ได้เจ้า Mio Link Strapless HRM มาสองสามวัน ลองใช้ใส่วิ่งไปหนึ่งชั่วโมง และ ใส่เล่นๆอีกนิดหน่อย ขอเอามารีวิวสั้นๆสำหรับท่านที่สนใจซื้อ เครื่องวัดอัตราการเต้นหัวใจ ลองพิจารณาเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ... โดยเฉพาะคนที่อยากใช้ HRM แต่รำคาญสายคาดอก ... ไอ้ตัวนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจทีเดียว ในราคาที่ต่างกันไม่กี่ร้อย ...
สำหรับใครที่ยังไม่คุ้นเคยกับ Heart Rate Monitor ลองอ่านบทความตามลิงค์นี้ดูก่อนได้
http://appleops.wordpress.com/2013/06/09/hem-heart-rate-monitor/
MIO เป็นผู้พัฒนาระบบการวัดอัตราการเต้นของหัวใจโดยไม่ต้องใช้สายคาดอกออกมาเป็นสินค้าพาณิชย์น่าจะเป็นรายแรกๆ .. และมีการขายสิทธ์การใช้ให้กับยี่ห้อดังๆหลายเจ้า เช่น TomTom หรือ Samsung ( แก้ไขของ samsung ใช้เทคโนโลยีจากบริษัทอื่น ซึ่งหลายที่รีวิวมาพบว่าความแม่นยำต่ำเวลาหัวใจเต้นเร็ว) ซึ่งหลักการทำงานก็คือการยิงแสงทะลุผิดหนังแล้วใช้กล้องจับการขยายตัวของเส้นเลือด ก่อนจะแปลงมาเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ
รุ่นแรก Mio Alpha ทำมาเป็นแบบมีจอคล้ายนาฬิกาทั่วไป เชื่อมกับมือถือผ่าน Bluetooth 4 (แต่ไม่มีเมมโมรี่ ต้องต่อกับมือถือตลอดเวลาถ้าจะเก็บข้อมูล) ส่วน Mio Link เลยทำมาแบบไม่มีจอในราคาที่ถูกกว่าเดิมครึ่งหนึ่ง แถมยังสามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง Bluetooth 4 และ ANT+
ภายในกล่องไม่มีอะไรมาก HRM/ที่ชาร์จ USB/คู่มือ/ใบรับประกัน
ตัวเครื่องก็คล้ายกับ Fitness Tracker คือเป็นสายคาดข้อมือที่ไม่มีหน้าจอ แต่ขนาดจะพอๆกับนาฬิกาทั่วไป ... ก่อนซื้ออย่าลืมขอลองก่อนเพราะมันมีขนาดสาย เล็ก กลาง ใหญ่ ... มีปุ่มกดตรงกลางแค่ปุ่มเดียว และ LED หนึ่งดวง ซึ่งจะเปลี่ยนสีได้ 5 สี ฟ้า เขียว เหลือง ชมพู แดง
ด้านหลังจะเป็น LED สีเขียว 2 ดวง และ ตรงกลางเป็นเซนเซอร์จับภาพ ... และมี port สำหรับแท่นชาร์จ ... ตัวสายสามารถถอดออกมาจากตัวเครื่องได้ แต่ลืมถ่ายภาพตอนถอดมา .. ;D
เวลาชาร์จก็เอาไปวางไว้กับแท่นที่แถมมาแล้วต่อกับ USB เลย แต่สายมันจะสั้นไปนิด ... ตามสเปคบอกว่าใช้ได้ 8-10 ชั่วโมง
ที่เห็น LED 5 สี สามารถปรับตั้งได้ว่า ในที่ระดับอัตราการเต้นของหัวใจช่วงไหน จะให้แสดงเป็นสีอะไร ... ซึ่งตั้งโดยผ่านแอปชื่อ Mio Go
ซึ่งมีทั้งใน iOS และ Android ... แต่โทรศัพท์ที่ใช้ต้องรองรับ Bluetooth 4 และ android ต้องเวอร์ชั่น 4.3 ขึ้นไปด้วยน่ะ ... และตอนนี้ใน Android มันทำอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากแค่ปรับตั้งสี LED ... พอดีไม่มี iphone แต่เห็นในเว็บมันทำงานได้คล้ายแอปพวก Sport tracker ได้ด้วย ...
