พัฒน์ นวลจีน เขียน
รวงข้าวสีทองยังสบัดสู้แดดยามเย็นมันทิ้งรวงของมันอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะถูกเกี่ยวไปเป็นข้าวเปลือก มันเป็นปากท้องของชาวนากับค่าครองชีพที่สูงบรรลัยจนแทบจะกินน้ำคลองแทนน้ำประปา (ถ้าทำได้) ร้อนคลั่งของเมษาทำเอาทุ่งนากรอบแห้งไปทั่วผืน ชลประทานในหน้าแล้งเป็นสิ่งที่จำเป็น และด้วยความอัดอั้นทำให้ฤดูน้ำหลากมันโถมเข้าซัดจนผืนนากลายเป็นผืนน้ำ
เผิน รวงข้าว ชาวนาวัยกลางคนเข้าตั้งหลักปักฐานอยู่บนผืนนากว่า 20 ไร่ เขาเริ่มทำนาเมื่ออายุ 30 ปีหลังจากถูกเมืองกรุงหักอกให้โซซัดโซเซกลับมาหาผืนดินบ้านเกิดพร้อมลูกเมีย และเขาทำกินในที่ดินของคนอื่น ความจนเป็นนรกที่คอยสูบเลือดเนื้อเขาจนผอมโซ ที่หนักสุดเห็นทีจะเป็นการส่ง เถิน รวงข้าว เด็กชายกำดัดเพิ่งพ้นวัยเตรียมอุดมเข้าไปร่ำเรียนเอาปริญญาในเมืองกรุง
แฉล้ม รวงข้าว เมียของเผินบ่นอุบอิบถึงการอยากได้โทรศัพท์ราคาแพงของลูกชายโทนของหล่อน
“พี่เผิน ไอ้เถินมันอยากได้มือถือ ไอ้ชนิดที่มันเล่นนงเล่นเน็ตอะไรของมัน ฉันก็ไม่รู้จัก”
เผินส่ายหัวและถอนหายใจยาว เขาไม่ตอบอะไร
ตะวันรอนใกล้หัวค่ำ เผินนั่งกินเหล้าขาวแกล้มยำกบใส่ใบมะขามอ่อนบนลานหน้าบ้าน เขาอยากหาเงินซื้อโทรศัพท์มือถือให้ลูกชาย ด้วยความจนและของติดตัวมีเพียงผ้าข้าวม้าผืนเก่าถึงจะใช้ประโยชน์ได้สารพัดแต่ไม่มีราคา
เช้าวันใหม่ เผิน รวงข้าว ด้วยความรักลูกเขาเอาใบจำนำข้าวไปกู้เงินออกมาจำนวนหนึ่ง
“เอาเงินนี่ไปซื้อโทรศัพท์ให้ไอ้เถิน”
เผินโยนเงินลงแคร่ไม้ไผ่ แฉล้มนำเงินไปโยนเข้าธนาคารถึงไอ้เถิน และมันมีโทรศัพท์โก้ไว้อวดหญิง
เมฆขาวลอยเด่นเหนือตึกสูงตัดกับครามของท้องฟ้า ควันดำลอยต่ำจากการสันดาปเครื่องยนต์และเสียงแผดของรถรา ความโสมมของขยะริมฟุตปาธ ดอกไม้สำลักควันและต้นไม้จมกองฝุ่น ทุกอย่างเหมือนถูกเร่งรีบไปในนาทีของความเร่งด่วน รอยยิ้มแห้งเหือดของผู้คนถูกความตึงเครียดขโมยไป ทุกอย่างดูลนลานขาดระเบียบแต่ผู้คนยินดีสรรเสริญว่ามันคือเมืองสวรรค์
เถิน รวงข้าว หนุ่มนักเรียนมหาวิทยาลัยนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ในคาเฟ่แห่งหนึ่งใต้คอนโดหรูกลางกรุง รถไฟฟ้าวิ่งผ่านไปมาในระยะทางแสนสั้น ใครคนหนึ่งเคยสัญญาว่ามันจะวิ่งรอบเมืองกรุง บัดซบ! เขาไม่ได้หลอกลวงเรา เพียงแต่ท่านต้องใช้ไปกับปากท้องของครอบครัวและโคตรเหง้าบริวารก่อนเท่านั้นเอง คำสัญญาของเขาเหมือนลมโชย
ความแพงของเมืองหลวง ทำให้เงินของเถินถูกผลาญหมดไปเพียงไม่กี่วันของต้นเดือน เรื่องถึงหูแฉล้มผู้เป็นแม่ทนไม่ได้ ต้องออกแรงหาของป่ามาขายเป็นรายได้เสริมส่งให้ไอ้เถินมันร่ำเรียน ส่วนเผินผู้พ่อรับจ้างเลี้ยงวัวตามทุ่งหญ้าเขาเดินตากแดดจนผิวเกรียมไหม้และรอยย่นบนใบหน้าแลดูมากกว่าอายุจริงไปหลายปี ความแพงของไอ้เถินมันเล่นงานพ่อแม่จนอ่วม – แต่ไอ้เถินมันตั้งใจเรียนผิดก็แค่มันต้องการความยอมรับจากที่นั่นเมืองศิวิไลซ์
ราตรีไม่ประดับดาวแต่ถูกประดับด้วยแสงสีของค่ำคืนแทน
“ไอ้เถินแด_เหล้า!”
