เชื่อว่าใครๆก็ต้องเคยฝันจริงมั้ยครับ แต่น้อยคนคงจะรู้ลึกรู้จริงว่าจริงๆแล้วความฝันเกิดขึ้นได้ยังไง เกิดกับใคร หรือคำถามที่หลายๆคนสงสัยกันว่าคนตาบอกจะฝันได้มั้ย วันนี้จึงได้เอาเรื่องจริงของความฝัน รวมทั้งมาคลายความสงสัยให้กับคำถามหลายๆคำถามที่ยังไม่มีใครตอบคุณได้
10. คนตาบอดก็ฝันได้!!
คนตาบอดในที่นี้แบ่งออกเป็น 2 กรณี คือตาบอดแต่กำเนิด ที่เมื่อฝันจะไม่สามารถเห็นภาพใดๆได้ เพราะไม่มีพื้นฐานของภาพนั้นๆมาก่อน แต่จะฝันเป็นเสียง สัมผัส และรสชาติเท่านั้น ส่วนคนที่ไม่ได้บอดแต่กำเนิดจะฝันเห็นเป็นภาพได้ เพราะมีภาพอยู่ในหัวอยู่แล้ว
9. จำความฝันได้แค่ 10% เท่านั้น
ลองสังเกตดูว่า 5 นาทีหลังจากตื่นคุณจะยังจำความฝันนั้นได้อยู่หน่อยนึง แต่เมื่อผ่านไป 10 นาทีเท่านั้นแหละมันจะหลงเหลือเพียงแค่ 10% ในหัวของคุณเท่านั้น ดังนั้นถ้าใครฝันเห็นเลขหรืออะไรดีๆก็รีบๆจดไว้ หรือเล่าให้คนอื่นฟังก่อนที่จะลืมเสียก่อน
8. ใครๆก็ฝันได้
ไม่ต้องสงสัยว่าคนต่างชาติ ต่างศาสนาเค้าฝันกันรึเปล่า? คำตอบคือไม่ว่าจะเด็ก จะแก่ จะเป็นคนชาติไหนก็ฝันได้เหมือนกันหมด แต่ที่บางคนบอกมาว่าตัวเองไม่เคยฝันอาจจะมาจากการที่ตัวเองจำไม่ได้มากกว่า
7. ความฝันช่วยให้คุณไม่โรคจิต!!
ว่ากันว่าความฝันเป็นการปลดปล่อยความเครียด ระบายความรู้สึกต่างๆที่อยู่ในใจออกมา เมื่อใดที่คุณไม่นอน นอนน้อย หรือโดนปลุกกลางคันบ่อยๆ จะทำให้ความเครียดนั้นสะสมอยู่ในใจอาจจะกลายเป็นโรคจิตเลยก็ได้
6. เราจะฝันในสิ่งที่เรารู้เท่านั้น
บ่อยครั้งที่เราคิดว่าเราฝันถึงคนแปลกหน้า แต่จริงๆแล้วคนเหล่านั้นเป็นคนที่อย่างน้อยต้องเคยผ่านตาเรามาก่อน แต่เพียงคุณจำไม่ได้เท่านั้นเอง แต่เรื่องของการไร้ขอบเขตของความฝันนั้นมันเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น
5. ไม่ใช่ทุกคนที่จะฝันเป็นสีสัน
มีเพียง12 % ของความฝันทั้งหมดเท่านั้นที่จะเป็นสีขาว-ดำ ส่วนที่เหลือนั้นจะมีความฝันเป็นภาพสีๆแบบที่เรามองเห็นอยู่ทุกวัน แต่บางทีคนก็บอกว่าตัวเองฝันเป็นสีทั้งหมด หรือขาวดำทั้งหมด นั่นเป็นเพราะว่าคุณเลือกที่จะจำความฝันแค่บางส่วนเท่านั้นเอง
4. ความฝันไม่ใช่คำทำนาย