และที่น่าแปลกก็คือ สำหรับมือถือและแทปเลท Android บางเครื่อง (Galaxy Nexus, Nexus 10) มันเชื่อมต่อได้อย่างเดียว ไม่สามารถปรับค่าได้ ... แต่พอลองใช้ Note 2 อัพรอม 4.4.2 สามารถปรับตั้งสี LED ได้ ... แปลกเหมือนกัน ... แต่เนื่องจากตัว Note 2 รอม 4.4.2 มันมีบั๊ก Bluetooth ไม่เสถียร ขยับห่างนิดเดียวก็หลุด ในที่นี้เลยทดลองด้วย Galaxy Nexus ( ต้องไปปรับเครื่องนิดหน่อยให้ใช้ Bluetooth 4 ได้เพราะของเดิมมันล็อกไว้)
เวลาใช้งานก็สามารถใช้เชื่อมต่อผ่านแอป ออกกำลังกาย ทั่วไปที่รองรับอุปกรณ์ Bluetooth Smart (4) ได้เลย เท่าที่ลองพวกดังๆส่วนใหญ่ก็ใช้ได้หมด จริงถ้าจะเชื่อมผ่าน ANT+ ก็สามารถทำได้ถ้าโทรศัพท์มีตัวรับ ANT+ (Samsung Galaxy 4,5 Sony Xp Z2 etc) แต่พอดีไม่มีเครื่องที่เป็น ANT+เลยไม่ได้ลอง ... แต่เท่าที่อ่านมาจากรีวิวต่างประเทศถ้าเชื่อมแบบ Bluetooth 4 สัญญาณจะนิ่งและแรงกว่า
ในที่นี้ใช้ Endomondo ซึ่งก็ใช้เวลาหาไม่นาน สัญญาณนิ่งดีกว่า Polar Wearlink+ ที่เคยใช้พอสมควร
ลองเปรียบเทียบกันระหว่าง Polar Wearlink+ Bluetooth ซึ่งเป็นแบบสายคาดอก ด้านซ้าย และ Mio Link Bluetooth 4/ANT+ ด้านขวา
ลองเปรียบเทียบอัตราการเต้นหัวใจที่จับได้ตอนอยู่เฉยๆ ...จะเห็นว่าใกล้เคียงกัน อาจต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่เข้าใจว่าเป็นเพราะ Refresh ไม่พร้อมกัน
เวลาใส่ออกกำลังกาย ก็สามารถสังเกตุที่สี LED ได้ ทำให้พอทราบช่วงอัตราการเต้นหัวใจคร่าวๆ ... แต่รู้สึกว่ามันกระพริบห่างไปหน่อย แบบตอนวิ่งๆอยู่ต้องก้มหน้ามาจ้องข้อมือนานระยะหนึ่งเลยประมาณว่าถ้ามีท่อ ก็อาจวิ่งตกท่อได้ ... และแต่ละสีบางทีมันใกล้เคียงกันมาก เช่น สีเขียว กับ ฟ้า ... สีชมพู กับ แดง ... ถ้าแค่เหลือบๆชำเลืองดูจากหางตานี่แยกไม่ออกว่ามันสีอะไร ต้องคอยจ้องแบบจะๆ ... ซึ่งถ้าตอนวิ่งอยู่ริมถนนอาจเกิดอันตรายได้เลยต้องระมัดระวังหน่อย
สุดท้าย ลองเปรียบเทียบกราฟอัตราการเต้นของหัวใจที่วัดได้จาก HRM ทั้งสองตัว ... ภาพบนคือ Polar Wearlink+ สายคาดหน้าออก อันล่างคือ Mio Link แบบรัดข้อมือ ... จะเห็นว่ามันใกล้กันมาก ... รีวิวต่างประเทศหลายคนบอกว่า Mio Link แม่นยำกว่าด้วย โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของการวิ่งในอากาศหนาว แห้ง ที่พวกสายคาดหน้าอกจะทำงานเพี้ยนๆต้องรอให้เหงื่อออกมีความชื้น...