รัญควาน รำพึง เพื่อนของเถินหล่นคำชวนเพื่อนรักไปงมความรัญจวนในก้นขวด
“กูไม่ค่อยมีเงินว่ะ สงสารแม่กูทำงานงกๆส่งควายเรียน”
“คืนนี้กูจ่ายเองเพื่อน”
รัญควานตบมือไปที่กระเป๋ากางเกงและยักคิ้วข้างเดียวสองครั้ง
“เราต้องส่งคืนความสุขให้ตัวเอง!”
บูลส์ร็อกบรรเลงในคืนเปลี่ยวของหนุ่มนักเรียนมหาวิทยาลัยทั้งสอง เขาเลือกไนท์คลับแห่งหนึ่งเป็นที่ปลดเปลื้องตำราเรียน สมองต้องการพักผ่อนด้วยไอเย็นจากค็อกเทล
“เดิอร์ทิ้ มาร์ตินี่ สองที่จัดหน่อยบาร์เทนเดอร์” เขาหมายถึง Dirty Martini
รัญควาน ชูสองนิ้วและระบายยิ้มที่มุมปาก จากนั้นเขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายเซลฟี่และกดเชคอินสถานที่เผยแพร่ในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ระหว่างรอค็อกเทลรัญควานจมอยู่กับหน้าจอรอคนมากดไลค์!
“แหม…ไอ้เหี้_ พ่อกูแด_เหล้าขาวแกล้มมะขามอ่อน มึ_พากูมาแด_เหล้านอกแกล้มมะกอกดอง!”
เถินสัพยอกเพื่อนรัก
เมื่อเหล้ามาถึงรัญควานตะโกนผ่านความดังของเสียงเพลง
“กูอยากซื้อความแพงของคืนนี้”
“กูไม่เข้าใจ”
เถินตอบหน้านิ่งเหมือนลมเป่าสากและจับเดอร์ทิ้มาร์ตินี่ขึ้นจิบหลับตาปี๋ เขาเสพสื่อโซเชียลต่อไปและไม่เงยหน้ามองคนรอบข้าง
“เห้ยไอ้เถิน…เห็นคนนั้นไหม”
รัญควานพยักหน้าเล่นตาไปทางหญิงสาวในมุมสลัว หล่อนสูบบุหรี่นอกและไขว้ขาบนเก้าอี้บาร์เผยเห็นขาวเนียนของต้นขาและมันทำให้หัวใจชายตั้งเด่บนความสลัวของแสงไฟ
“เห็น…ทำไมวะ”
“เดี๋ยวกูจัดให้!”
