรือวิธีการดูลูกต่างไ
ก็ไม่วายโดนด่า หาว่าคนโบราณเค้าไม่ให้ใช้สายตาหลังคลอดกันหรอกนะ สายตาจะเสีย
ต่อที่ยาหม้อ ยาต้ม ยาดอง ยาผีบอก บลาๆๆ ล้วนจะสรรหามาให้ เรายื่นคำขาด หมอไม่ให้ทานค่ะ เดี๋ยวตกเลือด ให้นมลูกมดลูกบีบตัวเข้าอู่ไว้อยู่เเล้ว
แต่ก็ยังไม่วายโดนบ่น แถมอ้างโบราณอีกตามเคย
พอลูกเริ่มโตสักพักก็มีอาการที่เรียกว่าติดมือ อันนี้คุณหมอสุธีราได้บอกไว้ว่า อุ้มไปเถอะ เด็กจะได้ความรักความอบอุ่น
ก็โอเคอุ้ม ร้องให้อุ้มก็อุ้ม พาเดินเล่นหน้าบ้านบ้างช่วงเย็น ใส่ hipseat เดินไปเรื่อย เจอคนข้างบ้าน ตายแล้ว อุ้มมันทำไม เดี๋ยวก็ติดมือ
เราก็บอกว่าติดแล้วค่ะ เค้าก็ทำสีหน้าตกใจ แล้วบ่นว่าทำไมเราเลี้ยงลูกแบบนี้ บลาๆ แล้วนี่ เป้อุ้มซื้อมาเท่าไหร่แพงไหม ทำไมไม่เก็บตังไว้
ซื้อรถ หัดเดินให้ลูก เราก็บอกว่าอันตราย เด็กจะเดินช้าแถมเสี่ยงอุบัติเหตุ ไม่หรอกโบราณเค้าก็....
มาถึงเรื่องอาหารลูกเรา 4 เดือนแล้วป้อนหรือยัง เราก็มีแค่ให้ชิมค่ะ นิดๆหน่อย ไม่ได้ป้อนทุกวันนานๆที ให้เคยลองย่อยอย่างอื่นนอกจากนมบ้าง
แต่หลังๆมานี่ไม่ได้ป้อนเพราะกลัวลูกจะย่อยไม่ได้เลยเลิกป้อนไป เค้าก็บ่นอีกว่า ป้อนได้แล้วลูกน้าป้อนตั้งแต่ 2 เดือนโบราณเค้าป้อนตั้งแต่เดือนกว่าด้วยซ้ำ
เราก็บอกว่าไม่อ่ะค่ะ รอ 6 เดือนดีกว่า เค้าก็บอก โอ๊ย เด็กมันจะหิว ให้ป้อนกล้วยแถมพร้ำรำพันบ้าบอคอแตกไปเรื่อย ทั้งเรื่องติดมือ เรื่องป้อนกล้วย
พูดแกมเยาะกับแม่สามีเรา หาว่าเราไม่รู้เรื่องเลี้ยงลูกไม่เป็น
บอกเลยว่าอยากจะบ้าค่ะ จริงๆยังมีอีกเยอะนะคะ กับคำที่ว่าโบราณเค้า ... มันแทบจะทำเราประสาทแตก ถูกคนอื่นว่าต่างๆนานาว่าเลี้ยงลูกไม่เป็น
หัวเราะเยาะเหมือนเราเป็นตัวประหลาด เดี๋ยวนมแม่หมดคุณค่าบ้าง นมแม่ทำให้ผอมบ้าง นมไม่พอบ้าง จะให้เสริมนมผง กินกล้วยกันท่าเดียว
อยากถามจริงๆนี่มันสมัยไหนแล้ว เมื่อไหร่จะเลิกเอาความคิดโบราณมาใช้สักที เพลีย...