จากที่ลองใส่วิ่งมาไม่มากนักเปรียบเทียบกันที่ชัดเจนคือ แบบสายคาดหน้าอกมันจะเลื่อนไปเลื่อนมาเวลาวิ่งนานๆ ต้องมาคอยขยับๆเลื่อนๆ ...ถ้ารัดแน่นมากๆก็อึดอัด... บางทีรำคาญเลยไม่ใส่ซะเลย ... แต่ไอ้แบบรัดข้อมือนี่สบายกว่ามาก เวลาใส่ก็ไม่ต้องรัดแน่นมากอะไรแค่ให้มันอยู่กับที่ไม่ขยับ ... ไม่ต้องถึงกับรัดจดเส้นเลือดปูด ... แถมตอนวิ่งเสร็จแค่ถอดมาล้างน้ำแป๊บเดียว แห้งไว ... ไม่ต้องคอยซักสาย แล้วตากให้แห้ง แบบพวกสายคาดหน้าอก
สิ่งที่ชอบ
+ ใส่สบายกว่าแบบสายคาดหน้าอกมาก
+ มี LED แสดงผลช่วงของจังหวะหัวใจ พอดูได้แก้ขัดไม่ต้องคอยเปิดมือถือ
+ ดูแลรักษาง่าย ล้างน้ำแป๊บเดียวแห้ง
+ เชื่อมต่อได้ทั้ง Bluetooth 4 และ ANT+ พร้อมกัน
+ ถือว่าราคาไม่แพงถ้าเทียบกับ Heart Rate Monitor แบบนาฬิกาทั่วไป ... แม้มันจะไม่มีหน้าจอและจับเวลาไม่ได้ แต่ก็ได้ฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อมาแทน
สิ่งที่ไม่ชอบ
- LED กระพริบห่างไป และ สีใกล้กันมากดูยาก
- ที่ชาร์จสาย USB สั้นจัง (ไม่ถึง 2 นิ้ว) และ ไม่สามารถใช้ที่ชาร์จมือถือ micro usb มาชาร์จได้ (ต้องเอาไปต่อกับ adapter ตรงปลั๊กไฟเลย แต่สายมันก็สั้นมาก)
- สัญญาณ ANT+ ไม่ค่อยแรง (จากรีวิวต่างประเทศ) เวลาจะใช้กับ นาฬิกา ANT+ ต้องใส่บนแขนข้างเดียวกันติดกันเลย ... ซึ่งคนอื่นดูแล้วอาจนึกว่าเป็นคนบ้า ใส่นาฬิกาสองเรือนได้ ... (ภาพจากเว็บ ตปท.)
- ตามสเปคแบตหมดเร็วไปหน่อย (8-10 ชั่วโมง) ทั้งๆที่เป็น Bluetooth 4 low energy ... เทียบกับ Polar Wearlink+ ที่เป็น Bluetooth ธรรมดาใช้ถ่ายกระดุมก้อนเดียวอยู่ได้ 50-60 ชั่วโมง
- ราคาแพงกว่าแบบสายคาดอกทั่วไป (ที่มักขายกัน 2 พันกว่า) แต่ Mio Link ราคา 3 พันกลางๆ (ซื้อจากร้านตัวแทนจำหน่าย) ...
- แอปของ Mio บน Android ไม่มีฟังก์ชั่นอะไรเลย
สรุป
ถึงจะมีข้อติเยอะ แต่ที่ลองใช้ดูก็ถือว่าถูกใจทีเดียว ... เป็น HRM แบบใหม่ที่น่าจะทำให้คนที่รำคาญการใส่สายคาดหน้าอกจนไม่อยากใช้ HRM เปลี่ยนใจกลับมาลองใช้อีกครั้งได้ ...
ปิดท้ายด้วยโฆษณาจาก TomTom ที่ใช้เทคโนโลยีการวัดหัวใจจาก Mio
ปล.