รัญควานสาวเท้าไปตามทางเดิน และกล่าวทักทายหล่อนด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านของวัยกำดัด ไม่นานชายสองคนเดินเข้ามาทางด้านซ้ายมือ จับแขนของรัญควานก่อนตะโกนบอก “เด็กของนายกูโว้ย อย่าเสือ_”
“นายมึ_ใครวะ”
“นายกูมีเก้าอี้ในรัฐสภา”
การเมืองมันตามมาเล่นงานเขาถึงในร้านเหล้า
แดดสายสาดมาตามช่องหน้าต่าง มันแหวกตาเถินให้เปิดออกในวันหยุดสุดสัปดาห์ของคนทำงาน แต่ไม่ใช่วันหยุดของเถิน เขาลุกขึ้นกุลีกุจอเตรียมตัวพรีเซ้นต์งานกับอาจารย์ในคณะคาบบ่าย เถินเป็นคนตั้งใจเรียนแม้จะเสียเวลาไปงมน้ำเมาในขวดเหล้าและสลัวของกลางคืน แต่เถินไม่เคยเชือนแชในหน้าที่ เขาตั้งใจเรียนในแบบที่พ่อแม่อยากให้เขาเรียน
ผ่านไปหลายปีจนใบปริญญามาถึงบ้าน เผิน และ แฉล้ม รวงข้าว ยิ้มหน้าผ่องให้กล้องถ่ายรูป “…ไอ้เถินของฉันมันเรียนจบแล้วแกรู้ยัง?” แฉล้ม ผู้เป็นแม่หล่อนป่าวประกาศตั้งแต่ตะวันออกไปตะวันตกเหนือไปใต้และทุกหลังคาเรือน เขารู้กันทั่วว่าไอ้เถินเรียนจบจะเป็นเจ้าคนนายคน
เถิน รวงข้าว หน้าตาชื่นบาน เขากรอกใบสมัครไว้หลายบริษัท และรอวันนัดสัมภาษณ์มาถึงความเตรียมพร้อมของเขาอยู่ในขั้นเตรียมตัวมาดีแต่อาการสั่นเกร็งเพราะความตื่นเต้นยังเคล้าอยู่ในท่าทาง บริษัทแรกผ่านไปจนถึงบริษัทสุดท้าย เถินรอด้วยความหวังด้วยการบรรจุเป็นพนักงานประจำ
และไม่มีการตอบกลับ ความผิดหวังถีบเขาจนตัวเซ เถินเดินเตะฝุ่นไปบนทางเท้าและร้องไห้ไม่มีน้ำตาให้กับใบปริญญา อย่างเศร้าบรม
“นามสกุลมึ_คงโก้ไม่พอ คนดีมีแต่เขืออย่างมึ_มีเหรอเขาจะเอา เงินมันหนักกว่าความดีโว้ย” ใครบางคนตะโกนออกมาจากตัวเขาในคืนที่เหล้าเข้าปากไปเท่ากับจำนวนเงินที่มีอยู่ เถินชายหนุ่มปริญญาตรีผู้ตกงานในวันที่ความสลัวและน้ำเมาอยู่เป็นเพื่อนเขาจนเกือบรุ่งสาง
เช้าวันรุ่งขึ้น เถิน รวงข้าว เดินออกจากตัวเองในวันขุ่นมัวเขาสะลึมสะลือเหมือนยังไม่ตื่นดี ก่อนที่เถินอีกคนจะเข้ามาตบหัวดังโครม “ไอ้ควาย…กลับบ้านไปไถนาเถอะ” เถินรีบเก็บเสือผ้ายัดกระเป๋าตามคำตัวเองบอก เขาโดนหักอกเข้าอีกคนกับความแพงของเมืองกรุงเหมือนผู้หญิงที่ไม่ต้องการนั่งเกวียนสองล้อหล่อนอยากนั่งเบาะหนังในคูเป้คันละหลายล้านและความรวยเป็นความอยู่รอดของที่นั่น
ดอกกระถินนาออกดอกละทาง เถินโยนตัวออกจากรถโดยสารเขาเดินย่ำบนดินสีลูกรังสู่อ้อมกอดของท้องนา บ้านนอกของเขามันต้อนรับชนชั้นแรงงานเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคน พ่อแม่ของเขาทำได้เพียงแค่ปลอบโยนลูกในความเศร้าของนาทีนั้น น้ำตาเถินไหลอาบแก้มและเหือดหายไปด้วยอาทรของบิดามารดาในวัยชรา
บ่ายแก่กลางทุ่ง เถิน รวงข้าว มือของเขาจับอีโก้งไถนาแทนจับปากกา
ไอ้เถินถูกยอกมือจนแดงก่ำใต้แดดเผา
“ชิ_หาย…กูทำนาไม่เป็น!”
