..ละ..มายา..

กระทู้สนทนา
ผมเคยสังเกตุเห็นชาวห้องศษสนาหลายคนแม้จะต่างศรัทธากันแต่ก็ชื่นชอบกับแนวคิดของหนังแมททริก
ในภาพยนต์เรื่องนี้อาศัยความรู้หลายศาสนาแต่คนเขียน ตามความเห็นของผมแล้วเขารู้จักพุทธศาสนาดีมิใช่น้อย
จะว่าไปชีวิตจริงของพวกเราทั้งสามภพนั้นโดนหลอกเหมือนกัน หนักไม่น้อยกว่าชาวแมททริกเลย
พระพุทธองค์และพระพุทธเจ้าทั้งหลายนอดีตไม่ต่างไปจากผู้นำการปลดปล่อยชีวิตทั้งสามภพให้เป็นอิสระจากวัฏฏะสงสารนี้

ผมจะไม่พูดถึงอวิชชาเพราะพูดไปท่านก็ไม่เคยเห็นมันแต่จะพูดถึงสิ่งที่เราเห็นได้เพื่อต่อสู้เเละรู้ทันในมายาของมันนั่นก็คือ
กาย เวทนา จิต ธรรม เพราะทั้งสี่อย่างนี้มันมีมายามีมนต์ใว้ล่อหลอกเราให้เราติดแง็กในสิ่งที่ไม่ใช่เรา
การเห็นกายในกายมีด้วยกันหลายวิธีเช่นเพ่งแสงสว่างเพ่งซากศพจนได้นิมิตทำบ่อยๆจนชำนาญย่อมกำจัดมายาของกายเนื้อนี้ได้
การเห็นกายในกายด้วยอานาปานก็คือการเห็นลมหายใจเข้าออกได้เองทำบ่อยๆก็จะทำให้คลายความยึดมั่นในกายเนื้อนี้ได้
บางสำนักสอนให้คลายกำหนัดในกายเนื้อได้แต่พากันไปติดแง็กในมายาของจิตอย่างนี้เรียกว่าติดจิตติดใจทนทานเพราะมันเป็นมายาละเอียด
กว่ากายเนื้อนี้มาก ที่จริงแล้วพุทธองค์ทรงสอนให้เรารู้จักจิตในจิตเพื่อคลายความยึดมั่นว่าจิตเป็นตัวตนเป็นเราและทรงสอนให้เห็นเวทนาในเวทนา
เพื่อคลายกำหนัดในอามิสทั้งหลายเพราะสุขจากปิติที่ไร้อามิสในอานาปานนั้นสงบเย็นและหาง่ายกว่าสุขจากอามิสทั้งหลาย
ท้ายสุดในสติปัฏฐานสี่ก็คือการเห็นธรรมในธรรมย่อมหมายถึงการเห็นพระนิพพานสัญญาเพื่อละธรรมลามกทั้งหลายได้

ถ้าทำอานาปานแล้วท่านจะถึงกายในกายเวทนาในเวทนาจิตในจิตและธรรมในธรรม
ทำแบบนี้ท่านจะได้ปฐมฌานเป็นสัญญาณconfirmว่าท่านละกายเนื้อนี้ได้แล้ว(ชั่วคราว)
พอท่านได้ทุติยฌานนั้นเป็นปิติที่ไร้อามิสเป็นสัญญาณconfirmว่าท่านละเวทนาได้แล้ว(ชั่วคราว)
ถ้าท่านปล่อยวางจิตได้จริงท่านจะได้อุเบขาสัญญาเป็นฌานสี่แต่พอจะเข้าถึงธรรมในธรรม(ชั่วคราว)
ท่านต้องพิจารณาเพื่อปล่อยวางวางชีวิตในขันธ์ห้าก็จะเกิดวิปัสสนาญานนี่คือที่มาว่าฌานเกิดก่อนญาณเสมอ
ถ้ามาแนวอานาปานสติแล้วหลงอยาทางยากครับเพราะจะมีฌานเป็นสัญญาณconfirmให้เราตลอด
และเมื่อเห็นอสังขตธรรมก็จะเห็นในวิปัสสนาญาณครับพุทธองค์ทรงรับรองไม่หลุดไปในโรงถ่ายทำละครของพยามารแน่นอนครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่