เห็นคุณ Gigabank เคยรีวิวการใช้ต่อกับอุปกรณ์ Garmin ผ่าน ANT+ ไว้แล้วใครสนใจลองไปอ่านเพิ่มเติมได้ ...
http://ppantip.com/topic/32372088
หรือถ้าเป็นภาษาอังกฤษมีรีวิวไว้หลายเจ้า
http://outdoorkinetics.co.uk/mio-link-review-monitor-your-heart-rate-without-a-chest-strap/
http://runblogger.com/2014/07/mio-link-wrist-mounted-heart-rate-monitor-review-a-runners-perspective.html
เว็บของ Mio
http://www.mioglobal.com/Shop/Department.aspx?DeptID=1
[CR] รีวิว MIO Link Strapless HRM เครื่องวัดอัตราการเต้นหัวใจ แบบไม่ต้องใช้สายคาดอก
สำหรับใครที่ยังไม่คุ้นเคยกับ Heart Rate Monitor ลองอ่านบทความตามลิงค์นี้ดูก่อนได้
http://appleops.wordpress.com/2013/06/09/hem-heart-rate-monitor/
MIO เป็นผู้พัฒนาระบบการวัดอัตราการเต้นของหัวใจโดยไม่ต้องใช้สายคาดอกออกมาเป็นสินค้าพาณิชย์น่าจะเป็นรายแรกๆ .. และมีการขายสิทธ์การใช้ให้กับยี่ห้อดังๆหลายเจ้า เช่น TomTom หรือ Samsung ( แก้ไขของ samsung ใช้เทคโนโลยีจากบริษัทอื่น ซึ่งหลายที่รีวิวมาพบว่าความแม่นยำต่ำเวลาหัวใจเต้นเร็ว) ซึ่งหลักการทำงานก็คือการยิงแสงทะลุผิดหนังแล้วใช้กล้องจับการขยายตัวของเส้นเลือด ก่อนจะแปลงมาเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ
รุ่นแรก Mio Alpha ทำมาเป็นแบบมีจอคล้ายนาฬิกาทั่วไป เชื่อมกับมือถือผ่าน Bluetooth 4 (แต่ไม่มีเมมโมรี่ ต้องต่อกับมือถือตลอดเวลาถ้าจะเก็บข้อมูล) ส่วน Mio Link เลยทำมาแบบไม่มีจอในราคาที่ถูกกว่าเดิมครึ่งหนึ่ง แถมยังสามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง Bluetooth 4 และ ANT+
ภายในกล่องไม่มีอะไรมาก HRM/ที่ชาร์จ USB/คู่มือ/ใบรับประกัน
ตัวเครื่องก็คล้ายกับ Fitness Tracker คือเป็นสายคาดข้อมือที่ไม่มีหน้าจอ แต่ขนาดจะพอๆกับนาฬิกาทั่วไป ... ก่อนซื้ออย่าลืมขอลองก่อนเพราะมันมีขนาดสาย เล็ก กลาง ใหญ่ ... มีปุ่มกดตรงกลางแค่ปุ่มเดียว และ LED หนึ่งดวง ซึ่งจะเปลี่ยนสีได้ 5 สี ฟ้า เขียว เหลือง ชมพู แดง
ด้านหลังจะเป็น LED สีเขียว 2 ดวง และ ตรงกลางเป็นเซนเซอร์จับภาพ ... และมี port สำหรับแท่นชาร์จ ... ตัวสายสามารถถอดออกมาจากตัวเครื่องได้ แต่ลืมถ่ายภาพตอนถอดมา .. ;D
เวลาชาร์จก็เอาไปวางไว้กับแท่นที่แถมมาแล้วต่อกับ USB เลย แต่สายมันจะสั้นไปนิด ... ตามสเปคบอกว่าใช้ได้ 8-10 ชั่วโมง
ที่เห็น LED 5 สี สามารถปรับตั้งได้ว่า ในที่ระดับอัตราการเต้นของหัวใจช่วงไหน จะให้แสดงเป็นสีอะไร ... ซึ่งตั้งโดยผ่านแอปชื่อ Mio Go
ซึ่งมีทั้งใน iOS และ Android ... แต่โทรศัพท์ที่ใช้ต้องรองรับ Bluetooth 4 และ android ต้องเวอร์ชั่น 4.3 ขึ้นไปด้วยน่ะ ... และตอนนี้ใน Android มันทำอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากแค่ปรับตั้งสี LED ... พอดีไม่มี iphone แต่เห็นในเว็บมันทำงานได้คล้ายแอปพวก Sport tracker ได้ด้วย ...