เรื่องของเถิน
รวงข้าวสีทองยังสบัดสู้แดดยามเย็นมันทิ้งรวงของมันอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะถูกเกี่ยวไปเป็นข้าวเปลือก มันเป็นปากท้องของชาวนากับค่าครองชีพที่สูงบรรลัยจนแทบจะกินน้ำคลองแทนน้ำประปา (ถ้าทำได้) ร้อนคลั่งของเมษาทำเอาทุ่งนากรอบแห้งไปทั่วผืน ชลประทานในหน้าแล้งเป็นสิ่งที่จำเป็น และด้วยความอัดอั้นทำให้ฤดูน้ำหลากมันโถมเข้าซัดจนผืนนากลายเป็นผืนน้ำ
เผิน รวงข้าว ชาวนาวัยกลางคนเข้าตั้งหลักปักฐานอยู่บนผืนนากว่า 20 ไร่ เขาเริ่มทำนาเมื่ออายุ 30 ปีหลังจากถูกเมืองกรุงหักอกให้โซซัดโซเซกลับมาหาผืนดินบ้านเกิดพร้อมลูกเมีย และเขาทำกินในที่ดินของคนอื่น ความจนเป็นนรกที่คอยสูบเลือดเนื้อเขาจนผอมโซ ที่หนักสุดเห็นทีจะเป็นการส่ง เถิน รวงข้าว เด็กชายกำดัดเพิ่งพ้นวัยเตรียมอุดมเข้าไปร่ำเรียนเอาปริญญาในเมืองกรุง
แฉล้ม รวงข้าว เมียของเผินบ่นอุบอิบถึงการอยากได้โทรศัพท์ราคาแพงของลูกชายโทนของหล่อน
“พี่เผิน ไอ้เถินมันอยากได้มือถือ ไอ้ชนิดที่มันเล่นนงเล่นเน็ตอะไรของมัน ฉันก็ไม่รู้จัก”
เผินส่ายหัวและถอนหายใจยาว เขาไม่ตอบอะไร
ตะวันรอนใกล้หัวค่ำ เผินนั่งกินเหล้าขาวแกล้มยำกบใส่ใบมะขามอ่อนบนลานหน้าบ้าน เขาอยากหาเงินซื้อโทรศัพท์มือถือให้ลูกชาย ด้วยความจนและของติดตัวมีเพียงผ้าข้าวม้าผืนเก่าถึงจะใช้ประโยชน์ได้สารพัดแต่ไม่มีราคา
เช้าวันใหม่ เผิน รวงข้าว ด้วยความรักลูกเขาเอาใบจำนำข้าวไปกู้เงินออกมาจำนวนหนึ่ง
“เอาเงินนี่ไปซื้อโทรศัพท์ให้ไอ้เถิน”
เผินโยนเงินลงแคร่ไม้ไผ่ แฉล้มนำเงินไปโยนเข้าธนาคารถึงไอ้เถิน และมันมีโทรศัพท์โก้ไว้อวดหญิง
เมฆขาวลอยเด่นเหนือตึกสูงตัดกับครามของท้องฟ้า ควันดำลอยต่ำจากการสันดาปเครื่องยนต์และเสียงแผดของรถรา ความโสมมของขยะริมฟุตปาธ ดอกไม้สำลักควันและต้นไม้จมกองฝุ่น ทุกอย่างเหมือนถูกเร่งรีบไปในนาทีของความเร่งด่วน รอยยิ้มแห้งเหือดของผู้คนถูกความตึงเครียดขโมยไป ทุกอย่างดูลนลานขาดระเบียบแต่ผู้คนยินดีสรรเสริญว่ามันคือเมืองสวรรค์
เถิน รวงข้าว หนุ่มนักเรียนมหาวิทยาลัยนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ในคาเฟ่แห่งหนึ่งใต้คอนโดหรูกลางกรุง รถไฟฟ้าวิ่งผ่านไปมาในระยะทางแสนสั้น ใครคนหนึ่งเคยสัญญาว่ามันจะวิ่งรอบเมืองกรุง บัดซบ! เขาไม่ได้หลอกลวงเรา เพียงแต่ท่านต้องใช้ไปกับปากท้องของครอบครัวและโคตรเหง้าบริวารก่อนเท่านั้นเอง คำสัญญาของเขาเหมือนลมโชย
ความแพงของเมืองหลวง ทำให้เงินของเถินถูกผลาญหมดไปเพียงไม่กี่วันของต้นเดือน เรื่องถึงหูแฉล้มผู้เป็นแม่ทนไม่ได้ ต้องออกแรงหาของป่ามาขายเป็นรายได้เสริมส่งให้ไอ้เถินมันร่ำเรียน ส่วนเผินผู้พ่อรับจ้างเลี้ยงวัวตามทุ่งหญ้าเขาเดินตากแดดจนผิวเกรียมไหม้และรอยย่นบนใบหน้าแลดูมากกว่าอายุจริงไปหลายปี ความแพงของไอ้เถินมันเล่นงานพ่อแม่จนอ่วม – แต่ไอ้เถินมันตั้งใจเรียนผิดก็แค่มันต้องการความยอมรับจากที่นั่นเมืองศิวิไลซ์
ราตรีไม่ประดับดาวแต่ถูกประดับด้วยแสงสีของค่ำคืนแทน
“ไอ้เถินแด_เหล้า!”