บางคนอาจจะเชื่อว่าความฝันเป็นการบอกเหตุการณ์บางอย่างในอนาคต หรือตีเอาสัญลักษณ์บางอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ทั้งๆที่จริงๆอาจจะเป็นแค่ภาพที่ตัวเราเองสร้างขึ้น ซึ่งตีความไปก็ผิดกันป่าวๆ ดีไม่ดีตีไปเป็นตัวเลขให้เสียเงินซะงั้น
3. สารเสพติดก็มีผลต่อความฝัน
พูดไปอาจจะไม่เชื่อ แต่สารเสพติดนั้นมีผลต่อระบบประสาทและสมอง จึงอาจจะทำให้ผู้ที่ใช้มันมีความฝันที่แปลกๆ โลดโผนกว่าชาวบ้านเค้าหน่อย และถ้าฝันร้ายขึ้นมาแน่นอนว่ามันจะเสมือนจริงมาก จนบางคนถึงกับต้องเสียน้ำตาให้กับความฝันของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
2. สิ่งรอบข้างมารบกวนความฝันได้
หลายๆคนคงเป็นบ่อยที่ฝันว่าได้เดินเล่นในป่า เจอดอกไม้สวยงามแต่อยู่ๆกลับเดินตกน้ำ หรือฝนตก เมื่อคุณตื่นขึ้นมาจะรู้สึกปวดปัสสาวะอย่างหนัก นั่นแสดงว่าอาการปวดนั้นของคุณเข้าไปรบกวนในความฝัน หรือบางทีถ้าคุณหิวน้ำก่อนนอนแต่ไม่ได้ไปดื่ม คุณอาจจะฝันว่าได้ดื่มน้ำก็เป็นได้
1. เด็ก 3 ขวบมีโอกาสฝันร้ายมากกว่าเด็กโต
คุณแม่ทั้งหลายคงจะเคยเจอเหตุการณ์ที่ลูกเล็กของคุณตื่นขึ้นมาร้องไห้ตอนกลางดึก นั่นเป็นเพราะเค้าอาจจะฝันร้าย เพราะด้วยความที่ยังเด็กจึงยังไม่สามารถจัดเรียงข้อมูลที่ตัวเองพบเจอมาได้ดีนัก มันจึงออกมาเป็นฝันที่ซับซ้อน วุ่นวาย ทำให้เด็กตื่นกลัวได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่มา:http://www.toptenthailand.com/
10 เรื่องจริงที่คุณไม่เคยรู้เกี่ยวกับ”ความฝัน”
10. คนตาบอดก็ฝันได้!!
คนตาบอดในที่นี้แบ่งออกเป็น 2 กรณี คือตาบอดแต่กำเนิด ที่เมื่อฝันจะไม่สามารถเห็นภาพใดๆได้ เพราะไม่มีพื้นฐานของภาพนั้นๆมาก่อน แต่จะฝันเป็นเสียง สัมผัส และรสชาติเท่านั้น ส่วนคนที่ไม่ได้บอดแต่กำเนิดจะฝันเห็นเป็นภาพได้ เพราะมีภาพอยู่ในหัวอยู่แล้ว
9. จำความฝันได้แค่ 10% เท่านั้น
ลองสังเกตดูว่า 5 นาทีหลังจากตื่นคุณจะยังจำความฝันนั้นได้อยู่หน่อยนึง แต่เมื่อผ่านไป 10 นาทีเท่านั้นแหละมันจะหลงเหลือเพียงแค่ 10% ในหัวของคุณเท่านั้น ดังนั้นถ้าใครฝันเห็นเลขหรืออะไรดีๆก็รีบๆจดไว้ หรือเล่าให้คนอื่นฟังก่อนที่จะลืมเสียก่อน
8. ใครๆก็ฝันได้
ไม่ต้องสงสัยว่าคนต่างชาติ ต่างศาสนาเค้าฝันกันรึเปล่า? คำตอบคือไม่ว่าจะเด็ก จะแก่ จะเป็นคนชาติไหนก็ฝันได้เหมือนกันหมด แต่ที่บางคนบอกมาว่าตัวเองไม่เคยฝันอาจจะมาจากการที่ตัวเองจำไม่ได้มากกว่า
7. ความฝันช่วยให้คุณไม่โรคจิต!!