และที่น่าแปลกก็คือ สำหรับมือถือและแทปเลท Android บางเครื่อง (Galaxy Nexus, Nexus 10) มันเชื่อมต่อได้อย่างเดียว ไม่สามารถปรับค่าได้ ... แต่พอลองใช้ Note 2 อัพรอม 4.4.2 สามารถปรับตั้งสี LED ได้ ... แปลกเหมือนกัน ... แต่เนื่องจากตัว Note 2 รอม 4.4.2 มันมีบั๊ก Bluetooth ไม่เสถียร ขยับห่างนิดเดียวก็หลุด ในที่นี้เลยทดลองด้วย Galaxy Nexus ( ต้องไปปรับเครื่องนิดหน่อยให้ใช้ Bluetooth 4 ได้เพราะของเดิมมันล็อกไว้)
เวลาใช้งานก็สามารถใช้เชื่อมต่อผ่านแอป ออกกำลังกาย ทั่วไปที่รองรับอุปกรณ์ Bluetooth Smart (4) ได้เลย เท่าที่ลองพวกดังๆส่วนใหญ่ก็ใช้ได้หมด จริงถ้าจะเชื่อมผ่าน ANT+ ก็สามารถทำได้ถ้าโทรศัพท์มีตัวรับ ANT+ (Samsung Galaxy 4,5 Sony Xp Z2 etc) แต่พอดีไม่มีเครื่องที่เป็น ANT+เลยไม่ได้ลอง ... แต่เท่าที่อ่านมาจากรีวิวต่างประเทศถ้าเชื่อมแบบ Bluetooth 4 สัญญาณจะนิ่งและแรงกว่า
ในที่นี้ใช้ Endomondo ซึ่งก็ใช้เวลาหาไม่นาน สัญญาณนิ่งดีกว่า Polar Wearlink+ ที่เคยใช้พอสมควร
ลองเปรียบเทียบกันระหว่าง Polar Wearlink+ Bluetooth ซึ่งเป็นแบบสายคาดอก ด้านซ้าย และ Mio Link Bluetooth 4/ANT+ ด้านขวา
ลองเปรียบเทียบอัตราการเต้นหัวใจที่จับได้ตอนอยู่เฉยๆ ...จะเห็นว่าใกล้เคียงกัน อาจต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่เข้าใจว่าเป็นเพราะ Refresh ไม่พร้อมกัน
เวลาใส่ออกกำลังกาย ก็สามารถสังเกตุที่สี LED ได้ ทำให้พอทราบช่วงอัตราการเต้นหัวใจคร่าวๆ ... แต่รู้สึกว่ามันกระพริบห่างไปหน่อย แบบตอนวิ่งๆอยู่ต้องก้มหน้ามาจ้องข้อมือนานระยะหนึ่งเลยประมาณว่าถ้ามีท่อ ก็อาจวิ่งตกท่อได้ ... และแต่ละสีบางทีมันใกล้เคียงกันมาก เช่น สีเขียว กับ ฟ้า ... สีชมพู กับ แดง ... ถ้าแค่เหลือบๆชำเลืองดูจากหางตานี่แยกไม่ออกว่ามันสีอะไร ต้องคอยจ้องแบบจะๆ ... ซึ่งถ้าตอนวิ่งอยู่ริมถนนอาจเกิดอันตรายได้เลยต้องระมัดระวังหน่อย
สุดท้าย ลองเปรียบเทียบกราฟอัตราการเต้นของหัวใจที่วัดได้จาก HRM ทั้งสองตัว ... ภาพบนคือ Polar Wearlink+ สายคาดหน้าออก อันล่างคือ Mio Link แบบรัดข้อมือ ... จะเห็นว่ามันใกล้กันมาก ... รีวิวต่างประเทศหลายคนบอกว่า Mio Link แม่นยำกว่าด้วย โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของการวิ่งในอากาศหนาว แห้ง ที่พวกสายคาดหน้าอกจะทำงานเพี้ยนๆต้องรอให้เหงื่อออกมีความชื้น...