รัญควาน รำพึง เพื่อนของเถินหล่นคำชวนเพื่อนรักไปงมความรัญจวนในก้นขวด
“กูไม่ค่อยมีเงินว่ะ สงสารแม่กูทำงานงกๆส่งควายเรียน”
“คืนนี้กูจ่ายเองเพื่อน”
รัญควานตบมือไปที่กระเป๋ากางเกงและยักคิ้วข้างเดียวสองครั้ง
“เราต้องส่งคืนความสุขให้ตัวเอง!”
บูลส์ร็อกบรรเลงในคืนเปลี่ยวของหนุ่มนักเรียนมหาวิทยาลัยทั้งสอง เขาเลือกไนท์คลับแห่งหนึ่งเป็นที่ปลดเปลื้องตำราเรียน สมองต้องการพักผ่อนด้วยไอเย็นจากค็อกเทล
“เดิอร์ทิ้ มาร์ตินี่ สองที่จัดหน่อยบาร์เทนเดอร์” เขาหมายถึง Dirty Martini
รัญควาน ชูสองนิ้วและระบายยิ้มที่มุมปาก จากนั้นเขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายเซลฟี่และกดเชคอินสถานที่เผยแพร่ในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ระหว่างรอค็อกเทลรัญควานจมอยู่กับหน้าจอรอคนมากดไลค์!
“แหม…ไอ้เหี้_ พ่อกูแด_เหล้าขาวแกล้มมะขามอ่อน มึ_พากูมาแด_เหล้านอกแกล้มมะกอกดอง!”
เถินสัพยอกเพื่อนรัก
เมื่อเหล้ามาถึงรัญควานตะโกนผ่านความดังของเสียงเพลง
“กูอยากซื้อความแพงของคืนนี้”
“กูไม่เข้าใจ”
เถินตอบหน้านิ่งเหมือนลมเป่าสากและจับเดอร์ทิ้มาร์ตินี่ขึ้นจิบหลับตาปี๋ เขาเสพสื่อโซเชียลต่อไปและไม่เงยหน้ามองคนรอบข้าง
“เห้ยไอ้เถิน…เห็นคนนั้นไหม”
รัญควานพยักหน้าเล่นตาไปทางหญิงสาวในมุมสลัว หล่อนสูบบุหรี่นอกและไขว้ขาบนเก้าอี้บาร์เผยเห็นขาวเนียนของต้นขาและมันทำให้หัวใจชายตั้งเด่บนความสลัวของแสงไฟ
“เห็น…ทำไมวะ”
“เดี๋ยวกูจัดให้!”