ว่ากันว่าความฝันเป็นการปลดปล่อยความเครียด ระบายความรู้สึกต่างๆที่อยู่ในใจออกมา เมื่อใดที่คุณไม่นอน นอนน้อย หรือโดนปลุกกลางคันบ่อยๆ จะทำให้ความเครียดนั้นสะสมอยู่ในใจอาจจะกลายเป็นโรคจิตเลยก็ได้
6. เราจะฝันในสิ่งที่เรารู้เท่านั้น
บ่อยครั้งที่เราคิดว่าเราฝันถึงคนแปลกหน้า แต่จริงๆแล้วคนเหล่านั้นเป็นคนที่อย่างน้อยต้องเคยผ่านตาเรามาก่อน แต่เพียงคุณจำไม่ได้เท่านั้นเอง แต่เรื่องของการไร้ขอบเขตของความฝันนั้นมันเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น
5. ไม่ใช่ทุกคนที่จะฝันเป็นสีสัน
มีเพียง12 % ของความฝันทั้งหมดเท่านั้นที่จะเป็นสีขาว-ดำ ส่วนที่เหลือนั้นจะมีความฝันเป็นภาพสีๆแบบที่เรามองเห็นอยู่ทุกวัน แต่บางทีคนก็บอกว่าตัวเองฝันเป็นสีทั้งหมด หรือขาวดำทั้งหมด นั่นเป็นเพราะว่าคุณเลือกที่จะจำความฝันแค่บางส่วนเท่านั้นเอง
4. ความฝันไม่ใช่คำทำนาย
บางคนอาจจะเชื่อว่าความฝันเป็นการบอกเหตุการณ์บางอย่างในอนาคต หรือตีเอาสัญลักษณ์บางอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ทั้งๆที่จริงๆอาจจะเป็นแค่ภาพที่ตัวเราเองสร้างขึ้น ซึ่งตีความไปก็ผิดกันป่าวๆ ดีไม่ดีตีไปเป็นตัวเลขให้เสียเงินซะงั้น
3. สารเสพติดก็มีผลต่อความฝัน
พูดไปอาจจะไม่เชื่อ แต่สารเสพติดนั้นมีผลต่อระบบประสาทและสมอง จึงอาจจะทำให้ผู้ที่ใช้มันมีความฝันที่แปลกๆ โลดโผนกว่าชาวบ้านเค้าหน่อย และถ้าฝันร้ายขึ้นมาแน่นอนว่ามันจะเสมือนจริงมาก จนบางคนถึงกับต้องเสียน้ำตาให้กับความฝันของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
2. สิ่งรอบข้างมารบกวนความฝันได้
หลายๆคนคงเป็นบ่อยที่ฝันว่าได้เดินเล่นในป่า เจอดอกไม้สวยงามแต่อยู่ๆกลับเดินตกน้ำ หรือฝนตก เมื่อคุณตื่นขึ้นมาจะรู้สึกปวดปัสสาวะอย่างหนัก นั่นแสดงว่าอาการปวดนั้นของคุณเข้าไปรบกวนในความฝัน หรือบางทีถ้าคุณหิวน้ำก่อนนอนแต่ไม่ได้ไปดื่ม คุณอาจจะฝันว่าได้ดื่มน้ำก็เป็นได้
1. เด็ก 3 ขวบมีโอกาสฝันร้ายมากกว่าเด็กโต
คุณแม่ทั้งหลายคงจะเคยเจอเหตุการณ์ที่ลูกเล็กของคุณตื่นขึ้นมาร้องไห้ตอนกลางดึก นั่นเป็นเพราะเค้าอาจจะฝันร้าย เพราะด้วยความที่ยังเด็กจึงยังไม่สามารถจัดเรียงข้อมูลที่ตัวเองพบเจอมาได้ดีนัก มันจึงออกมาเป็นฝันที่ซับซ้อน วุ่นวาย ทำให้เด็กตื่นกลัวได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้