จากที่ลองใส่วิ่งมาไม่มากนักเปรียบเทียบกันที่ชัดเจนคือ แบบสายคาดหน้าอกมันจะเลื่อนไปเลื่อนมาเวลาวิ่งนานๆ ต้องมาคอยขยับๆเลื่อนๆ ...ถ้ารัดแน่นมากๆก็อึดอัด... บางทีรำคาญเลยไม่ใส่ซะเลย ... แต่ไอ้แบบรัดข้อมือนี่สบายกว่ามาก เวลาใส่ก็ไม่ต้องรัดแน่นมากอะไรแค่ให้มันอยู่กับที่ไม่ขยับ ... ไม่ต้องถึงกับรัดจดเส้นเลือดปูด ... แถมตอนวิ่งเสร็จแค่ถอดมาล้างน้ำแป๊บเดียว แห้งไว ... ไม่ต้องคอยซักสาย แล้วตากให้แห้ง แบบพวกสายคาดหน้าอก
สิ่งที่ชอบ
+ ใส่สบายกว่าแบบสายคาดหน้าอกมาก
+ มี LED แสดงผลช่วงของจังหวะหัวใจ พอดูได้แก้ขัดไม่ต้องคอยเปิดมือถือ
+ ดูแลรักษาง่าย ล้างน้ำแป๊บเดียวแห้ง
+ เชื่อมต่อได้ทั้ง Bluetooth 4 และ ANT+ พร้อมกัน
+ ถือว่าราคาไม่แพงถ้าเทียบกับ Heart Rate Monitor แบบนาฬิกาทั่วไป ... แม้มันจะไม่มีหน้าจอและจับเวลาไม่ได้ แต่ก็ได้ฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อมาแทน
สิ่งที่ไม่ชอบ
- LED กระพริบห่างไป และ สีใกล้กันมากดูยาก
- ที่ชาร์จสาย USB สั้นจัง (ไม่ถึง 2 นิ้ว) และ ไม่สามารถใช้ที่ชาร์จมือถือ micro usb มาชาร์จได้ (ต้องเอาไปต่อกับ adapter ตรงปลั๊กไฟเลย แต่สายมันก็สั้นมาก)
- สัญญาณ ANT+ ไม่ค่อยแรง (จากรีวิวต่างประเทศ) เวลาจะใช้กับ นาฬิกา ANT+ ต้องใส่บนแขนข้างเดียวกันติดกันเลย ... ซึ่งคนอื่นดูแล้วอาจนึกว่าเป็นคนบ้า ใส่นาฬิกาสองเรือนได้ ... (ภาพจากเว็บ ตปท.)
- ตามสเปคแบตหมดเร็วไปหน่อย (8-10 ชั่วโมง) ทั้งๆที่เป็น Bluetooth 4 low energy ... เทียบกับ Polar Wearlink+ ที่เป็น Bluetooth ธรรมดาใช้ถ่ายกระดุมก้อนเดียวอยู่ได้ 50-60 ชั่วโมง
- ราคาแพงกว่าแบบสายคาดอกทั่วไป (ที่มักขายกัน 2 พันกว่า) แต่ Mio Link ราคา 3 พันกลางๆ (ซื้อจากร้านตัวแทนจำหน่าย) ...
- แอปของ Mio บน Android ไม่มีฟังก์ชั่นอะไรเลย
สรุป
ถึงจะมีข้อติเยอะ แต่ที่ลองใช้ดูก็ถือว่าถูกใจทีเดียว ... เป็น HRM แบบใหม่ที่น่าจะทำให้คนที่รำคาญการใส่สายคาดหน้าอกจนไม่อยากใช้ HRM เปลี่ยนใจกลับมาลองใช้อีกครั้งได้ ...
ปิดท้ายด้วยโฆษณาจาก TomTom ที่ใช้เทคโนโลยีการวัดหัวใจจาก Mio
ปล.
เห็นคุณ Gigabank เคยรีวิวการใช้ต่อกับอุปกรณ์ Garmin ผ่าน ANT+ ไว้แล้วใครสนใจลองไปอ่านเพิ่มเติมได้ ...
http://ppantip.com/topic/32372088
หรือถ้าเป็นภาษาอังกฤษมีรีวิวไว้หลายเจ้า
http://outdoorkinetics.co.uk/mio-link-review-monitor-your-heart-rate-without-a-chest-strap/
http://runblogger.com/2014/07/mio-link-wrist-mounted-heart-rate-monitor-review-a-runners-perspective.html
เว็บของ Mio
http://www.mioglobal.com/Shop/Department.aspx?DeptID=1