รัญควานสาวเท้าไปตามทางเดิน และกล่าวทักทายหล่อนด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านของวัยกำดัด ไม่นานชายสองคนเดินเข้ามาทางด้านซ้ายมือ จับแขนของรัญควานก่อนตะโกนบอก “เด็กของนายกูโว้ย อย่าเสือ_”
“นายมึ_ใครวะ”
“นายกูมีเก้าอี้ในรัฐสภา”
การเมืองมันตามมาเล่นงานเขาถึงในร้านเหล้า
แดดสายสาดมาตามช่องหน้าต่าง มันแหวกตาเถินให้เปิดออกในวันหยุดสุดสัปดาห์ของคนทำงาน แต่ไม่ใช่วันหยุดของเถิน เขาลุกขึ้นกุลีกุจอเตรียมตัวพรีเซ้นต์งานกับอาจารย์ในคณะคาบบ่าย เถินเป็นคนตั้งใจเรียนแม้จะเสียเวลาไปงมน้ำเมาในขวดเหล้าและสลัวของกลางคืน แต่เถินไม่เคยเชือนแชในหน้าที่ เขาตั้งใจเรียนในแบบที่พ่อแม่อยากให้เขาเรียน
ผ่านไปหลายปีจนใบปริญญามาถึงบ้าน เผิน และ แฉล้ม รวงข้าว ยิ้มหน้าผ่องให้กล้องถ่ายรูป “…ไอ้เถินของฉันมันเรียนจบแล้วแกรู้ยัง?” แฉล้ม ผู้เป็นแม่หล่อนป่าวประกาศตั้งแต่ตะวันออกไปตะวันตกเหนือไปใต้และทุกหลังคาเรือน เขารู้กันทั่วว่าไอ้เถินเรียนจบจะเป็นเจ้าคนนายคน
เถิน รวงข้าว หน้าตาชื่นบาน เขากรอกใบสมัครไว้หลายบริษัท และรอวันนัดสัมภาษณ์มาถึงความเตรียมพร้อมของเขาอยู่ในขั้นเตรียมตัวมาดีแต่อาการสั่นเกร็งเพราะความตื่นเต้นยังเคล้าอยู่ในท่าทาง บริษัทแรกผ่านไปจนถึงบริษัทสุดท้าย เถินรอด้วยความหวังด้วยการบรรจุเป็นพนักงานประจำ
และไม่มีการตอบกลับ ความผิดหวังถีบเขาจนตัวเซ เถินเดินเตะฝุ่นไปบนทางเท้าและร้องไห้ไม่มีน้ำตาให้กับใบปริญญา อย่างเศร้าบรม
“นามสกุลมึ_คงโก้ไม่พอ คนดีมีแต่เขืออย่างมึ_มีเหรอเขาจะเอา เงินมันหนักกว่าความดีโว้ย” ใครบางคนตะโกนออกมาจากตัวเขาในคืนที่เหล้าเข้าปากไปเท่ากับจำนวนเงินที่มีอยู่ เถินชายหนุ่มปริญญาตรีผู้ตกงานในวันที่ความสลัวและน้ำเมาอยู่เป็นเพื่อนเขาจนเกือบรุ่งสาง
เช้าวันรุ่งขึ้น เถิน รวงข้าว เดินออกจากตัวเองในวันขุ่นมัวเขาสะลึมสะลือเหมือนยังไม่ตื่นดี ก่อนที่เถินอีกคนจะเข้ามาตบหัวดังโครม “ไอ้ควาย…กลับบ้านไปไถนาเถอะ” เถินรีบเก็บเสือผ้ายัดกระเป๋าตามคำตัวเองบอก เขาโดนหักอกเข้าอีกคนกับความแพงของเมืองกรุงเหมือนผู้หญิงที่ไม่ต้องการนั่งเกวียนสองล้อหล่อนอยากนั่งเบาะหนังในคูเป้คันละหลายล้านและความรวยเป็นความอยู่รอดของที่นั่น
ดอกกระถินนาออกดอกละทาง เถินโยนตัวออกจากรถโดยสารเขาเดินย่ำบนดินสีลูกรังสู่อ้อมกอดของท้องนา บ้านนอกของเขามันต้อนรับชนชั้นแรงงานเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคน พ่อแม่ของเขาทำได้เพียงแค่ปลอบโยนลูกในความเศร้าของนาทีนั้น น้ำตาเถินไหลอาบแก้มและเหือดหายไปด้วยอาทรของบิดามารดาในวัยชรา
บ่ายแก่กลางทุ่ง เถิน รวงข้าว มือของเขาจับอีโก้งไถนาแทนจับปากกา
ไอ้เถินถูกยอกมือจนแดงก่ำใต้แดดเผา
“ชิ_หาย…กูทำนาไม่เป็น!”